Image

"สมัชชาคนจน
แสดงให้เห็นว่าการรวมกลุ่ม
ทำให้มีพลังต่อรองกับรัฐ"

สัมภาษณ์ : สุเจน กรรพฤทธิ์
ภาพ : ฝ่ายภาพสารคดี

พลอยใจ ปิ่นตบแต่ง มอง “สมัชชาคนจน” จากมุมมองของลูกสาว รศ.ดร. ประภาส ปิ่นตบแต่ง อดีตที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และวุฒิสมาชิก (กลุ่ม ๑๗ ประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์) 

“พ่อเป็นคนนครปฐม แต่งงานแล้วก็ย้ายมาอยู่บ้านแม่ ย่านบางขุนนนท์ เคยทำงานที่มหาวิทยาลัยเกริก หนังสือพิมพ์
ข่าวสด สอนหนังสือที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ที่เราจำความได้ตั้งแต่เรียนชั้นประถมฯ ก็มีคนแปลกหน้ามาที่บ้านเป็นประจำ บ้านเราเป็นบ้านหลัก มีบ้านอีกหลังแยก คนจะมาอาศัยอยู่คราวละนาน ๆ ความเป็นเด็กเราก็งงว่าใคร มีเบื่อ รำคาญบ้าง เพราะไม่รู้จัก ยิ่งช่วงไหนมีชุมนุมประท้วง
ในกรุงเทพฯ ก็มักมีคนแวะมากินข้าว อาบน้ำบ่อย  เราก็จะอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่ได้ไปยุ่งกับบ้านหลังเล็กน้องสาวก็จะคล้ายกัน

“พ่อมีหน้าที่รับลูกจากโรงเรียน บางทีรับแล้วก็ไปแวะบริเวณที่ชุมนุม ครั้งหนึ่งสมัชชาคนจนชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรฯ ถนนราชดำเนินกลาง พ่อก็แวะคุยกับคนนั้นคนนี้ เรารู้ว่าถ้าพ่อแวะก็ยาว รู้สึกว่านานเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องเรา ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ในรถ

“มาเริ่มรู้ว่าพ่อทำอะไรก็จากเสื้อยืดจำนวนมหาศาลในบ้าน สกรีนข้อความเช่น ‘คนจนไม่ใช่คนอื่น’ ชื่อเครือข่ายนั้นเครือข่ายนี้ พ่อแทบไม่เคยใส่เสื้อที่ซื้อเองเลย ใส่เสื้อที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์เคลื่อนไหวหัวข้อต่าง ๆ ตลอด 

“ในบ้านก็มีหนังสือเยอะมาก ช่วงมัธยมฯ ปลาย ปริญญาตรี จำได้ว่ามี booklet เล่มเล็ก ๆ ที่อธิบายคำภาษาต่างประเทศอย่าง ‘การค้าเสรี’ ถึงเริ่มรู้ว่าพ่อกำลังทำอะไร ความเป็นเด็กเราไม่ได้มองว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่มองว่าคืออะไร พยายามทำความเข้าใจและรู้ว่านี่คืองานพ่อแม่ที่มีอาชีพพยาบาลก็เข้าใจและสนับสนุนช่วยเหลือคน

“บางครั้งพ่อพาไปด้วยถ้าเป็นเรื่องเก็บข้อมูล ครั้งหนึ่งไปเขื่อนราษีไศล บอกพาไปเที่ยว ได้ไปตักบาตรข้าวเหนียว เราก็ตั้งคำถามว่านี่มันเที่ยวแบบไหน (หัวเราะ) เพราะไม่เหมือนคนอื่น แต่พ่อไม่เคยเอาลูกไปเดินขบวน จนเรียนปริญญาตรี เรียนการต่อสู้ทางชนชั้น ทฤษฎีต่าง ๆ ถึงเริ่มปะติดปะต่อจนเห็นว่าที่พ่อทำมีอุดมการณ์การเมืองแบบไหน

Image