๑๕ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๕ (ปี ๒๔๔๙)
เดินทางโดยรถไฟพิเศษจากสถานีกรุงเทพฯ เวลา ๓ โมงเช้าพร้อมคณะผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งเก้าคน
พระยาจ่าแสนบดี (อวบ เปาโรหิต) เจ้ากรมพลัมภัง ต่อมาเป็นเจ้าพระยามุขมนตรี เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ (ม.ร.ว. จิตร สุทัศน์ ณ อยุธยา) ต่อมาเป็นพระยาศรีวรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาดเล็ก หม่อมเจ้าประสบประสงค์ หม่อมเจ้าชายใหญ่ในกรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ หลวงอนุชิตพิทักษ์ (ชาย สุนทรารชุน) ต่อมาเป็นพระยาสฤษดิพจนกร หมอแบรดด๊อก นายเดอลารอคา ช่างถ่ายรูป นายเอี๋ยน โอวาทะสร มหาดเล็ก ต่อมาเป็นหลวงวิจารณ์ภักดี นายทองสุก อินทรรัศมี จะไปเป็นข้าหลวงธรรมการมณฑลอีสาน ต่อมาเป็นหลวงจรูญชวนะพัฒน์ นายแก้ว พนักงานกรมลหุโทษ จะไปหัดกดลายมือนักโทษตามหัวเมือง
ผ่านอยุธยา สระบุรี ปากเพรียว จันทึก สูงเนิน ถึงสถานีเมืองนครราชสีมา เวลาบ่าย ๓ โมง ๔๕ นาที ประทับแรมที่เรือนแสนศุข ตำบลหนองบัว นอกเมืองโคราช
ที่พักแรมบ้านสำราญ แขวงเมืองขอนแก่น
๑๘ ธันวาคม
ออกเดินทางโดยกองเกวียนและขี่ม้า ผ่านเมืองนครราชสีมา ไปออกประตูพลแสน ข้ามลำน้ำตะคอง ผ่านบ้านวัดพลับ เดินตามทางสายโทรเลขผ่านเนินกะทาเกลือ บ้านเกาะ ถนนจอหอ ถึงพะเนา ผ่านอำเภอกลาง (อำเภอโนนสูงในปัจจุบัน) ข้ามลำเชิงไกร พักแรมที่บ้านบัว รวมระยะทางเดินทั้งวัน ๗๕๐ เส้น หรือ ๓๐ กิโลเมตร
๑๙ ธันวาคม
ผ่านบ้านดงพลอง แล้วข้ามห้วยดงพลอง เดินม้ามาสักชั่วโมง ถึงลานนกกระเรียนในทุ่งหญ้าใหญ่ ผ่านบ้านมะค่า บ้านโพนเสลา ผ่านเทวสถานศิลาแลงของโบราณ ถึงที่พักแรมใกล้สระเพลงในหมู่บ้านโพนสงคราม รวมระยะทางเดินทั้งวัน ๕๕๐ เส้น หรือ ๒๒ กิโลเมตร
๒๐ ธันวาคม
เข้าเขตอำเภอนอก หรืออำเภอบัวใหญ่ในปัจจุบัน ผ่านบ้านดอนใหญ่ ผ่านตำบลโกรกกรัง ตำบลบ้านทองหลางน้อย บ้านบัวน้อย พักแรมที่ทุ่งนาบ้านบัวใหญ่
ชาวบ้านรับเสด็จ ปี ๒๔๔๙ หนึ่งในภาพคุ้นตามากที่สุด เมื่อกล่าวถึงสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ กับอีสาน
๒๐ ธันวาคม
ย่ำรุ่งออกเดินทางขี่ม้าผ่านหมู่บ้านบัว บ้านจาน เดินลงทุ่งไปขึ้นโคกหลวง ข้ามเข้าสู่มณฑลอุดร ถึงหนองหว้าเอน พักกินข้าวเช้า จากนั้นเข้าสู่เขตเมืองชนบทพักแรมที่หนองหญ้าปล้อง ซึ่งห่างออกไปเป็นหมู่บ้านคนเป็นโรคกุดถังหรือบ้านขี้ทูด จากเมืองต่าง ๆ มารวมอยู่ด้วยกัน