Image

กล้ามเนื้อ ความแข็งแกร่ง
ของคนทุกวัย

Holistic

เรื่อง : ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์
ภาพประกอบ : zembe

สิ่งหนึ่งที่ช่วยชี้วัดความแข็งแรงของร่างกายมนุษย์คือกล้ามเนื้อ เมื่ออยู่ในวัยหนุ่มสาวเรามักมีกล้ามเนื้อแข็งแรงสมบูรณ์โดยแทบไม่ต้องทำอะไร กล้ามเนื้อจะเริ่มลดลงเมื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย และจะหายไปเกือบสิ้นเชิงในวัยชรา ทั้ง ๆ ที่ควรมีกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างปลอดภัย

ผู้สูงอายุที่ล้มบ่อย ๆ ก็คือผู้สูงอายุที่ขาดกล้ามเนื้อนั่นเอง แต่การสร้างกล้ามเนื้อในคนวัยนี้เป็นเรื่องยาก เพราะพวกเขา ไม่มีเรี่ยวแรงออกกำลังกายหนัก ๆ แรง ๆ แล้ว

อย่างไรก็ตามเรายังต้องขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อาจออกกำลังกายเบา ๆ ทุกเช้า-เย็น ด้วยการเดิน ทำสวน หรือกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่าเรายังเคลื่อนไหวอยู่ ไม่เช่นนั้นกล้ามเนื้อจะหดลีบลงเรื่อย ๆ

ผลการศึกษาพบว่า การส่งสัญญาณให้ร่างกายรับรู้และคงการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมีหลายวิธี เช่น รับประทานอาหารที่เหมาะสม เคลื่อนไหวเบา ๆ แต่สม่ำเสมอ

นพ. มาโกโตะ ซูซูกิ (Makoto Suzuki) ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุและผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาคนอายุเกิน ๑๐๐ ปีของมหาวิทยาลัยโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น ได้วิจัยเกี่ยวกับปัจจัยด้านสุขภาพและการมีอายุยืนยาวของผู้คนในโอกินาวะ ในโครงการ Okinawa Centenarian Study (OCS) พบว่าอาหารหรือโภชนาการมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง

จากการศึกษาเปรียบเทียบโภชนาการระหว่างผู้สูงอายุในวัย ๑๐๐ ปีขึ้นไปกับผู้สูงอายุในวัย ๗๐ ปี และกลุ่มคนหนุ่มสาว พบว่าผู้ที่อายุ ๑๐๐ ปีขึ้นไปมีโภชนาการไม่ดีนัก ซึ่งอาจเกิดจากการเผาผลาญที่ลดลง และมีแนวโน้มเป็นคนรูปร่างผอมบาง มีไขมัน โปรตีน และกรดอะมิโนจำเป็น เช่น ลูซีน ในระดับต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กรดอะมิโนโพรลีน (proline) และซิสทีน (cystine) มีระดับสูงขึ้น ซึ่งคล้ายกรดอะมิโนที่พบในภาวะตับเสื่อม

ด้วยเหตุนี้การเลือกโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับสร้างกล้ามเนื้อจึงสำคัญ เช่น ไข่ต้ม เต้าหู้แข็ง ถั่วหมักญี่ปุ่นหรือนัตโตะ โดยไข่สองฟองมีลูซีนประมาณ ๑.๕ กรัม เต้าหู้หนึ่งก้อนมีลูซีนเกือบ ๒ กรัม เมื่อกินกับข้าวกล้องหนึ่งทัพพีจะได้รับลูซีนเท่ากับปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน คืออย่างน้อย ๒.๕-๓ กรัม

คุณหมอมาโกโตะเน้นย้ำว่าการใส่ใจเรื่องอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอตั้งแต่ช่วงวัยหนุ่มสาวจนถึงวัยชรามีส่วนช่วยให้สุขภาพดี อายุยืนยาว รวมถึงโภชนาการที่ดีและสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคอาหารที่เน้นพืชเป็นหลักและจำกัดแคลอรี เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพในผู้สูงอายุ

ทั้งนี้การกินอาหารและใช้ชีวิตแบบชาวโอกินาวะทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งมีผู้สูงอายุในวัย ๑๐๐ ปีมากสุดในโลก มีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าชาวตะวันตกประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ และมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่น้อยกว่ามาก  

“กินพืชและขยับอยู่เสมอ”
แบบคนโอกินาวะ

๏ อาหารการกิน  อาหารแบบดั้งเดิมของโอกินาวะมีแคลอรีต่ำแต่สารอาหารสูง อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

• เน้นพืชเป็นหลัก กินผัก ธัญพืชไม่ขัดสี และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองในปริมาณสูง

• กินโปรตีนจากแหล่งที่ดี กินปลาในปริมาณพอเหมาะ และจำกัดการกินเนื้อสัตว์และอาหารแปรรูป

• เน้นอาหารที่มีสารอาหารสูง แม้จะมีแคลอรีไม่มาก เช่น มันหวาน ซึ่งเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่งของชาวโอกินาวะ

• ลดอาหารแปรรูปและน้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารขยะและอาหารที่มีน้ำตาลเพิ่มเติมในปริมาณมาก

• การจำกัดแคลอรี คนโอกินาวะปฏิบัติตัวตามแนวคิด “ฮาระ ฮาชิ บุ” คือกินให้อิ่มเพียง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของความต้องการร่างกาย ซึ่งการศึกษาหลายชิ้นพบว่าเชื่อมโยงกับการมีอายุยืนยาว

๏ ใช้ชีวิตกระฉับกระเฉง ขยับ และเคลื่อนไหวในทุกกิจวัตรประจำวัน

• คนโอกินาวะมีกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เช่น ทำสวน การเดิน ทำงานบ้าน หรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้แรงกายอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ออกกำลังกายที่เข้มข้นในระยะเวลาสั้น ๆ

• การเคลื่อนไหวควรทำตลอดชีวิต ไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำเมื่อแก่ตัวลง แนวคิดโดยรวมคือรักษาสมรรถภาพทางกาย ความแข็งแรง และความคล่องตัว เพื่อให้ดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระและมีคุณภาพ

• หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเนือยนิ่ง นั่งอยู่กับที่นาน ๆ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและภาวะทุพพลภาพในผู้สูงอายุ