พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ลูกศิษย์รูปสำคัญของพระอาจารย์เสาร์ และมีพระลูกศิษย์อีกมากมายที่กลายเป็น “กองทัพธรรมพระกัมมัฏฐาน” เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงก่อนกึ่งพุทธกาล
ปฐมกัมมัฏฐาน
ธรรมยุตวิปัสสนา
เรื่อง : วีระศักร จันทร์ส่งแสง
ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย์
แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปี ๒๕๖๘
จากบนภูหล่น ภูเขาลูกโดดอยู่ห่างจากบ้านคำบงราว ๘ กิโลเมตร ในเขตอำเภอศรีเมืองใหม่ ทางตอนเหนือของอุบลราชธานี มองเห็นแต่ความเขียวขจีของท้องทุ่งและทิวเขาในฤดูฝนได้รอบทิศ บนยอดภูเป็นลานมีไม้เบญจพรรณขึ้นประปรายพอได้อาศัยร่มเงา และมีเพิงหินตามธรรมชาติพอคุ้มฝนได้ เมื่อพระอาจารย์เสาร์พาพระอาจารย์มั่นธุดงค์มาจำพรรษาแรก ๆ บนยอดภูนี้ มีโยมชาวบ้านช่วยเก็บหินมาเรียงก่อเป็นผนัง ฉาบด้วยดินผสมฟาง เป็นถ้ำบำเพ็ญเพียรของสองพระเถระผู้เป็นบูรพาจารย์ใหญ่ของพระป่าสยาม ซึ่งได้รับการบูรณะปรับปรุงเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธามาจนปัจจุบัน
สถานที่อันเป็นปฐมกัมมัฏฐานของพ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ ผู้วางรากฐานการธุดงค์กัมมัฏฐานจนเป็นที่แพร่หลายขึ้นมาใหม่ในหมู่สงฆ์สยามก็ว่าได้
คณะธรรมยุตอีสานเริ่มต้นตามแบบกรุงเทพฯ เป็นคามวาสี เน้นการศึกษาปริยัติ พระเถระธรรมยุตรุ่นแรก ๆ ในอีสานก็ยังไม่ได้ออกธุดงค์รุกขมูลจริงจัง
จนถึงสมัยพระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น ที่เริ่มออกสู่ป่าไพร จำพรรษาตามเสนาสนะป่าหรือวัดป่าสมาทานวิปัสสนาธุระเคร่งครัด นับเป็นจุดเริ่มต้นของพระธรรมยุตฝ่ายกัมมัฏฐานที่เรียกขานกันทั่วไปว่าพระป่า
ซึ่งต่อมามีพระสงฆ์เข้าสมาทานแนวปฏิปทา และเกิดวัดป่าขึ้นนับร้อย ๆ แห่ง
ถ้ำบำเพ็ญเพียรของหลวงปู่มั่นบนยอดภูหล่นที่พระอาจารย์เสาร์นำท่านธุดงค์มาจำพรรษา ช่วงเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน
นครพนมและปฐมอรัญญิกาวาสธรรมยุต
ปลายปี ๒๔๔๕ เป็นช่วงแรก ๆ ที่มีการบันทึกไว้ กล่าวถึงการออกจาริกธุดงค์ของพระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น พระอาจารย์หนู (พระปญฺญาพิศาลเถระ) พระธรรมยุตคณะแรกที่จาริกมาถึงนครพนม ข้าหลวงเมือง ซึ่งเคยเป็นศิษย์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีศรัทธาปสาทะอยากให้มีวัดธรรมยุตขึ้นในนครพนม
พระอาจารย์เสาร์แนะนำให้คัดเลือกพระเณรที่มั่นคงในพระธรรมวินัย ญัตติในธรรมยุติกนิกาย แล้วไปศึกษาเล่าเรียนในสำนักของท่านที่อุบลฯ ให้มีความหนักแน่นในข้อวัตร พระธรรมวินัย แล้วค่อยกลับมาสร้างวัดธรรมยุตเป็นที่ขจัดขัดเกลาความประพฤติของภิกษุสามเณรในนครพนม พระจันทร์ เขมิโย, สามเณรจูม พนฺธุโล เป็นส่วนหนึ่งของภิกษุสามเณรที่ได้รับการคัดเลือกในคราวนั้น ซึ่งต่อมากลายเป็นกำลังสำคัญของคณะธรรมยุตสายพระกัมมัฏฐาน
พระอาจารย์จันทร์ เขมิโย เล่าถึงการฝึกปฏิบัติธุดงคกัมมัฏฐานกับพระอาจารย์เสาร์ในครั้งนั้นไว้ว่า “พอเราธุดงค์ถึงสถานที่อันวิเวกเหมาะแก่การปฏิบัติแห่งไหน ท่านพระอาจารย์เสาร์จะหยุดพักและให้พวกเราเร่งบำเพ็ญเพียรอบรมจิตอย่างหนักทันที ท่านให้พยายามกำจัดมหาโจรภายใน อันหมายถึงตัวกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง ให้เบาบางลงไปให้ได้ และให้ทำจนหมดสิ้นไปจากจิตใจตามกำลังความสามารถ”
ผ่านไปราว ๓-๔ ปี ยังไม่มีข่าวคราวของกลุ่มพระเณรจากนครพนมไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่เมืองอุบลฯ เจ้าเมืองจึงมีหนังสือไปกราบนมัสการพระอาจารย์เสาร์ และอีกฉบับกราบทูลกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ขอนิมนต์พระท้องถิ่นกลับไปตั้งสำนักคณะธรรมยุตที่นครพนม
พระอาจารย์เสาร์นำภิกษุจันทร์เข้าเฝ้าข้าหลวงต่างพระองค์มณฑลอีสาน แต่ไม่แน่ว่าด้วยเหตุใดกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ได้สบประมาทพระหนุ่มอย่างรุนแรง ตามที่มีบันทึกใน ตามรอยธุดงควัตร พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ว่า “นี้นะหรือ พระที่ท่านอาจารย์เสาร์จะให้นำคณะธรรมยุตไปตั้งที่เมืองนครพนม ดูรูปร่างลักษณะเล็กบาง ยังหนุ่มแน่นมาก จะไม่ทำให้ครูบาอาจารย์และวงศ์ธรรมยุตต้องเศร้าหมองเสียหายไปด้วยหรือ เพราะประสบการณ์ยังอ่อน หาพอที่จะรักษาตัวและหมู่คณะไว้ได้ไม่ จะไปตายเพราะผู้หญิง ฉันเกรงว่าจะเอาบาตรไปทำเป็นรังไก่เสียก่อนนะสิ”
พระอาจารย์เสาร์เพียงแต่ยิ้ม แล้วถวายพระพรเล่าถึงปฏิปทา ความหนักแน่นในพระธรรมวินัยของศิษย์
แล้วเจ้าเมืองก็ทรงออกหนังสือรับรองอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ความว่า “ให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในเส้นทางที่เดินผ่าน ให้จัดคนตามส่งตลอดทาง พร้อมทั้งให้จัดที่พักแลถวายภัตตาหารด้วย”
พระจันทร์เดินทางรอนแรมจากอุบลราชธานี ๒๑ วัน จึงถึงเมืองนครพนม เจ้าเมืองจัดขบวนแห่แหนเข้าเมือง สร้างวัดศรีเทพประดิษฐาราม (วัดศรีขุนเมือง) เป็นอรัญญิกาวาสของคณะธรรมยุตแห่งแรกในนครพนม และสร้างความรุ่งเรืองให้คณะสงฆ์ธรรมยุตและพุทธศาสนาต่อมา ในภายหลังท่านได้เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครพนมฝ่ายธรรม-ยุต ดำรงสมณศักดิ์พระเทพสิทธาจารย์
รศ.ดร .ธีระพงษ์ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การทำงานของคณะสงฆ์ธรรมยุตอีสานมีความก้าวหน้าเพราะได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบ้านเมือง ไม่เฉพาะในจังหวัดอุบล-ราชธานีที่มีวัดธรรมยุตเกิดขึ้นใหม่หกแห่ง แต่ยังขยายไปทั่วอีสาน ตั้งแต่จังหวัดนครพนม ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู ฯลฯ
พระครูวิโรจน์รัตโนบล (รอด นนฺตโร) วัดทุ่งศรีเมือง อุบลราชธานี
“พระครูดีโลด”
บูรณะพระธาตุพนม
การจาริกธุดงค์ครั้งสำคัญที่มีการบันทึกไว้
พระอุปัชฌาย์ทา พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น กับคณะเดินธุดงค์มาพักจำพรรษาอยู่บริเวณรอบสระพัง ด้านหรดีขององค์ธาตุพนม เห็นองค์พระธาตุเศร้าหมองคร่ำคร่า จึงแนะนำหัวหน้าชาวบ้านนครพนมให้เดินทางไปวัดทุ่งศรีเมือง ในเมืองอุบลฯ อาราธนาพระครูวิโรจน์รัตโนบล (รอด นนฺตโร) มาบูรณะ ซึ่งท่านยินดีรับตามความประสงค์ของชาวบ้าน นามนิมิตที่ชาวบ้านเรียก “พระครูดีโลด” ตามอุปนิสัยที่ท่านมักบอกว่าทุกอย่างล้วนดีหมด
ท่านจะพูดอะไรกับใคร หรือใครจะพูดดีพูดร้ายกับท่าน ท่านก็ว่าดี ๆ เขาจึงถวายนามว่าพระครูดีโลด เป็นคำพื้นเมืองอีสาน แปลว่าดีเลย
“ท่านพระครูวิโรจน์ฯ มีลักษณะรูปร่างใหญ่สันทัดสมสัดส่วน ใบหน้ากลมพอดี บริเวณตาขาวทั้งสองข้างเป็นสีแดงเรื่อ ๆ นิด ๆ พอดีงาม ที่หน้าผากมีเนื้อเป็น ‘นอ’ ออกมาพอดีงาม ผิวเนื้อค่อนข้างขาวเหลือง เดินเหมือนช้างย่าง เป็นช่างปั้นและเขียน และฝึกศิษย์ให้เป็นช่างทางลวดลายจนขึ้นชื่อ และเป็นผู้หนักในกัมมัฏฐาน จนปรากฏว่านั่งทางในมีญาณทิพย์เป็นที่เชื่อถือของประชาชน” พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว อุทุมมาลา) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมบันทึกถึงอดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งศรีเมือง และเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ผู้มาบูรณะพระธาตุพนมเมื่อปี ๒๔๔๔ “คราวมาซ่อมธาตุพนมท่านก็อาศัยสมาธิ เวลากลางคืนสงบจิตตรวจเหตุการณ์ พบอะไรที่เป็นวัตถุมีค่า ก็บอกให้คนไปขุด ได้เงินแท่งโบราณบ้าง พระเงินพระทองบ้าง เป็นอัศจรรย์ประชาชนถึงนิยมนับถือ”
พระครูวิโรจน์ฯ พร้อมด้วยคณะเดินทางด้วยเกวียนจากอุบลฯ ไปลงเรือที่อำเภอเขมราฐ ขึ้นไปตามลำน้ำโขง ถึงธาตุพนมเมื่อวันเพ็ญเดือนอ้าย
พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว อุทุมมาลา) ได้บันทึกเรื่องราวในครั้งนั้นไว้ตามที่พระครูวิโรจน์รัตโนบล (บุญรอด สมจิต) เล่าให้ฟัง ปรากฏอยู่ในหนังสือ ประมวลประวัติตำนาน ๔ เรื่องฯ ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี ๒๕๓๐
“นิมนต์อาตมามาทำอันใด?” ท่านปรารภกับญาติโยม
“ขอนิมนต์มาพาทำความสะอาดและปูลานพระธาตุ พอให้มีที่กราบไหว้สะดวกสบายเท่านั้นแหละเจ้าข้า”
“พระพุทธองค์ทรงสอนให้บํ าเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยวิธีเจริญสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนกว่าจะเอาตนพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารได้จริง ๆ เมื่อยังไม่พ้นทุกข์ก็ให้อุตสาหะพยายามทําความเพียรอยู่อย่ างนั้นตราบเท่าสิ้นชีวิต”
พระอ าจ ารย์สิงห์ ขน ฺ ตย าคโม
กุดเม็ก ที่วิเวกนอกหมู่บ้านคำบง บ้านเกิดของหลวงปู่มั่น ในวัยหนุ่มท่านได้พบหลวงปู่เสาร์ครั้งแรกที่นี่ ก่อนเริ่มวางรากฐานการเผยแผ่ธรรมตามแนวทางพระป่าด้วยกันต่อมา
“อาตมาคิดว่าถ้าจะให้พาทำก็ทำให้หมดทั้งองค์พระธาตุเลย ถ้าไม่ได้ทำแต่ดินถึงยอด แต่ยอดถึงดิน แล้วอย่าทำดีกว่า”
พวกโยมตกใจ เกรงเทวาอารักษ์ที่รักษาพระธาตุจะไม่พอใจจึงคัดค้าน “ทำไม่ได้จะเดือดร้อนบ้านเมือง”
ท่านบอกถ้าไม่ได้ทำก็จะกลับ
“กลับก็กลับ พระอะไรรื้อม้างเจดีย์ ฟันโพธิ์ศรี ลอกหนังพระเจ้า เป็นพระอุปชน (นอกรีต)”
แล้วที่ประชุมก็เลิกด้วยจิตใจขุ่นวุ่นวาย ไม่พอใจ ส่วนพระครูดีโลดคงมีจิตใจแจ่มใส สงวนท่าทีคอยเชิงอยู่
เป็นที่อัศจรรย์เมื่อนางเทียมมเหศักดิ์ (คนทรง) สามองค์ที่เป็นอารักษ์ใหญ่รักษาพระธาตุ ได้แสดงปฏิกิริยาเทพารักษ์เข้าทรง “บักใด อ้ายใด มันไปคัดค้านเจ้ากู ท่านจะทำให้ดีงามมั่นคง ทำไมสูจึงไปคัดค้านเจ้ากู แต่กูยังกลัวเกรงท่านปล่อยให้ท่านทำ กูจะหักคอผู้คัดค้าน”
ชาวบ้านพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็แตกฮือเข้ามาในวัด กราบท่านว่า “แล้วแต่ท่านเจ้ากูเถิด จะทำก็ตามใจ ตูข้าไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย”
ท่านเล่าให้พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว อุทุมมาลา) ฟังว่าตอนนั้น “เรารู้สึกโล่งใจ นึกว่าเอาล่ะเทวดาช่วยเราแล้ว เราต้องทำให้สำเร็จ
จากนั้นชาวบ้านก็มาช่วยอย่างเต็มกำลัง เล่ากันว่าคนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ มากเป็นประวัติการณ์นับแต่หลังเหตุการณ์จลาจลกบฏผีบุญ