นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
กรุงเทพมหานคร
พิพิธภัณฑ์มีชีวิต
ตรงกลุ่มที่ใช่
ของ Right Man
PEOPLE OF THE MUSEUM
นักออกแบบ
เรื่อง : ธัชชัย วงศ์กิจรุ่งเรือง
ภาพ : Right Man
“ราว ๓๕ ปีที่แล้วไม่ค่อยมีคนทำงานทางด้าน Industrial Design พอเราเริ่มจับงานออกแบบเลยโดดเด่น เพราะยังไม่มีใครทำงานพวกโปรดักชันดีไซน์นัก”
อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ประธานกรรมการบริหารบริษัทไร้ท์แมน จำกัด (Right Man Company Limited) ย้อนเล่าถึงสมัยเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Industrial Design) โดยตั้งแต่ปี ๓ เขาเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เมื่อเรียนจบออกมาทำงานได้สักพัก เขาตั้งบริษัท Right Man ในปี ๒๕๓๓
ความที่ยังไม่มีการศึกษาหรือสายงานด้านนี้ในประเทศไทยมากนัก Right Man จึงเป็นสตูดิโอรุ่นบุกเบิกที่รับงานหลากหลาย ทั้งกราฟิก อีเวนต์ นิทรรศการ โฆษณา เรียกรวม ๆ ว่ารับงานออกแบบทุกอย่างและสร้างสรรค์ให้โดดเด่นตรงความต้องการของลูกค้า ทำให้ได้รับการบอกต่อและมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Right Man ถือเป็นบริษัทผู้ออกแบบและบริหาร พิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้สมัยใหม่ที่มีผลงานมากมาย
อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไร้ท์แมน จำกัด
ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช
กระบวนคิดของ Right Man
สู่พิพิธภัณฑ์มีชีวิต
เมื่อถามว่าการศึกษาด้าน Industrial Design มอบอะไรให้ อุปถัมป์ตอบว่ากระบวนคิดที่นำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานนั่นเอง
“Industrial Design ของสถาปัตย์ จุฬาฯ ต้องเรียนทั้งผลิตภัณฑ์ เซรามิก สิ่งทอ กราฟิก ภูมิสถาปัตยกรรม โฆษณา โดยให้ความรู้เท่า ๆ กัน เรียกได้ว่าเรียนแบบเป็ด คือรู้ทุกเรื่องแต่ไม่เก่งสักเรื่อง (หัวเราะ) อาจจะไม่เชี่ยวชาญ
เฉพาะทาง ขึ้นอยู่ที่การประยุกต์ว่าจบแล้วเอาไปใช้อะไรบ้าง...ทั้งหมดทั้งปวงที่คณะสอน ผมเรียกว่ากระบวนการคิด (process thinking) เหมือนเราอยากออกแบบอะไรสักชิ้นหนึ่งก็ต้องมีวัตถุประสงค์ของโครงการ ผู้ใช้คือใคร สิ่งที่นำเสนอคืออะไร ทั้งหมดนี้คือกระบวนการเดียวกันกับการออกแบบบ้าน ผลิตภัณฑ์ พอเราถูกฝึกให้คิดแบบนี้ก็จะคิดงานแบบนี้ทุกงาน ทำให้แต่ละงานมีเป้าหมายชัดเจน มีกระบวนการที่ทำให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์ เป็นงานที่ค่อนข้างแม่นยำและชัดเจนว่าเราอยากได้อะไร ถึงเป้าหมายนั้นหรือเปล่า ถือเป็นกระบวนการของ Right Man เลยว่าเราจะคิดงานแบบนี้ตลอดทุกงาน
“งานแต่ละงานจะมีลูกค้าต่างกัน มีเจ้าของงาน (owner) และคนที่เจ้าของงานต้องการให้เข้ามาใช้ (user) เช่น owner คือ ปตท. ต้องการให้ user คือผู้เดินทางจากต่างประเทศ คู่ค้า นักเรียน-นักศึกษา ประชาชนมาใช้งาน เมื่อเราได้โจทย์ เนื้อหา รู้ว่าใครคือคนใช้พื้นที่ เราก็จะรู้แล้วว่าเราออกแบบอะไร”
ในอดีตพิพิธภัณฑ์เมืองไทยทางด้านงานศิลปะและโบราณวัตถุต่าง ๆ ต้องขึ้นทะเบียนแล้วดูแลโดยกรมศิลปากร ส่วนด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งของจัดแสดงมักมาพร้อมป้ายอธิบาย ผู้เข้าชมเดินชมตามสะดวกเพียงเท่านั้น มักขาดเจ้าหน้าที่ดูแลขาดงบประมาณเพื่อบำรุงรักษา
เมื่อ Right Man ได้รับโอกาสทำงานให้หน่วยงานต่าง ๆ ก็นับเป็นความท้าทายในการออกแบบพิพิธภัณฑ์ให้น่าสนใจ
ยิ่งขึ้น อุปถัมป์เรียกว่าพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงราว ๒๐ ปีก่อน
พิพิธภัณฑ์มีชีวิตคือการพาผู้ชมให้มีส่วนร่วมมากกว่าซื้อบัตรแล้วเข้าชมเอง ดูเอง เดินออกเอง แต่ผ่านการออกแบบให้ผู้ชมเข้าชมอย่างเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสนับสนุนเช่นเดียวกับในต่างประเทศ
อุปถัมป์ยกตัวอย่างว่าพิพิธภัณฑ์อาจมีงานศิลปกรรมอย่างธรรมจักรวางอยู่เฉย ๆ “หลักการเดียวกันเลยนะ ยังเป็นธรรมจักร แต่ถ้ามีการนำเสนอที่มากกว่าธรรมจักรชิ้นเดียว เช่น ฉาย mapping ข้างหลัง หรือมีอินเตอร์แอ็กทีฟทัชสกรีน การนำเทคโนโลยีมาใช้และการสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้ชมจะทำให้คอนเทนต์เดิมน่าสนใจขึ้น”
ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่าหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการสร้างหรือปรับปรุงพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ลักษณะนี้มากขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่สื่อสารให้ความรู้กับผู้คน ทั้งผู้ชมจากต่างประเทศไปจนครอบครัวที่ต้องการพาลูกหลานมาหาแหล่งเรียนรู้ใหม่ ๆ
“ผมยกตัวอย่าง ถ้าเราบอกว่าคุณรู้ไหมธนาคารแห่งประเทศไทยทำอะไร ไม่มีใครรู้นะ เราไม่เคยเดินไปฝากเงินที่นั่น ธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่ควบคุมธนาคารเอกชน ผลิตเหรียญกษาปณ์ ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน
เงินตรา ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้ ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เคยสัมผัสกับชุมชน ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ไหนบางคนยังไม่รู้เลย ไม่มีคนทั่วไปเดินไปหาเขาได้ มีหน่วยงานแบบนี้เยอะมาก คุณมีแค่ตัวคุณและภารกิจของคุณ ในโลกสมัยใหม่หน่วยงานหลายแห่งแม้เป็นองค์กรปิด สิ่งที่ต้องมีคือพื้นที่ที่สัมผัสกับประชาชนได้”
หน่วยงานเหล่านี้จึงต้องการสร้างสถานที่สื่อสาร-ให้ความรู้ โดยเฉพาะกับครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาพื้นที่ให้ความรู้และดึงดูดเด็ก ๆ ได้ด้วย
“นิทรรศน์รัตนโกสินทร์เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกที่เล่าเรื่องได้มีลูกเล่นและจังหวะที่ดี คุณจะรักสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้บังคับให้รัก คุณจะภูมิใจในความเป็นไทย”
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
แม้เคยได้รับงานด้านพิพิธภัณฑ์มาก่อนหน้านั้น แต่จุดเปลี่ยนของบริษัท Right Man สำหรับอุปถัมป์คือการได้รับโอกาสออกแบบและบริหารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ๒๕๕๓ ริมถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ เพราะนับเป็นงานที่บริษัทได้ใช้ศักยภาพเต็มที่
ก่อนหน้านั้นพื้นที่ดังกล่าวคืออาคารให้เช่าในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ปัจจุบันคือสำนักงานพระคลังข้างที่) ถูกปล่อยร้าง ไม่มีผู้เช่า สภาพทรุดโทรมขาดการดูแลมานาน จน Right Man ได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงใหม่โดยยังไม่มีแนวคิดที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
ขณะนั้นบริเวณพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์มีพิพิธภัณฑ์หลักอยู่สองแห่ง คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครของกรมศิลปากร เล่าประวัติศาสตร์ชาติไทยย้อนในรูปแบบดั้งเดิม ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา ขณะเดียวกันก็มีมิวเซียมสยาม ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสยามด้วยมุมมองร่วมสมัย เน้นการตั้งคำถามว่าคนไทยมาจากไหน
อุปถัมป์เล่าว่าแรงบันดาลใจของตนและทีมงานในการหาสิ่งที่ยังไม่มีในตอนนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่ประเทศไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง มีการชุมนุมในบริเวณพื้นที่ถนนราชดำเนินทุกสีเสื้อ เขามองว่าสิ่งที่เป็นปัญหาของสังคมขณะนั้นคือคนเริ่มหลงลืมไปว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญ ลืมรากเหง้าของไทยที่มีศิลปวัฒนธรรมอันดี
“เรากำลังจะเล่าเรื่องของตัวคุณ เรื่องของพระมหากษัตริย์ไทย เรื่องสิ่งดี ๆ ในระยะ ๒๐๐ กว่าปี ทำไมเราลืมไปว่าเราเป็นคนในยุครัตนโกสินทร์ ทำไมเราลืมความภาคภูมิใจของคนไทย เราต้องการพูดถึงช่วงเวลาตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึง ๙ ให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญ เป็นแกนหลักค้ำประเทศไทยมาจนทุกวันนี้”
ผลลัพธ์คือนิทรรศน์รัตนโกสินทร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าประวัติศาสตร์ในสมัยรัตนโกสินทร์โดยไม่มีวัตถุโบราณจัดแสดงสักชิ้น แต่มีวิธีการร้อยเรียงเรื่องราวทั้งเก้าห้อง จัดแสดงผ่านการตกแต่งและแบบจำลองซึ่งยังคงศิลปวัฒนธรรมไทยที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัย ใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในขณะนั้นทำสื่อจัดแสดง ทั้งระบบการแสดงแสง สี เสียง แบบ ๔ มิติ ลิฟต์เคลื่อนที่สู่ห้องใหม่ สื่อมัลติทัช มัลติมีเดียแอนิเมชัน ในลักษณะอินเตอร์แอ็กทีฟ เพื่อสร้างบรรยากาศใหม่ให้ผู้เข้าชม โดยเจตนาทำให้ทุกห้องนำเสนอด้วยเทคนิคต่าง ๆ ไม่ซ้ำกันจนถึงชั้นที่ ๔ บนสุด
ด้วยความซับซ้อนทางเทคโนโลยีและมุ่งสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าชม ทาง Right Man จึงเสนอการบริหารจัดการให้ด้วยเพื่อให้ตรงความตั้งใจ
“หนึ่ง ระบบจัดแสดงที่นี่ไม่มีวันที่ของพัง คุณมาคุณต้องได้เห็นครบ สอง เราต้องการเปลี่ยนประสบการณ์การเข้าชม ให้คุณมาแล้วเหมือนคุณได้มาโรงแรมห้าดาว”
เจ้าหน้าที่ทุกตำแหน่งมีประสบการณ์เป็นผู้จัดการหรือทำงานในโรงแรมชั้นนำ มีชุดเครื่องแบบเฉพาะ และมีเจ้าหน้าที่นำชมคอยให้ความรู้ทุกรอบ ไม่ว่าผู้เข้าชมจะมากหรือน้อย ดูแลให้ทุกคนได้รับประสบการณ์การเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่างสมบูรณ์ที่สุด
“ในมุมผม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกที่เล่าเรื่องได้ มีลูกเล่นและจังหวะที่ดี และตอบโจทย์ ใจความสำคัญคือ คุณเดิน ๑-๑ ชั่วโมงครึ่ง คุณจะรักสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้บังคับให้รัก คุณจะภูมิใจในความเป็นไทย ถ้าเคยไปเที่ยวประเทศรอบข้าง ไม่มีใครมีรากแบบเรา ไม่มีใครมีพระบรมมหาราชวังแบบเรา ไม่มีใครมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเรา” อุปถัมป์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
นอกจากมีผู้เข้าชมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ยังได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ประจำปี ๒๕๖๐ ประเภทแหล่งนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ดีเด่น นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ยังเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองจากหลายประเทศของรัฐบาลทุกสมัย ที่มาเยี่ยมชมทำความรู้จักประเทศไทย
“การทำศูนย์การเรียนรู้ที่มีเรื่องเล่า เป็นเสน่ห์ของเมือง เป็นแลนด์มาร์กของเมือง สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความรู้จะอยู่คู่กับเมืองได้นาน”
พื้นที่สำคัญของชุมชน
ความสำเร็จของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ทำให้ต่อมา Right Man ได้รับความไว้วางใจในงานสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการพระเมรุมาศพิมานนฤมิต สรรพศาสตร์ศิลป์พร้อม น้อมถวายพระราชาผู้ทรงธรรม นิทรรศการเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร, Thailand Pavilion ในงาน World Expo 2015 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และงาน World Expo 2025 ที่เมืองโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงงานล่าสุด พิพิธภัณฑ์พระบิดาแห่งฝนหลวง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีกำหนดเปิดในปลาย ปี ๒๕๖๘ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เต็มรูปแบบ
นั่นรวมถึงงานออกแบบพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้อีกมาก ทั้งในระดับจังหวัดและหน่วยงานเก่าแก่หลายแห่ง เพราะทุกที่ก็ล้วนอยากได้พื้นที่สื่อสารที่โดดเด่นเหมือนนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ซึ่ง Right Man ดำเนินการแบบครบวงจรตั้งแต่งานออกแบบ ก่อสร้าง ทำเนื้อหา สร้างโมเดลจำลอง และบริหารพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า, อพวช., สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย หรืออาคารเครื่องทองอยุธยา ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย
หอชมเมืองสมุทรปราการ
เรือเมล์จำลองในอุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย ที่เป็นเสมือนเรือที่พาผู้ชมนั่งย้อนไปชมเรื่องราวเมื่อ ๒๐๐ ปีที่แล้วของสมุทรปราการ
“การทำศูนย์การเรียนรู้ที่มีเรื่องเล่าเป็นเสน่ห์ของเมืองเป็นแลนด์มาร์กของเมือง สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความรู้จะอยู่คู่กับเมืองได้นาน”
เขายกตัวอย่างอุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย ส่วนหนึ่งของหอชมเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ที่สร้างเสร็จเมื่อปี ๒๕๖๕
“สมุทรปราการคือเมืองหน้าด่านของไทย ไม่ว่าเรือรบหรือเรือค้าขายก็ต้องผ่าน เราไม่ต้องเล่าประวัติศาสตร์ไทย สมุทรปราการก็มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง ถ้าดูละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส จะมีโกดังของชาวดัตช์อยู่ปากน้ำ ก็มีจริง ๆ
นะ เพราะก่อนเข้ากรุงศรีอยุธยาเขาจะสร้างโกดังเก็บของก่อน วันที่มีสุโขทัยเป็นอย่างไร สมัยอยุธยาเป็นอย่างไร แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว และแม้แต่ในปัจจุบันสมุทรปราการก็ยังเป็นเมืองหน้าด่านอยู่ เพราะมีสนามบินสุวรรณภูมิ แค่เปลี่ยนจากการเดินทางเข้าออกทางเรือมาเป็นเครื่องบิน”
จุดเด่นที่ Right Man พยายามให้เป็นสไตล์โดดเด่นในทุกที่คือการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงแก่ผู้ชม ดังเช่นที่อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย จะสร้างเรือเมล์จำลองหนึ่งลำจากท่าเรือสมุทรปราการนำพาผู้ชมนั่งย้อนกลับไปเมื่อราว ๒๐๐ ปีที่แล้วเพื่อเข้าสู่บรรยากาศท่าเรือโบราณ
อุปถัมป์มองว่าพื้นที่เช่นนี้นับวันจะสำคัญสำหรับเมืองและการท่องเที่ยว การทำให้ผู้ชมมีโอกาสเรียนรู้ใน ๑-๒ ชั่วโมงในพื้นที่นั้น ๆ เป็นเครื่องมือสื่อสารชั้นดี
“วิธีนี้เป็นการสื่อสารดีที่สุดวิธีหนึ่ง คุณทำ YouTube ก็สู้การที่ให้เขามาอยู่ในพื้นที่จริงไม่ได้ สังเกตว่าเวลาเราไปเที่ยวเมืองนอก ต้องมีวันหนึ่งที่พาเราไปมิวเซียม ใครไปที่ไหนก็มักอยากรู้ประวัติของเมืองและผู้คน แล้วจะเห็นการเติบโตทั้งงานสถาปัตย์และงานมิวเซียม คือเมืองหนึ่งเมืองเขาต้องการแลนด์มาร์ก ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากสถาปัตย์และประวัติศาสตร์ งานออกแบบของสถาปนิกใหญ่ ๆ หลายคนก็เป็นมิวเซียมหรือศูนย์วัฒนธรรมสมัยใหม่ สวย ๆ ทั้งนั้น”
อีกด้านหนึ่งในวันที่เมืองมีพื้นที่สาธารณะน้อยลงทุกวัน ทางเลือกที่คนมักนึกถึงกลับมีเพียงห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้คือส่วนที่จะมาเติมเต็มได้เป็นอย่างดี
“เอาจริง ๆ ถ้าไม่มีห้างนะ คุณแทบไม่มีที่ไป บ้านผมก็เหมือนกัน บางครั้งอยากออกจากบ้านแต่ไม่รู้จะไปไหน แต่ถ้ามีพื้นที่เรียนรู้แบบนี้ เขาสามารถไปใช้ได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ข้อดีคือนักเรียนก็จะมีพื้นที่ใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้นได้ ไม่อย่างนั้นจะไปนั่งทำรายงานกันที่ไหน ต้องไปตามห้างสรรพสินค้าหรือ
“ทุกชุมชน ทุกพื้นที่ ควรมีที่แบบนี้ให้สาธารณะเข้าใช้งาน”