Image

พลังของวิตามินดี

Holistic

เรื่อง : ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์
ภาพประกอบ : zembe

ชั้นเรียนสุขศึกษาในวัยเด็กบอกเราว่าวิตามินดีเป็นวิตามินเพียงชนิดเดียวที่ร่างกายสร้างได้เองผ่านการรับแสงแดด แต่ถึงแม้แสงแดดจะเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้ได้ไม่จำกัด ผลสำรวจกลับพบว่าเกินครึ่งของคนทั่วโลก หรือประมาณร้อยละ ๖๐ มีภาวะขาดวิตามินดี  แม้แต่ประเทศในเขตร้อนหรือประเทศในตะวันออกกลางที่มีแสงแดดตลอดปี
กลับมีประชากรขาดวิตามินดีมากที่สุด บางประเทศสูงถึงร้อยละ ๙๗ 

กระทั่งคนในประเทศที่เข้าถึงข้อมูลและมีระบบสาธารณสุขดีก็ยังขาดวิตามินดี สารคดีเรื่อง พลังของวิตามินดี จากโรคกระดูกพรุนถึงมะเร็ง เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของประเทศญี่ปุ่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ระบุว่า คนวัยผู้ใหญ่ชาวญี่ปุ่น
ร้อยละ ๖๐ ขาดวิตามินดี และคนยุโรปร้อยละ ๗๐ ก็ขาดวิตามินดีเช่นกัน 

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าคนญี่ปุ่นขาดวิตามินดีเพราะปกปิดผิวหนังด้วยครีมกันแดดและเสื้อผ้า และกินปลาน้อยลง ทั้ง ๆ ที่ปลาเป็นอาหารที่มีวิตามินดีสูง นอกจากนี้ช่วงโควิดรูปแบบการทำงานก็เปลี่ยนแปลงไป คนทำงานที่บ้านมากขึ้น นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ขาดวิตามินดี

หันกลับมาดูบ้านเรา การ “กลัวแดด” หรือ “กลัวดำ” ก็น่าจะไม่น้อยกว่ากัน ยิ่งกว่านั้นคนทำงานประจำที่ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ และออกจากอาคารสำนักงานเมื่อแดดเย็นหายไปแล้ว โอกาสสัมผัสแสงแดดในช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างวิตามินดีได้จึงแทบไม่มีเลย

วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี ส่งผลต่อความแข็งแรงของกระดูก และการศึกษาล่าสุดพบว่า ยังทำหน้าที่หยุดยั้งกระบวนการสร้างเซลล์สลายกระดูกซึ่งทำให้กระดูกเสื่อม ภาวะขาดวิตามินดีจึงทำให้ผู้คน ๒๐๐ ล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับโรคกระดูกเสื่อม 

นอกจากนี้วิตามินดียังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งและโรคติดเชื้อต่าง ๆ  ทีมนักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้วิจัยเรื่องวิตามินดีกับมะเร็งในโครงการ Amaterasu ซึ่งเป็นชื่อเทพเจ้าแห่งแสงแดดของญี่ปุ่น โดยแบ่งผู้ป่วยมะเร็งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก ๒๕๑ คนกินวิตามินดี ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบ ๑๖๖ คนกินยาหลอก (placebo) และให้เริ่มกินหลังผ่าตัด ๒ สัปดาห์ วันละสองแคปซูล จากนั้นติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา ๘ ปี

พบว่าผู้ป่วยมะเร็งที่กินวิตามินดีมีอัตรารอดชีวิตร้อยละ ๗๗ ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบมีอัตรารอดชีวิตร้อยละ ๖๙ และอายุยืนกว่า ๓-๕ ปี  เมื่อขยายการวิจัยไปยังกลุ่มทดลองขนาดใหญ่ขึ้นในสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีจำนวน ๑ แสนคน พบว่าวิตามินดีช่วยให้อัตรารอดชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒ โดยไม่ขึ้นกับชนิดของมะเร็ง

งานวิจัยใหม่ล่าสุดของนักวิจัยในประเทศญี่ปุ่นยังเผยว่า เซลล์วัณโรคถูกกำจัดได้ด้วยเซลล์ที่ทำหน้าที่ป้องกันชนิดหนึ่งซึ่งได้รับการกระตุ้นโดยวิตามินดีสอดคล้องกับองค์ความรู้ดั้งเดิมก่อนที่โลกเราจะมียาฆ่าเชื้อว่าแพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยวัณโรคอาบแดดบ่อย ๆ

จะเห็นได้ว่าวิตามินดีมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านสุขภาพกระดูกและการป้องกันโรคต่าง ๆ  การปรับวิถีชีวิตเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ เช่น ออกกำลังกายกลางแจ้ง กินอาหารที่มีวิตามินดี จึงเป็นเรื่องที่คนรักสุขภาพควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง

วิตามินดีจากแสงแดด
เพียงพอหรือไม่

• ผู้เชี่ยวชาญของญี่ปุ่นแนะนำว่าร่างกายต้องการวิตามินดีวันละ ๑๐-๑๕ ไมโครกรัม ขณะที่การออกกำลังกายกลางแจ้ง ๑๐-๓๐ นาที จะได้วิตามินดี ๑๐ ไมโครกรัม โดยขึ้นอยู่กับแสงแดดที่เหมาะสม การเปิดเผยผิวและประเภทของผิว

• แสงแดดที่สร้างวิตามินดีได้คือแสงอัลตราไวโอเลตชนิดบี หรือยูวีบี ซึ่งไม่สามารถผ่านครีมกันแดดหรือกระจกได้ หากทาครีมกันแดด ให้ใช้วิธีแบมือรับแสงแดด 


• กระทรวงสาธารณสุขประเทศไทยทำวิจัยเมื่อประมาณ 
๔๐ ปีที่แล้วระบุว่า แสงแดดที่ร่างกายนำไปใช้สร้างวิตามินดีได้คือแสงแดดช่วง ๗-๙ โมงเช้า และบ่าย ๓ โมงถึง ๕ โมงเย็น แต่ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง จึงแนะนำให้สัมผัสแสงแดดอ่อนตอนเช้าและบ่ายแก่ ๆ

• การสัมผัสแดดเพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้ มีปัจจัยสำคัญคือแดดต้องไม่แรงเกิน ในระยะเวลานานพอ และสวมเสื้อผ้า
ที่เปิดผิวให้ได้รับแสงแดดมากสุด  นักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ทดลองให้อาสาสมัครใส่เสื้อแขนสั้น นุ่งกระโปรง อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลา ๑๕ นาที สัปดาห์ละสองครั้ง จากนั้นเจาะเลือดตรวจวัดระดับวิตามินดี พบว่าระดับวิตามินดีไม่เปลี่ยนแปลง นักวิจัยจึงแนะนำว่าควรตากแดดให้นานขึ้นและเปิดเผยผิวมากขึ้น

• มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทยแนะนำให้คนไข้
โรคกระดูกบางและกระดูกพรุน หรือกลุ่มเสี่ยงเช่นผู้สูงอายุรับประทานวิตามินดีเสริมร่วมกับแคลเซียมเสมอ และปริมาณวิตามินดีที่กินได้สูงสุดต่อวันไม่ควรเกิน ๔,๐๐๐ ยูนิต (IU) แบ่งเป็นวิตามินดีจากพืช (D2) ๒๐,๐๐๐ ยูนิตต่อสัปดาห์ และวิตามินดีจากสัตว์ (D3) ๘๐๐-๒,๐๐๐ ยูนิตต่อวัน

• วิตามินดีพบในอาหารจำพวกปลาและเห็ด 

- แซลมอนธรรมชาติ ๑๐๐ กรัม มีวิตามินดี ๑,๐๐๐ ยูนิต ส่วนปลาแซลมอนเลี้ยง ๑๐๐ กรัม มีวิตามินดี ๒๕๐ ยูนิต
- ปลากระป๋อง (ซาร์ดีน) ๑๐๐ กรัม มีวิตามินดีใกล้เคียงปลาแซลมอนเลี้ยง ๓๐๐ ยูนิต
- นํ้ามันตับปลา ๑ ช้อนโต๊ะ มีวิตามินดี ๔๐๐-๑,๐๐๐ ยูนิต (แล้วแต่ยี่ห้อ)
- เห็ดต่าง ๆ โดยเฉพาะเห็ดชิตาเกะ (เห็ดหอม) แบบแห้ง ๑๐๐ กรัม มีวิตามินดี ๑,๖๐๐ ยูนิต เนื่องจากวิตามินดีละลายในไขมัน ให้กินพร้อมอาหารที่มีไขมัน

• ข้อควรระวัง การกินวิตามินดีเกินกว่าข้อแนะนำ เช่น ๑ หมื่นยูนิตต่อวัน 
เป็นเวลา ๒ เดือน อาจเกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกินทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและเกิดความผิดปรกติของกล้ามเนื้อสำคัญ