เรื่อง : รชฏ มีตุวงศ์
๗.๗
“สิ่งน่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทย คือแผ่นดินไหว ขนาด ๗.๗ ครั้งนี้ อาจกระตุ้นให้รอยเลื่อนเมยในพื้นที่จังหวัดตาก หรือบางคนเรียกรอยเลื่อนแม่ปิง ที่ต่อเชื่อมกับรอยเลื่อนสะกายเกิดการขยับตัว รวมทั้งรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอนที่หลับใหลมานานอาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง หรือขนาดตั้งแต่ ๖.๐ ขึ้นไปได้ในอนาคต คนไทยเราพร้อมรับมือกันหรือยัง”
พูดก็พูดเถอะ คำอธิบายเรื่องแผ่นดินไหวที่ทิ้งท้ายด้วยคำถามทำนองนี้ หากเอ่ยจากหมอดูชื่อดังหรือใครอื่นทั่วไป ผมมักฟังแล้วผ่านเลย ไม่ค่อยสนใจ แต่พอถูกถามจากนักธรณีวิทยา ผู้เชี่ยวชาญและศึกษาเรื่องรอยเลื่อนมีพลังและแผ่นดินไหวมามากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย อีกทั้งเคยไปสัมผัสใกล้ชิดกับรอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) โดยตรงอย่าง สุวิทย์ โคสุวรรณ ทำให้ผมต้องฟังอย่างตั้งใจและนำมาคิดต่อ
คนไทยเราพร้อมรับมือกันหรือยัง สุวิทย์ย้ำกับผมอีกครั้งว่าแผ่นดินไหวเป็นพิบัติภัยที่ไม่สามารถบอกวันเวลา สถานที่ และขนาดของการเกิดล่วงหน้าได้ การศึกษาวิจัย เตรียมพร้อมรับมือ และวางแผนป้องกันบรรเทาความเสียหายจึงจำเป็นมาก ยิ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๓.๒๐ น. ด้วยขนาด ๗.๗ ความลึก ๑๐ กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ระหว่างเมืองมัณฑะเลย์กับเมืองสะกายในประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว ๓๓๐ กิโลเมตร แต่ส่งแรงสั่นไหวไกลมาถึงกรุงเทพฯ ก่อความตื่นตระหนกและความเสียหายที่รุนแรงไม่น้อย
“แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคมที่ผ่านมาค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมายถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้วแผ่นดินไหวขนาด ๗.๗ จะส่งผลให้เกิดรอยแตกหรือการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนอยู่ในพื้นที่ด้วยความกว้าง ๒๐ กิโลเมตร และความยาว ๒๐๐ กิโลเมตร แต่คราวนี้ การเลื่อนตัวของรอยเลื่อนสะกายยาวมากกว่า ๔๕๐ กิโลเมตร ดูได้จากแนวกระจายตัวของ aftershocks หรือแผ่นดินไหวตาม คือตั้งแต่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองสะกาย เมืองเมกติลา เมืองหลวงเนปยีดอ และเมืองพะโค
“รวมทั้งองค์การนาซา (NASA) ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม ทำให้มองเห็นชัดเจนว่าแผ่นดินไหวทำให้รอยเลื่อนฉีกขาดยาวมากเกือบ ๕๐๐ กิโลเมตร ส่งผลกระทบให้กรุงเทพฯ ของเราเกิดการสั่นไหวค่อนข้างรุนแรงและยาวนานกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กอีกจำนวนมากในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ไม่ว่าที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอำเภอปายและหลุมยุบในพื้นที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย”
สุวิทย์ขยายความว่า สำหรับรอยเลื่อนสะกายที่หลายคนมักเปรียบเป็นยักษ์หลับกลางประเทศเมียนมา ต้นเหตุของแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งนี้ เขามีประสบการณ์ไปร่วมสำรวจและศึกษาเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ๒๕๖๑ เป็นรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการแบบเจาะลึกในหัวข้อ Paleoseismological Field Training Course at Sagaing Fault in Myanmar จุดประสงค์หลักคือศึกษาหน้าตาและพฤติกรรมของรอยเลื่อนสะกาย รอยเลื่อนมีพลังขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เทคนิคใหม่ ๆ ในการสำรวจรอยเลื่อนมีพลังเพื่อนำมาปรับใช้ในประเทศไทย โดยมีวิทยากร คณะผู้จัดการฝึกอบรม และผู้เชี่ยวชาญด้านรอยเลื่อนมีพลังและธรณีพิบัติภัยแผ่นดินไหวจาก University of Oregon (UO), Oregon State University (OSU), California Geological Survey (CGS), National Taiwan University (NTU), Earth Observatory of Singapore (EOS), Institute of Geology, China Earthquake Administration และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานทางด้านธรณีวิทยาของประเทศเมียนมาและประเทศไทยเข้าร่วมด้วย
การสำรวจรอยเลื่อนมีพลังที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา โดยการขุดร่องสำรวจ บันทึกลำดับชั้นดินและเก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์หาอายุและความสัมพันธ์กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอดีต
ภาพ : สุวิทย์ โคสุวรรณ