TIMELINE OF 
MUSEUMS 
IN THAILAND
กาลานุกรมพิพิธภัณฑ์ไทย

รวบรวม : ศรัณย์ ทองปาน

คำว่า “พิพิธภัณฑ์” เกิดขึ้นครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ในปี ๒๓๙๗ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอภิเนาวนิเวศน์ (กลุ่มอาคาร) ในบริเวณที่เคยเป็นสวนขวาครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โดยได้พระราชทานนามอาคารให้คล้องจองกัน ดังกล่าวไว้ใน พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ว่า

"พระที่นั่งหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ชื่อพระที่นั่งไชยชุมพล พระที่นั่งสูง ๕ ชั้น ชื่อภูวดลทัศไนย พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ โปรดฯ ให้แปลงชื่อว่าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ท้องพระโรงเสด็จออกให้ชื่อพระที่นั่งอนันตสมาคม พระมหามนเทียรฝ่ายในองค์ ๑ ชื่อบรมพิมาน ท้องพระโรงฝ่ายในเฝ้าชื่อ นงคราญสโมสร พระพิมานฝ่ายใต้องค์ ๑ ชื่อจันทรทิพโยภาศ พระพิมานฝ่ายเหนือ องค์ ๑ ชื่อภาณุมาศจำรูญ พระตำหนักเดิม ชื่อมูลมณเฑียร หอพระปริตรชื่อว่า หอพระเสถียรธรรมปริตร หอแสงศาสตราคมให้ชื่อว่า หอราชฤทธิรุ่งโรจน์ หอที่เลี้ยงแขกเมืองให้ชื่อหอโภชนลีลาศ พระที่นั่งไว้ของประหลาดต่าง ๆ ชื่อพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์"

“ประพาสพิพิธภัณฑ์” มีความหมายโดยรูปคำว่า เที่ยวชม (ประพาส), สิ่งของ (ภัณฑ์), ต่าง ๆ (พิพิธ) ซึ่งสอดคล้องกับหน้าที่ของพระที่นั่งองค์นี้ อันเป็นสถานที่ “ไว้ของประหลาดต่าง ๆ” ได้แก่ เครื่องมงคลราชบรรณาการจากนานาประเทศ ที่เปิดให้เข้าชมตามวาระโอกาสอันควร

ช่วงรัชกาลที่ ๔ นี้เอง คนไทยกลุ่มหนึ่งมีโอกาสชม “มิวเซียม” ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้แก่คณะราชทูตสยามที่เดินทางไปยังราชสำนักอังกฤษเมื่อปี ๒๔๐๐ หม่อมราโชทัย (ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกูร) บันทึกประสบการณ์ ณ บริติชมิวเซียมไว้ใน นิราศลอนดอน ว่า

"แล้วจึงพาพวกไทยไปทั้งหมด
ขึ้นสู่รถผันผายรีบหมายมุ่ง

ถึงมิวเซียมเยี่ยมยลเห็นคนมุง
ดูออกยุ่งขวักไขว่เดินไปมา

ในนั้นมีสารพัดสัตว์ทุกอย่าง
ล้วนต่างต่างหลายหลากมากหนักหนา

แต่ว่ามอดม้วยมุดสุดชีวา
เขาใส่ยาไว้ในท้องให้ป้องกัน

ไม่เน่าเปื่อยเหมือนดีมีชีวิต
ช่างประดิษฐ์ดูดังเป็นเห็นขยัน

ทั้งเนื้อเบื้อเสือสีห์มีอนันต์
สารพันนกปลาคณาเนือง"

ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อมีแนวคิดการจัดแสดงข้าวของต่าง ๆ ให้ได้ดูได้ชมกัน ช่วงแรกสถานที่จัดแสดงสิ่งของนั้นยังเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “มิวเซียม” (museum) ก่อนกลับไปใช้คำที่เคยผูกศัพท์ไว้แล้วตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๔ คือ “พิพิธภัณฑ์” โดยใช้คำนี้ครอบคลุมถึงการจัดแสดงวัตถุสิ่งของชั่วคราวตามวาระโอกาส ซึ่งปัจจุบันแยกเรียกว่า “นิทรรศการ” ด้วย

ทุกวันนี้หน่วยงานที่ดำเนินงานด้านพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยยังคงใช้ชื่อเรียกขานหลากหลาย แม้ส่วนใหญ่อาจจะเป็น “พิพิธภัณฑ์” แต่ “มิวเซียม” ก็ยังคงอยู่ (เช่น “มิวเซียมสยาม”) แถมยังมี “สถาบัน” “ศูนย์” ฯลฯ

กาลานุกรมพิพิธภัณฑ์ไทยนี้มุ่งหมายที่การยกตัวอย่างกำเนิดหรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการพิพิธภัณฑ์มาเป็นเค้าโครง พอให้เห็นพัฒนาการและความหลากหลายของสถาบันเพื่อการเรียนรู้ในภาพรวม

อนึ่ง ผู้สนใจพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมไทย ควรดูบทความของ รศ. สุดแดน วิสุทธิลักษณ์ “พิพิธภัณฑ์ สิ่งของต้องแสดงและการปกปิดซ่อนเร้น” ใน เมืองโบราณ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๔ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๔๒) หน้า ๑๘-๓๑ และ “มองหาสิ่งที่ไม่เห็นและการทําพลเมืองให้เชื่อ(ง) ในพิพิธภัณฑ์พระนคร” ในเมืองโบราณ ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๑ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๔) หน้า ๗๙-๘๙

ผู้สนใจพัฒนาการทาง
ประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์
ในสังคมไทย ควรดูบทความของ 
รศ. สุดแดน วิสุทธิลักษณ์

๒๔๐๐

คณะราชทูตสยามที่เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียที่สหราชอาณาจักร ได้เข้าชมส่วนจัดแสดงธรรมชาติวิทยาของบริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ

๒๔๑๗

เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๒๑ พรรษา อันเป็นวาระที่ทรงบรรลุนิติภาวะเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ เรียกว่า “ตั้งมิวเซียม” ณ หอคองคอเดีย ในพระบรมมหาราชวัง และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม กรมศิลปากร ถือว่าเป็นกำเนิดของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทย (๑๙ กันยายน)

๒๔๓๐

โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายการมิวเซียมจากหอคองคอเดียมายังพระที่นั่งสามองค์ตอนหน้าพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ “วังหน้า” คือพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย

๒๔๓๒ 

ตั้งกรมพิพิธภัณฑ์ในสังกัดกรมศึกษาธิการ (๔ ธันวาคม) หลังสถาปนากระทรวงธรรมการ ปี ๒๔๓๕ จึงให้ย้ายกรมพิพิธภัณฑ์มาอยู่ในกระทรวงธรรมการ

Image

๒๔๔๕ 

พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เตชะคุปต์) รวบรวมโบราณวัตถุที่ค้นพบจากพระราชวังและวัดร้าง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเก็บไว้ในบริเวณพระราชวังจันทรเกษม เรียกกันว่า “โบราณพิพิธภัณฑ์”  ต่อมาได้รับชื่อว่า “อยุธยาพิพิธภัณฑสถาน” นับเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในหัวเมือง ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย

๒๔๕๔

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมศิลปากรขึ้นในกระทรวงวัง โดยรวมการช่างที่เป็นประณีตศิลป์ในกระทรวงโยธาธิการเดิมเข้ากับกรมพิพิธภัณฑ์ที่ย้ายมาจากกระทรวงธรรมการ

๒๔๕๔

โบราณวัตถุที่แต่เดิมตั้งวางไว้ในพระระเบียงรอบพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บรักษายังพระวิหารที่อยู่ตรงข้ามพระอุโบสถ จัดตั้งเป็น “พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน”

๒๔๖๖

จัดตั้ง “ลพบุรีพิพิธภัณฑสถาน” ณ พระที่นั่งจันทรพิศาล พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี

๒๔๖๙

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ มีพระบรมราชโองการให้ยุบเลิกกรมศิลปากร โดยจัดตั้งราชบัณฑิตยสภาขึ้นแทน ให้แผนกโบราณคดีของราชบัณฑิตยสภา รับผิดชอบดูแลงานพิพิธภัณฑสถานและตรวจรักษาโบราณวัตถุสถาน (๑๙ เมษายน)

๒๔๖๙

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร ณ พระราชวังบวรสถานมงคล เนื่องในงานเฉลิมพระชนมพรรษา (๑๐ พฤศจิกายน)

๒๔๖๙

ปรากฏตำแหน่ง “ภัณฑารักษ์” ในพระราชบัญญัติจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร พ.ศ. ๒๔๖๙ เช่น มาตรา ๖ “พนักงานรักษาพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครนั้น ให้มีตำแหน่งภัณฑารักษ์ ผู้จัดการเปนหัวหน้าคน ๑” (๕ มีนาคม)

๒๔๗๐

พิพิธภัณฑสถานวัดพระธาตุหริภุญไชย จังหวัดลำพูน เปิดทำการ

๒๔๗๒ 

จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานที่วัดมหาธาตุ จังหวัดเพชรบุรี

๒๔๗๒ 

ราชบัณฑิตยสภาตีพิมพ์หนังสือ โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร เรียบเรียงโดย ศ. ยอช เซเดส์ เป็นหนังสือคู่มือนำชมโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์เล่มแรกของไทย

Image

๒๔๗๖ 

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาล คณะราษฎรรื้อฟื้นกรมศิลปากรขึ้นใหม่ พร้อมกับโอนงานของราชบัณฑิตยสภา
ให้แก่กรมศิลปากร กิจการพิพิธภัณฑสถาน จึงกลับมาอยู่ในความดูแลของกองพิพิธภัณฑ์และโบราณคดี กรมศิลปากร ต่อมาภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น“กองโบราณคดี”

๒๔๗๗

ตราพระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๗๗ เปลี่ยนชื่อ “พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร” เป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” รวมทั้งพิพิธภัณฑสถานอื่น ๆ ในส่วนภูมิภาค ให้มีฐานะเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติด้วย (๗ พฤษภาคม)

๒๔๗๘ 

จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานที่วัดพระบรมธาตุ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

๒๔๘๓ 

รัฐบาลคณะราษฎรให้ตั้งราชพิพิธภัณฑ์ขึ้น ณ ศาลาสหทัยสมาคม (หอคองคอเดียเดิม) จัดแสดงทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อ “ให้ราษฎรมีส่วนรู้เห็นและแสวงหาความรู้ในสิ่งอันมีค่าเหล่านั้น ก็จะเป็นอันเชิดชูพระเกียรติยศพระมหากษัตริย์ เหมาะสมกับระบอบประชาธิปไตย” (เปิด ๒๔ มิถุนายน)

๒๔๙๐ 

ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (International Council of Museums - ICOM)

๒๕๐๒

เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงละครศิลปากร ไฟลุกลามมาติดพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สถานที่เก็บรักษาตู้พระธรรมลายรดน้ำ เอกสารโบราณ และศิลาจารึก ได้รับความเสียหายอย่างหนัก (๙ พฤศจิกายน)

๒๕๐๔

ประกาศใช้พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ กำหนดให้เรียกพิพิธภัณฑสถานทุกแห่งที่อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (๒ สิงหาคม)

๒๕๐๔ 

จังหวัดนนทบุรีในสมัยของผู้ว่าราชการจังหวัด นายสอาด ปายะนันท์ จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติ (Museum of Natural History) ด้านหลังศาลากลางจังหวัด นับเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแห่งแรกของไทย (พิธีเปิด ๑๗ พฤศจิกายน)

Image

๒๕๐๔ 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจัดสร้างขึ้นด้วยเงินรายได้จากการให้เช่า (จำหน่าย) พระพิมพ์ที่ค้นพบในวัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ เมื่อปี ๒๕๐๐ (๒๖ ธันวาคม)

๒๕๑๒ 

กองทัพอากาศเริ่มเปิดให้ประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ

๒๕๑๓ 

เปิดให้ประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๑๒ โดยคณาจารย์และนิสิตภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน (วิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสนเดิม) (ธันวาคม)

Image

๒๕๑๕ 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ และดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามี เสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองโบราณ บางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ทางเมืองโบราณถือเป็นวันเปิดอย่างเป็นทางการ (๑๑ กุมภาพันธ์)

Image

Image

๒๕๑๗ 

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระ ๑๐๐ ปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมไปรษณีย์โทรเลขจัดพิมพ์ตราไปรษณียากรที่ระลึก ชุดสี่ดวง ประกอบด้วยภาพราชรถ ภาชนะดินเผาลายเขียนสีจากบ้านเชียง พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจากไชยา และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ส่วนกรมธนารักษ์ผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิดราคา ๕๐ บาท (๑๙ กันยายน)

๒๕๑๘ 

พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการของกรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๑๘ เพิ่มกองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แยกออกจากกองโบราณคดี (๑๔ กุมภาพันธ์) จึงมีการจัดอบรมข้าราชการในสังกัดกองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อันเป็นที่มาของหนังสือ พิพิธภัณฑสถานวิทยา โดย จิรา จงกล ซึ่งเป็นตำราวิชาการพิพิธภัณฑ์ภาษาไทยเล่มแรก

๒๕๒๒ 

เปิดพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งแรกของไทย สังกัดศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในบริเวณเดียวกับท้องฟ้าจำลอง ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ (๙ สิงหาคม)

Image

Image

๒๕๒๖ 

จ.ส.อ. ทวี บูรณเขตต์ ได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาการช่างฝีมือ แขนงช่างหล่อ ในการจัดงานนิทรรศการเชิดชูเกียรติ ได้นำโบราณวัตถุและเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านที่สะสมไว้ออกจัดแสดงด้วย อันเป็นที่มาของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จ่าทวี จังหวัดพิษณุโลก ในเวลาต่อมา

๒๕๒๘ 

เปิดพระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต ให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรก

๒๕๓๒ 

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปเป็นองค์ประธาน เปิดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม (๑๔ มิถุนายน)

๒๕๓๘ 

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่ ๑๙ กันยายนของทุกปี เป็น “วันพิพิธภัณฑ์ไทย” (๑๖ พฤษภาคม)

๒๕๔๔

เอนก นาวิกมูล เปิด “บ้านพิพิธภัณฑ์” ที่ถนนศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ (๑๔ กรกฎาคม)

Image

๒๕๔๘ 

เริ่มเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต จังหวัดปทุมธานี สิ่งของจัดแสดงเป็นศิลปะโบราณวัตถุที่ได้รับมอบจาก สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย (๑๑ พฤษภาคม)

๒๕๔๙ 

ในวันที่ ๑๙ กันยายน กลุ่มนายทหารที่อ้างตัวเป็น “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (คปค.) ทำรัฐประหารล้มล้างรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรการจัดสร้าง “สถาบันพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้แห่งชาติ” หรือที่เรียกกันว่า “สมิธโซเนียนไทย” จึงล้มเลิกไปโดยปริยาย เหลือเพียงโครงการพัฒนาอาคารกระทรวงพาณิชย์เดิมให้เป็น “พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งที่ ๑” หรือที่รู้จักกันต่อมาในนาม “มิวเซียมสยาม” มีพิธีเปิดในเดือนธันวาคม ๒๕๕๐ 

๒๕๕๓ 

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ นิทรรศการถาวรว่าด้วยกรุงรัตนโกสินทร์ภายใต้ร่มพระบารมี จัดโดยสำนักงานทรัพย์สิน
ส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดทำการ ณ อาคารหมายเลข ๑ สถาปัตยกรรมแบบอาร์ตเดโคยุคคณะราษฎร ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ (มิถุนายน)

๒๕๕๔ 

พิพิธภัณฑ์ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจัดตั้งเมื่อปี ๒๕๓๐ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่รัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบรอบ ๖๐ พรรษา ได้รับความเสียหายอย่างหนักจาก “น้องน้ำ” อุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคกลาง

๒๕๕๖ 

เปิดพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ซึ่งรวบรวมพิพิธภัณฑ์หกแห่งของภาควิชาต่าง ๆ ที่เคยมีในโรงพยาบาลศิริราชเข้าไว้ด้วยกัน บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี (เดิม)

๒๕๖๗ 

Museum of Broken Relationships เปิดทำการที่อาคารเตียหย่งเชียง อาคารอนุรักษ์ย่านช้างม่อย อำเภอเมือง
เชียงใหม่ ถือเป็น “พิพิธภัณฑ์แห่งการจากลา” แห่งที่ ๒ ของโลก

๒๕๖๗

เริ่มเปิดให้เข้าชมบ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์ จัดแสดงงานจิตรกรรมและประติมากรรมของศิลปินไทยกว่า ๑,๐๐๐ ชิ้น จากกรุส่วนตัวของ เสริมคุณ คุณาวงศ์ นักสะสมงานศิลปะ

๒๕๖๗

วัดสุทัศนเทพวรารามปรับปรุงตำหนักสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้สาธารณชนเข้าชม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ (ธันวาคม)

๒๕๖๘ 

เริ่มทดลองเปิดให้บริการ Futurium (ฟิวเจอเรียม) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งที่ ๕ ขององค์การพิพิธภัณฑ์
วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)  ณ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี “นำเสนอโลกที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนาศักยภาพการงานอาชีพ ด้วยอาชีพในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” (มิถุนายน-กรกฎาคม)