TIMELINE OF 
MUSEUMS 
IN THAILAND
กาลานุกรมพิพิธภัณฑ์ไทย

รวบรวม : ศรัณย์ ทองปาน

คำว่า “พิพิธภัณฑ์” เกิดขึ้นครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ในปี ๒๓๙๗ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอภิเนาวนิเวศน์ (กลุ่มอาคาร) ในบริเวณที่เคยเป็นสวนขวาครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โดยได้พระราชทานนามอาคารให้คล้องจองกัน ดังกล่าวไว้ใน พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ว่า

"พระที่นั่งหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ชื่อพระที่นั่งไชยชุมพล พระที่นั่งสูง ๕ ชั้น ชื่อภูวดลทัศไนย พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ โปรดฯ ให้แปลงชื่อว่าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ท้องพระโรงเสด็จออกให้ชื่อพระที่นั่งอนันตสมาคม พระมหามนเทียรฝ่ายในองค์ ๑ ชื่อบรมพิมาน ท้องพระโรงฝ่ายในเฝ้าชื่อ นงคราญสโมสร พระพิมานฝ่ายใต้องค์ ๑ ชื่อจันทรทิพโยภาศ พระพิมานฝ่ายเหนือ องค์ ๑ ชื่อภาณุมาศจำรูญ พระตำหนักเดิม ชื่อมูลมณเฑียร หอพระปริตรชื่อว่า หอพระเสถียรธรรมปริตร หอแสงศาสตราคมให้ชื่อว่า หอราชฤทธิรุ่งโรจน์ หอที่เลี้ยงแขกเมืองให้ชื่อหอโภชนลีลาศ พระที่นั่งไว้ของประหลาดต่าง ๆ ชื่อพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์"

“ประพาสพิพิธภัณฑ์” มีความหมายโดยรูปคำว่า เที่ยวชม (ประพาส), สิ่งของ (ภัณฑ์), ต่าง ๆ (พิพิธ) ซึ่งสอดคล้องกับหน้าที่ของพระที่นั่งองค์นี้ อันเป็นสถานที่ “ไว้ของประหลาดต่าง ๆ” ได้แก่ เครื่องมงคลราชบรรณาการจากนานาประเทศ ที่เปิดให้เข้าชมตามวาระโอกาสอันควร

ช่วงรัชกาลที่ ๔ นี้เอง คนไทยกลุ่มหนึ่งมีโอกาสชม “มิวเซียม” ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้แก่คณะราชทูตสยามที่เดินทางไปยังราชสำนักอังกฤษเมื่อปี ๒๔๐๐ หม่อมราโชทัย (ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกูร) บันทึกประสบการณ์ ณ บริติชมิวเซียมไว้ใน นิราศลอนดอน ว่า

"แล้วจึงพาพวกไทยไปทั้งหมด
ขึ้นสู่รถผันผายรีบหมายมุ่ง

ถึงมิวเซียมเยี่ยมยลเห็นคนมุง
ดูออกยุ่งขวักไขว่เดินไปมา

ในนั้นมีสารพัดสัตว์ทุกอย่าง
ล้วนต่างต่างหลายหลากมากหนักหนา

แต่ว่ามอดม้วยมุดสุดชีวา
เขาใส่ยาไว้ในท้องให้ป้องกัน

ไม่เน่าเปื่อยเหมือนดีมีชีวิต
ช่างประดิษฐ์ดูดังเป็นเห็นขยัน

ทั้งเนื้อเบื้อเสือสีห์มีอนันต์
สารพันนกปลาคณาเนือง"

ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อมีแนวคิดการจัดแสดงข้าวของต่าง ๆ ให้ได้ดูได้ชมกัน ช่วงแรกสถานที่จัดแสดงสิ่งของนั้นยังเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “มิวเซียม” (museum) ก่อนกลับไปใช้คำที่เคยผูกศัพท์ไว้แล้วตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๔ คือ “พิพิธภัณฑ์” โดยใช้คำนี้ครอบคลุมถึงการจัดแสดงวัตถุสิ่งของชั่วคราวตามวาระโอกาส ซึ่งปัจจุบันแยกเรียกว่า “นิทรรศการ” ด้วย

ทุกวันนี้หน่วยงานที่ดำเนินงานด้านพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยยังคงใช้ชื่อเรียกขานหลากหลาย แม้ส่วนใหญ่อาจจะเป็น “พิพิธภัณฑ์” แต่ “มิวเซียม” ก็ยังคงอยู่ (เช่น “มิวเซียมสยาม”) แถมยังมี “สถาบัน” “ศูนย์” ฯลฯ

กาลานุกรมพิพิธภัณฑ์ไทยนี้มุ่งหมายที่การยกตัวอย่างกำเนิดหรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการพิพิธภัณฑ์มาเป็นเค้าโครง พอให้เห็นพัฒนาการและความหลากหลายของสถาบันเพื่อการเรียนรู้ในภาพรวม

อนึ่ง ผู้สนใจพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมไทย ควรดูบทความของ รศ. สุดแดน วิสุทธิลักษณ์ “พิพิธภัณฑ์ สิ่งของต้องแสดงและการปกปิดซ่อนเร้น” ใน เมืองโบราณ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๔ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๔๒) หน้า ๑๘-๓๑ และ “มองหาสิ่งที่ไม่เห็นและการทําพลเมืองให้เชื่อ(ง) ในพิพิธภัณฑ์พระนคร” ในเมืองโบราณ ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๑ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๔) หน้า ๗๙-๘๙

ผู้สนใจพัฒนาการทาง
ประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์
ในสังคมไทย ควรดูบทความของ 
รศ. สุดแดน วิสุทธิลักษณ์

๒๔๐๐

คณะราชทูตสยามที่เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียที่สหราชอาณาจักร ได้เข้าชมส่วนจัดแสดงธรรมชาติวิทยาของบริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ

๒๔๑๗

เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๒๑ พรรษา อันเป็นวาระที่ทรงบรรลุนิติภาวะเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ เรียกว่า “ตั้งมิวเซียม” ณ หอคองคอเดีย ในพระบรมมหาราชวัง และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม กรมศิลปากร ถือว่าเป็นกำเนิดของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทย (๑๙ กันยายน)

Image