Image

ท้ายครัว

เรื่องและภาพ : กฤช เหลือลมัย

ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมไปปั่นจักรยานทัวริงกับเพื่อนๆ เส้นทางช่วงหนึ่งผ่านริมแม่น้ำป่าสัก เขตบ้านหนองสรวง อำเภอศรีเทพ เพชรบูรณ์ ซึ่งมีเถาไก่เตี้ยหรือ “ถั่วพร้า” เลื้อยพันต้นไม้ข้างทางเป็นดงทีเดียว ถั่วพร้าจะออกดอกออกฝักตอนปลายปี จำได้ว่าปีที่แล้วผมยังมาเก็บดอกอ่อนไปแกงส้มบ้าง ลวกจิ้มน้ำพริกบ้างอยู่

Image

ปีนี้ผมผ่านมาช้าไป เลยไม่ค่อยเห็นดอกสีม่วงอ่อนสวยๆ นั้นแล้ว มันกลายเป็นฝักอ่อนฝักแก่อย่างรวดเร็วตามธรรมชาติของพืชป่าริมทาง ที่จำต้องรีบแพร่พันธุ์ให้เร็วที่สุด ผมโน้มดึงเถาถั่ว เลือกเก็บฝักอ่อนมาได้ถุงย่อมๆ พอถึงที่พัก เอาล้างน้ำ หั่นชิ้นหนาๆ ไว้

ระหว่างทาง ตอนที่ผ่านตลาดนัดเล็กๆ ผมซื้อพริกแกงเผ็ดที่ชาวบ้านตำขาย กะทิ และไก่บ้านตัวย่อมๆ ต้มสุก กับโหระพาใบเล็กแกร็นติดกระเป๋าจักรยานไว้แล้ว ก็เอาไก่ต้มนั้นมาฉีกเนื้อเป็นชิ้นขนาดพอคำ เด็ดใบโหระพาล้างน้ำ แล้วตั้งเตาแก๊สเล็ก เทกะทิผสมน้ำในหม้อสนาม ตั้งไฟจนเดือด ใส่พริกแกงและเนื้อไก่ลงคั่วไปจนหอมฉุย

Image
Image

ทีนี้ก็ใส่ชิ้นถั่วพร้าที่หั่นไว้...เพื่อนฝูงเริ่มมาชะโงกหน้าดูให้แน่ใจว่า ฝักอะไรหนาๆ ที่ผมเก็บมานี้จะกินได้จริงหรือ (ฮา...) ตอนนี้หม้อแกงเดือดพล่าน ผมก็เติมกะทิเพิ่ม ให้น้ำแกงข้น ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา

พอถั่วเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวขี้ม้า ซึ่งแสดงว่าสุกนุ่มดี ชิมรสเผ็ดเค็มอร่อยแล้ว ก็ใส่ใบโหระพา ยกหม้อลงจากเตาสนาม ตักไปกินได้

Image

ความหนึบแน่น เนื้อมาก แถมรสหวานอร่อยของถั่วพร้าฝักอ่อนนี้ นับเป็นไม้แดกของฟรีจากริมทางที่โอชะมาก เราอาจต้มจิ้มน้ำพริก ทำเป็นตำ หรือป่นแบบอีสานก็อร่อย ทำสตูน้ำแดงแบบฝรั่งๆ ก็เยี่ยม...เพื่อนผมคนหนึ่งที่ได้ลองกินบอกว่าชอบมาก ว่าเนื้อหวานนุ่มนวลดีจริงๆ

เฉพาะช่วงนี้แหละนะครับที่จะได้กินฝักอ่อนอร่อยๆ ของถั่วพร้า ถ้าเห็นมันห้อยโตงเตงริมทางละก็ รีบลงไปเก็บเลยเชียว

Image

มีข้อแนะนำอยู่ว่า หากไม่ได้ฝักที่อ่อนมากๆ จนสามารถกินได้ทั้งฝัก ลองเลือกฝักที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ก่อนจะใช้ปรุงกับข้าว ต้องฉีกแยกฝักเป็นสองซีก ลอกเอาแผ่นเปลือกรองเมล็ดที่แผ่ตามความยาวของเนื้อด้านในฝักออก ถึงจะดูซับซ้อนขึ้นอีกนิด แต่ฝักอายุขนาดนี้เนื้อจะมากกว่าฝักอ่อนเยอะเลยครับ แถมมีความเหนียวนุ่มกว่า

Image

ของอร่อยของฟรีมีอยู่จริง แค่ต้องหมั่นสังเกต และลงแรงนิดหน่อยครับ...