ประติมากรรมสำริด Golden Boy ถูกส่งกลับจากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ หลังถูกลักลอบนำออกนอกประเทศไทย ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
กลับสู่มาตุภูมิ...
ทวงคืนโบราณวัตถุในต่างแดน
PEOPLE OF THE MUSEUM
ผู้ทวงคืนมรดกชาติ
เรื่อง : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล
ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง
“ถูกปลดออกจากการจัดแสดงเพื่อเตรียมส่งกลับประเทศไทย ปี ๒๕๖๖”
ปลายปี ๒๕๖๖ ยังมีข้อถกเถียงว่าประติมากรรมสำริด Standing Shiva ซึ่งจัดแสดงที่ Metropolitan Museum of Art กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นรูปพระศิวะตามข้อความบนป้ายจัดแสดงโบราณวัตถุ หรือเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ ตามหนังสือที่พิมพ์จำหน่าย หรือจะเรียก Golden Boy ตามฉายาในหนังสือการค้าโบราณวัตถุของ ดักลาส แลตช์ฟอร์ด (Douglas A.J. Latchford) ผู้เชี่ยวชาญโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเขมรแถวหน้าของโลก
สันนิษฐานว่า Golden Boy ถูกลักลอบขุดค้นจากโบราณสถานในเขตอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และซื้อขายออกไปโดยผิดกฎหมาย
ก็คงไม่สำคัญเท่าข้อความบรรทัดล่างสุดที่ทางพิพิธภัณฑ์กำลังบอก
“Deaccessioned by The Metropolitan Museum of Art for return to the Kingdom of Thailand 2023”
ประติมากรรมสำริดปิดทองทั้งองค์ได้ถูกปลดออกจากการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์แล้วเพื่อส่งกลับมาตุภูมิ...
ตัวอย่างคลาสสิกของการทวงคืนโบราณวัตถุกลับสู่ประเทศไทย คือการหวนคืนสู่แผ่นดินแม่ของทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์
ย้อนเวลาไปช่วงปี ๒๕๓๑ มีข่าวสำคัญคือ สถาบันศิลปะ Art Institute of Chicago รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจส่งมอบโบราณวัตถุน้ำหนักกว่า ๑ ตัน ที่เชื่อว่าถูกโจรกรรมไปจากปราสาทเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ กลับสู่ประเทศไทย หลังสูญหายตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม
“ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” ได้รับการยอมรับว่าเป็นทับหลังรูปพระนารายณ์ที่งดงามที่สุดในโลก สลักก้อนหินเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือพญาอนันตนาคราชซึ่งทอดตัวอยู่เหนือมังกรกลางเกษียรสมุทร มีก้านดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภี ปลายพระบาทมีรูปพระลักษมีซึ่งเป็นพระชายาของพระนารายณ์
การทวงคืนโบราณวัตถุชิ้นนี้เริ่มโดยศาสตราจารย์ ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล ดำเนินการโดยหน่วยงานราชการคือ กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมทวงคืนจนได้รับความสนใจจากสาธารณชนในวงกว้าง ก่อนจะประสบความสำเร็จ
ปัจจุบันทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ถูกนำกลับไปติดตั้งไว้บริเวณมุขด้านหน้าปรางค์ประธาน ปราสาทเขาพนมรุ้งจังหวัดบุรีรัมย์ ตามตำแหน่งเดิม...
“ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” เคยถูกโจรกรรมจากปราสาทเขาพนมรุ้งตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนามและส่งออกไปนอกประเทศ ก่อนทวงคืนกลับสู่มาตุภูมิสำเร็จภาพ : ปณัสย์ พุ่มริ้ว
ร่วม ๔๐ ปีผ่านไป...
“ปัจจุบันมันง่ายขึ้นมากที่จะทวงคืนโบราณวัตถุจากสหรัฐอเมริกา เพราะมีเจ้าหน้าที่กระทรวงมาตุภูมิแห่งรัฐ (Department of Homeland Security) ของรัฐบาลกลาง
ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อตามรอยนักค้าของโบราณผิดกฎหมาย โบราณวัตถุที่ลักลอบขุดหรือถูกลักขโมย เจ้าหน้าที่เขามีแฟ้มลับของพ่อค้าหลายรายที่จะดำเนินการจับกุมในอนาคต”
ดร. ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการด้านโบราณคดี หนึ่งในคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ภายใต้กระทรวงวัฒนธรรม บอกนอกจากหน้าที่ข้างต้น ดร. ทนงศักดิ์ยังเป็นหัวหน้ากลุ่ม “สำนึก ๓๐๐ องค์” เครือข่ายนักวิชาการและผู้สนใจงานด้านโบราณคดีที่รวมตัวกันเพื่อประชาสัมพันธ์และขับเคลื่อนกระบวนการทวงคืนโบราณวัตถุที่จัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์หรือคอลเลกชันส่วนตัวของนักสะสมของเก่าในต่างประเทศ
ตัวอย่างโบราณวัตถุที่กลุ่มสำนึก ๓๐๐ องค์มีส่วนร่วมทวงคืน เช่น รูปสำริดพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่กร จากปราสาทปลายบัด ๒ ถูกลักลอบนำออกจากประเทศไทยและเรียกร้องให้ Metropolitan Museum of Art ส่งคืนตั้งแต่ปี ๒๕๕๙, รูปสำริดพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยลักลอบขุดจากบุรีรัมย์และนำไปเก็บไว้ที่ Asian Art Museum แซนแฟรนซิสโก, ทับหลังปราสาทหนองหงส์และทับหลังปราสาทเขาโล้น ถูกขโมยไปตั้งแต่ปี ๒๕๐๘ นำไปจัดแสดงที่ Asian Art Museum เช่นกัน ก่อนที่รัฐบาลไทยจะสามารถทวงคืนได้สำเร็จ
นอกจากนี้กลุ่มสำนึก ๓๐๐ องค์ยังรณรงค์ทวงคืนประติมากรรมสำริดที่ขุดพบจากปราสาทปลายบัด ๒ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือกรุพระประโคนชัย และโบราณวัตถุอีกหลายรายการที่ถูกขนย้ายออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย
“เรื่องที่ควรรู้เท่าทันคือทำอย่างไร
ประเทศต้นทางถึงจะได้มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้กลับคืน”
ดร. ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ ขณะลงพื้นที่ปราสาทบ้านยางโป่งสะเดา
ภาพ : จิราพร คำภาพันธ์
“หลักการของพิพิธภัณฑ์คือให้การศึกษาแก่ประชาชน ไม่ใช่แหล่งรับซื้อของโจร” แนวคิดของ เจสัน เฟลช์ (Jason Felch) อดีตนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ Los Angeles Times ผู้เน้นย้ำทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน (investigative journalist) มีส่วนสำคัญให้พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาต้องถูกบังคับให้ส่งโบราณวัตถุกลับแผ่นดินแม่
“การทำข่าวตรวจสอบและศึกษาขบวนการลักลอบค้าโบราณวัตถุของเจสันทำให้ทางพิพิธภัณฑ์จำต้องคืนโบราณวัตถุหลายชิ้น เฉพาะกรณีสำคัญ ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ J. Paul Getty Museum ลอสแอนเจลิส ถูกตีแผ่ว่ารับซื้อโบราณวัตถุที่มาจากการลักลอบขุดและขนย้าย จนต้องส่งคืนร่วม ๔๐ ชิ้น, พิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum of Art ต้องส่งคืน ๑๔ ชิ้น, Museum of Fine Arts, Boston ๘ ชิ้น, Cleveland Museum of Art ๑๔ ชิ้น, Princeton Museum ๘ ชิ้น, Minneapolis Institute of Art เมืองมินนิแอโพลิส ๑ ชิ้น แม้แต่นักสะสมและคนขายของเก่าอื่น ๆ ก็ต้องคืนโบราณวัตถุรวมกันกว่า ๓๐๐ ชิ้น มูลค่ากว่า ๑,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ” ดร. ทนงศักดิ์อธิบาย
บนเส้นทางการทวงคืนประติมากรรมสำริดปิดทองทั้งองค์นาม Golden Boy คำเรียกในหนังสือการค้าโบราณวัตถุของ ดักลาส แลตช์ฟอร์ด ซึ่งมีชื่อเสียงจากบทบาทผู้บันทึกข้อมูลและเก็บสะสมโบราณวัตถุ ดร. ทนงศักดิ์เล่าฉากสำคัญระหว่างออกตามหาแหล่งที่ตั้งดั้งเดิมของ Golden Boy ว่า
“บนฐานหินทรายของประติมากรรมนี้มีคำว่า BanYang, Lahan district ตอนแรกผมคิดว่าเป็นบ้านยาง ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ถึงแม้จะสงสัยในคำว่า district ก็ตาม แต่ตรวจสอบอีกครั้งพบว่าน่าจะอยู่บนที่ราบสูงโคราชมากกว่า อาจเป็นตำบลบ้านยาง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้”
หลังตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งกับอาจารย์สุรพงษ์ พิราวุธ อดีตครูบ้านยายแย้ม (ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์) หนึ่งในทีมค้นหากรุพระประโคนชัย เขาบอกว่าคือบ้านยางโป่งสะเดา อยู่ห่างจากบ้านยายแย้มที่เจอกรุประโคนชัยบนเขาปลายบัด ๒ ลงไปทางใต้ราว ๔ กิโลเมตร แนะนำให้ติดต่อ “นายเสถียร”
อดีตผู้ใหญ่บ้านของบ้านยายแย้มเคยเป็นผู้ช่วยเจรจาตามหากรุประโคนชัย ขณะปลัดเทศบาลตำบลยายแย้มวัฒนาก็เคยรณรงค์ทวงคืนทับหลังปราสาทหนองหงส์เมื่อครั้งทำงานที่เทศบาลตำบลโนนดินแดง (อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์) จนได้ทับหลังกลับคืน ทั้งสองคนช่วยกันตามหาชายชื่อเสถียรจนพบ
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจากปราสาทปลายบัด ๒ จังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันยังคงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาอยู่ระหว่างการติดตามโบราณวัตถุของไทย
ภาพ : Metropolitan Museum of Art
“คุณเสถียรบอกชัดว่านี่เป็นเทวรูปที่โด่งดังมากอีกหนึ่งชิ้น ครอบครัวนายประยงค์ขุดเจอที่ปราสาทบ้านยาง ซื้อขายกันองค์ละ ๑ ล้านบาท (ปี ๒๕๐๘-๒๕๑๐ สลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ ๑ ประมาณ ๕ แสนบาท) เขายังเล่าอีกว่าแลตช์ฟอร์ดสนิทกับพ่อและเคยมานอนที่บ้าน”
ครอบครัวนายประยงค์ปลูกบ้านอยู่ใกล้ปราสาท ดร. ทนงศักดิ์ออกสำรวจปราสาทหินที่หลงเหลือเพียงแค่แนวกำแพงและฐานประติมากรรมหินทราย ได้พบปะกับหนึ่งในคนที่เคยขุดเจอ “พระ” แม้ทุกวันนี้จะอายุกว่า ๘๐ ปี แต่สายตายังดี เมื่อดูภาพจากหนังสือก็บอกว่าจดจำได้แม่น เพราะตัวเองเป็นคนล้างพระก่อนขาย
ดร. ทนงศักดิ์รีบนำข้อมูลที่สืบค้นเขียนรายงานนำเสนอคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยฯ
“ผมเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นของไทย หลังจากศึกษาเปรียบเทียบลวดลายผ้านุ่งและเครื่องประดับ พบว่าเป็นศิลปะเขมรแบบพิมาย ซึ่งปราสาทหินพิมายเป็นปราสาทประจำรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ ทำให้ผมไม่มีข้อสงสัยว่าใช่โบราณวัตถุของไทยหรือไม่”
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ประติมากรรมสำริดอายุร่วม ๑,๐๐๐ ปี ศิลปะเขมรแบบพิมาย (ปี ๑๖๒๓-๑๖๕๐) รู้จักในชื่อ Golden Boy เดินทางกลับถึงประเทศไทย และจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในฐานะสมบัติอันล้ำค่า
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้ความสำคัญและจริงจังกับการทวงคืนโบราณวัตถุ ดร. ทนงศักดิ์ให้ข้อมูลว่า
“ทับหลังบางชิ้น ผมเชื่อว่าเป็นของไทย แต่ทางสหรัฐอเมริกาส่งคืนกัมพูชา บางครั้งตัวแทนฝ่ายกัมพูชาก็พยายามขอให้ฝ่ายไทยร่วมมือกันทวงคืนโบราณวัตถุแล้วค่อยพิจารณาหลักฐานร่วมกันว่าชิ้นไหนเป็นของใคร
“จากประสบการณ์ ผู้ถือครองมักอ้างว่าโบราณวัตถุนั้นไม่ใช่ของกัมพูชาถ้าทางกัมพูชาเป็นคนทวงคืน และไม่ใช่ของไทยหากไทยทวงคืน การแก้ปัญหาจะง่ายขึ้นเมื่อสองประเทศร่วมมือกัน ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ก็พร้อมจะช่วยเหลืออยู่แล้ว แม้แต่พิพิธภัณฑ์ National Museum of Australia ก็เคยส่งโบราณวัตถุให้กัมพูชาตรวจสอบ แต่พบปัญหาการอ้างสิทธิ์ บางชิ้นไม่ได้คืนถึงแม้จะอยู่ในวัฒนธรรมเขมรก็ตาม ทับหลังบางชิ้นกำหนดอายุหยาบ ๆ ว่าเป็นศิลปะเขมรแบบบาปวน แต่หากศึกษาละเอียดจะพบว่าใกล้เคียงกับทับหลังปราสาทพระวิหารในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ มากกว่าทับหลังรุ่นลูก คือพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันและพระเจ้าหรรษวรมัน ฉะนั้นคนตรวจสอบต้องมีความรู้และประสบการณ์สำรวจมากพอในแต่ละพื้นที่ที่วัฒนธรรมเขมรเข้ามาสร้างโบราณสถานและโบราณวัตถุไว้ เรื่องที่ควรรู้เท่าทันคือทำอย่างไรประเทศต้นทางถึงจะได้มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้กลับคืน”
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทยรับทราบความคืบหน้าเพิ่มเติมกรณีสหรัฐอเมริกาเตรียมส่งคืนพระโพธิสัตว์สามองค์และพระพุทธรูปหนึ่งองค์กลุ่มพระประโคนชัยที่เคยตั้งอยู่ ณ ปราสาทปลายบัด ๒ จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ถูกลักลอบขนย้ายออกจากประเทศไทยนานกว่า ๖๐ ปี คาดว่าจะเดินทางกลับมาตุภูมิภายในสิ้นปีนี้
คณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยฯ ยังเดินหน้าติดตามโบราณวัตถุอีกอย่างน้อย ๑๖ รายการจากสหรัฐอเมริกา และอีกหลายรายการจากประเทศต่าง ๆ เช่น อังกฤษ เยอรมนี เบลเยียม เป้าหมายคือปกป้องและนำมรดกทางวัฒนธรรมกลับสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทวงคืนโบราณวัตถุของประเทศไทยที่อยู่ในต่างประเทศ มีทั้งกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ หลักสำคัญคือคุ้มครองและอนุรักษ์โบราณวัตถุ รวมทั้งดำเนินการนำโบราณวัตถุที่ถูกนำออกไปโดยมิชอบกลับคืนมา
กฎหมายภายในประเทศ :
พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ กำหนดหลักเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียน คุ้มครอง และการนำเข้า-ส่งออกโบราณวัตถุ รวมถึงอำนาจหน้าที่ของกรมศิลปากรในการดำเนินการต่าง ๆ
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ กำหนดโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในการดำเนินการด้านวัฒนธรรมและโบราณวัตถุ รวมถึงแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย
ประมวลกฎหมายอาญา มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งอาจนำมาใช้กับกรณีการลักลอบนำโบราณวัตถุออกนอกประเทศหรือการทำลายโบราณวัตถุ
กฎหมายระหว่างประเทศ :
อนุสัญญา UNESCO ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการนำเข้า การส่งออก และการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ค.ศ. ๑๙๗๐) เป็นสนธิสัญญาสำคัญที่กำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำโบราณวัตถุออกนอกประเทศ
อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก (ค.ศ. ๑๙๗๒) กำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นทะเบียนและคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรม รวมถึงการดำเนินการร่วมกันของประเทศภาคี
ความตกลงทวิภาคี ประเทศไทยทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการส่งคืนวัตถุทางวัฒนธรรมและโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบนำเข้ากับบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา