Image

ถ้วยเซรามิก
“พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓”

Souvenir & History

เรื่องและภาพ : สุเจน กรรพฤทธิ์
ภาพประกอบ : ไพลิน จิตรสวัสดิ์

เมื่อไปอังกฤษ ผมมีโอกาสไปเยือนย่านโซโห (Soho) ของกรุงลอนดอน แหล่งชอปปิงชื่อดังและย่านที่นักท่องเที่ยว
จำนวนไม่น้อยฝากท้องเอาไว้หลังจากเบื่อฟิชแอนด์ชิปส์และขนมปัง เพราะที่นี่เป็นย่านคนจีน (Chinatown) ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ มีร้านอาหารจีนและเอเชียมารวมกันอยู่มากมาย

ติดกับโซโหคือย่านเลสเตอร์สแควร์ (Leicester Square) อดีตแหล่งรวมโรงละครและโรงภาพยนตร์เก่า เป็นถนนคนเดินและรวมร้านขายของที่ระลึกมากมายไว้ด้วยกัน

ร้านขายของที่ระลึกในลอนดอนก็ไม่ต่างจากแห่งอื่น ๆ ในโลก ของที่ผลิตออกมาวางขายมักหนีไม่พ้นป้ายแม็กเน็ต (แม่เหล็ก) ติดตู้เย็น ผ้าพันคอ ป้ายสถานที่สำคัญ รูปจำลองสถานที่สำคัญ แก้วน้ำ ฯลฯ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บ่งบอกถึงความเป็นอังกฤษและลอนดอน

แต่ในความซ้ำกลับมีความต่าง เพราะอังกฤษมีของที่ระลึกชนิดหนึ่งซึ่งที่อื่นในโลกไม่มี 

นั่นคือของที่ระลึกอันเกี่ยวเนื่องกับราชวงศ์วินด์เซอร์

ที่ผมได้มาชิ้นหนึ่งคือถ้วยเซรามิกรูปพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ (ราคาประมาณ ๔๐๐ บาท) ปั้นเป็นภาพล้อกษัตริย์องค์ปัจจุบันของอังกฤษ เวลายกดื่มก็ดูเหมือนกำลังยกพระเศียรขึ้นมางับ

ในวัฒนธรรมการเมืองอังกฤษนี่คือเรื่องปรกติ ด้วยหากใครอ่านประวัติศาสตร์จะทราบดีว่า อังกฤษคือ “แม่แบบ” ของประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (constitutional monarchy) อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วยชุดกฎหมายสำคัญ จารีตประเพณี และคำวินิจฉัยของศาล

Image

ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์-รัฐสภา-รัฐบาลอังกฤษ มีพัฒนาการยาวนานและแยกหน้าที่กันชัดเจน ทั้งนี้การที่เอกชนทำของล้อเลียน (parody) พระราชวงศ์ออกจำหน่ายในฐานะของที่ระลึก บางมิติยังเป็น “อำนาจละมุน” (soft power) ของอังกฤษบนเวทีโลก เป็นพลังทางเศรษฐกิจในโลกทุนนิยมที่ไม่ธรรมดา

ทั้งนี้เคยมีการประเมินมูลค่าราชวงศ์อังกฤษในฐานะ “บริษัท” (the f irm-ผู้ใช้คำนี้คนแรกคือพระเจ้าจอร์จที่ ๖ พระราชบิดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒) และในฐานะ “ยี่ห้อ” (brand) โดย Brand Finance บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และประเมินมูลค่าชั้นนำของโลก เผยแพร่รายงานใน ค.ศ. ๒๐๑๗ ว่ามูลค่าของราชวงศ์อยู่ที่ราว ๖๗,๕๐๐ ล้านปอนด์ (ประมาณ ๓ ล้านล้านบาท) โดยประเมินจากทรัพย์สินทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ โดยคาดว่าหลังหักต้นทุนแล้ว ราชวงศ์วินด์เซอร์สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจอังกฤษปีละหลายพันล้านปอนด์ ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมปราสาท พระราชวัง ฯลฯ  ยกระดับเศรษฐกิจอังกฤษผ่านการท่องเที่ยวได้ถึง ๕๕๐ ล้านปอนด์ (ประมาณ ๒ หมื่นล้านบาท) ยังไม่รวมการพระราชทานตราตั้งให้แก่สินค้าอังกฤษที่มีคุณภาพ ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นในหมู่ผู้บริโภคที่ต้องการความหรูหรากว่า ๘๐๐ แบรนด์

ถ้วยเซรามิกรูปพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ ที่ผมได้มา จึงเป็นแค่ “ส่วนเสี้ยว” แห่งพลังทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของราชวงศ์วินด์เซอร์นั่นเอง