Image
Image

๒๓๖๗

๗ กรกฎาคม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทวาวงศ์ฯ ทรงพระผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันพุธ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก ขณะพระชนมายุ ๒๐ พรรษา ทรงมีพระนามฉายา “วชิรญาณ”

ดังปรากฏใจความใน พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒ ว่า “ครั้น ณ วันอังคาร เดือนแปด ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ จึงมีพระราชโองการให้เจ้าพนักงานสมโภชเวียนเทียนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงศ์ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน  รุ่งขึ้น ณ วันพุธ เดือนแปด ขึ้นสิบสองค่ำ...ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุต่อสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระอุปัชฌาย์พระราชาคณะเป็นอันดับ”

หลังปฏิบัติอุปัชฌายวัตรครบ ๓ วัน เสด็จไปจำพรรษา ณ วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส-วิหาร)  ออกพรรษาแล้วเสด็จไปประทับ ณ วัดมหาธาตุ ตั้งต้นเรียนคันถธุระ ทรงศึกษาพระไตรปิฎกบาลี 

๒๓๖๘

พระวชิรญาณเถระทรงทำทัฬหิกรรม (อุปสมบทซ้ำ) ในคณะสงฆ์รามัญ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์สยาม ในพรรษา ๒  ใน พระราชประวัติในรัชกาลที่ ๔ โดยความย่อ ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ นับวาระนี้ว่าเป็นกาลกำเนิดคณะธรรมยุต

๒๓๗๒

พระวชิรญาณเถระเสด็จจากวัดมหาธาตุไปประทับอยู่วัดสมอราย มีภิกษุถวายตัวเป็นศิษย์ เริ่มสร้างสำนักคณะสงฆ์ที่ได้นามภายหลังว่าธรรมยุติกนิกาย  ในลายพระหัตถ์ฉบับหนึ่งของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส อ้างถึงพระดำรัสของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ว่า ทรงถือว่าเป็นกาลกำเนิดของคณะธรรมยุต

๒๓๗๙

พระวชิรญาณเถระพระชนมายุ ๓๒ พรรษา เสด็จมาอยู่ครองวัดบวรนิเวศวิหาร หลังทรงพระผนวชได้ ๑๒ พรรษา รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้าง “พระตำหนักปั้นหย่า” พระราชทาน  สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงถือวาระนี้ว่าเป็นกาลกำเนิดของคณะธรรมยุต

๒๓๘๐

อัญเชิญพระพุทธชินสีห์ขึ้นสถิตที่มุขหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร 

Image

0