Image

ต้นไม้ความหวัง
ทางอีกสายสมุนไพรสู้โควิด EP.02

SCOOP

เรื่อง : วีระศักร จันทร์ส่งแสง
ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย์

Image

ในช่วงต้นการระบาดของโควิด-๑๙ ระลอกที่ ๓ ในเมืองไทยมีข่าวใหญ่ให้ได้ตื่นเต้นกันไปทั่วประเทศ เมื่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ผ่านสถานการณ์โควิด-๑๙ ระบาดมาได้ด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร

“ไม่ใช่ว่าเอาผู้ต้องขังเป็นกลุ่มทดลองนะ” สุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ในขณะนั้น พูดถึงการจ่ายสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ผู้ต้องขังชายทั้งเรือนจำ “โควิด-๑๙ รอบแรก รอบ ๒ ผ่านมาได้หมด เรามีห้องกักตัวสังเกตอาการ ๑๔ วัน สำหรับผู้ต้องขังใหม่ แต่ช่วงหลังหมอระบาดวิทยาวิเคราะห์ว่าเชื้อฝังตัวอยู่ในร่างกายนาน ไม่แสดงอาการก็แพร่เชื้อได้ เรามีผู้ต้องขังเข้าใหม่เดือนละ ๒๕๐-๓๐๐ คน พอเกิดโควิด-๑๙ ระลอกที่ ๓ วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๔ เรือนจำกลางเชียงใหม่ตรวจพบกลุ่มเสี่ยงรอบแรก ๓๖ คน ผู้ต้องขังก็เครียดกันทั้งเรือนจำ เราคิดว่าต้องมียาช่วย ก็หาฟ้าทะลายโจรให้กิน”

“ทำไมเลือกฟ้าทะลายโจร ?”

“ผุดขึ้นในความคิดความรู้อย่างนี้ว่า เรารู้ว่าฟ้าทะลายโจรเป็นยารักษาไข้ ก็เชื่อว่าต้องช่วยได้บ้าง แม้ทางการแพทย์ก็ยังเถียงกันไม่จบ แต่เราปล่อยผู้ต้องขังอยู่อย่างนั้นไม่ได้เครียดจนเกิดจลาจลขึ้นมาจะทำอย่างไร”

ผบ. สุรศักดิ์ซื้อฟ้าทะลายโจรสกัดที่เขียนไว้ข้างกล่องว่ามีแอนโดรกราโฟไลด์ ๘๐ มิลลิกรัม แจกให้ผู้ต้องขังกินวันละเม็ดกิน ๓ วันเว้น ๑ วัน ต่อมากิน ๕ วันเว้น ๑ วัน ใช้งบประมาณเรือนจำไปหลายหมื่นบาท ก่อนมีผู้ผลิตยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนับสิบยี่ห้อช่วยบริจาค

ในจำนวนผู้ต้องขังชายทั้งหมด ๖,๕๐๐ คน มีเพียง ๒๐๐ คนที่ผลตรวจเป็นลบ นอกจากนั้นติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ ซึ่งในการดูแลรักษาได้แยกผู้ป่วยเป็นกลุ่มสีเขียว เหลือง แดง

โรงพยาบาลสนามของเรือนจำที่ดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว หมอและพยาบาลจากโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก มาเปิดโรงพยาบาลสนามมินิไอซียูเพื่อรองรับผู้ป่วย ช่วยชะลอไม่ให้ต้องส่งออกไปข้างนอก ซึ่งสถานการณ์กำลังวิกฤต โรงพยาบาลต่าง ๆ มีคนไข้ล้นเตียง

“ในส่วนที่รักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันคือกลุ่มที่เริ่มเป็นสีเขียวเข้มและสีเหลืองราว ๑,๒๐๐ คน ก็ให้กินยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งเป็นยาหลักในการรักษา ส่วนสีแดงส่งออกไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ กลุ่มที่เหลือก็ให้กินฟ้าทะลายโจร ซึ่งไม่พบอาการแพ้แต่อย่างใด มากที่สุดก็แค่เกิดผื่น”

จากวันแรกที่พบการระบาดจนถึงวันปิดโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ ผบ. สุรศักดิ์สรุปยอดผู้ป่วยว่า ราว ๓๐๐-๔๐๐ คนที่ต้องเข้าโรงพยาบาล ในจำนวนนี้ไม่เกิน ๕๐ คน ส่งไปรักษาต่อข้างนอก และมีผู้ป่วย ๓ รายที่เสียชีวิต

ไม่ใช่แต่ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่เรือนจำก็ติดเชื้อโควิด-๑๙ ด้วย ๑๓ คน อีก ๙ คนตรวจพบว่าร่างกายเกิดภูมิแล้ว นั่นคือติดเชื้อจนหายแล้วโดยไม่แสดงอาการ

ในช่วงต้นการระบาดของโควิด-๑๙ ระลอก ๓ ในเมืองไทย มีข่าวใหญ่ให้ได้ตื่นเต้นกันไปทั่วประเทศ เมื่อมีข่าวว่าผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ผ่านสถานการณ์ โควิด-๑๙ ระบาดในเรือนจำมาได้ด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร

Image

ผบ. สุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้เริ่มใช้ยาสมุนไพรกับผู้ป่วยโควิดในเรือนจำ ด้วยความเชื่อว่าฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาได้ ซึ่งผลการรักษาได้กลายเป็นกรณีอ้างอิงในวงการสมุนไพรที่ส่งผลต่อเนื่องถึงระดับนโยบายกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรม

เรือนจำกับแพทย์สนามทำงานกันอยู่เกือบ ๒ เดือน ก็ผ่านวิกฤตการณ์โควิด-๑๙ ในเรือนจำไปได้

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาติดตามเรื่องแล้วนำเข้าที่ประชุม ครม. กระทั่งผ่านอนุมัติให้ปลูกฟ้าทะลายโจรในทัณฑสถานของราชทัณฑ์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกนำเอาตรงนี้ไปยืนยัน จากนั้นปรากฏว่ารัฐบาลก็ประกาศให้ใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโรคโควิด-๑๙ ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ผ่านการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ท่านอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ โทร. มาขอบคุณว่าผลจากที่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงใหม่กินยาฟ้าทะลายโจรแล้วหาย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการบรรจุยาฟ้าทะลายโจรในบัญชียาหลัก”

โควิด-๑๙ ในเรือนจำกลางเชียงใหม่สิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ จากนั้นเรือนจำชั่วคราวของเรือนจำกลางเชียงใหม่ก็เริ่มดำเนินการปลูกฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ ๓ ไร่ แต่ละไร่ลงกล้าราว ๑.๒ หมื่นต้น อายุครบ ๓ เดือนก็ตัดมาตากแห้ง บดผง บรรจุแคปซูล

ความสำเร็จของการควบคุมและตัดวงจรโรคระบาดในเรือนจำในระยะเวลารวดเร็วที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ยังมีเบื้องหลังที่เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริง เป็นบทเรียนให้กับวงการสาธารณสุขและราชทัณฑ์ต่อไปได้

“ข้างกล่องฟ้าทะลายโจรสกัดยี่ห้อหนึ่ง บอกว่ามีแอนโดรกราโฟไลด์เม็ดละ ๘๐ มิลลิกรัม เขาเป็นเจ้าใหญ่ เราตัดสินใจเลือกยี่ห้อนี้ มีพอให้ผู้ป่วยทั้ง ๓,๐๐๐ กว่าคนกินได้ตอนนั้น ทางการแพทย์บอกว่าจะต้องกินไม่ต่ำกว่า ๑๘๐ มิลลิกรัมต่อวัน เราให้กิน ๓ เม็ด ก็เกิน ๑๘๐ ไปแล้ว พอท่านรัฐมนตรีมาศึกษา โทร. ไปถามบริษัทว่าจริง ๆ แล้วค่าแอนโดรกราโฟไลด์เท่าไรแน่ เขาบอกว่ามี ๖ มิลลิกรัม ๓ เม็ดแค่ ๑๘ มิลลิกรัม แต่กินแล้วก็หาย  ที่ว่า ๑๘๐ มิลลิกรัมเป็นอย่างน้อย สำหรับคนติดเชื้อที่แสดงอาการแล้ว อันนี้เราต้องให้ข้อเท็จจริงกับสังคมว่าเป็นแบบนี้ กินจริงเท่านี้  ส่วนที่ว่าทำไม แอนโดรกราโฟไลด์ไม่เท่าที่ระบุ เขาชี้แจงว่าการเก็บใบฟ้าทะลายโจรมีผลต่อปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ เก็บตอนใบหนุ่ม ใบแก่ ตอนออกดอก ก็มีผลให้มีแอนโดร-กราโฟไลด์ไม่เท่ากัน”

ประสบการณ์ภาคสนามท่ามกลางคนไข้โควิด-๑๙ นับพันคน ผบ. สุรศักดิ์มีบทเรียนที่พอแบ่งปันคนอื่นได้ว่า

“เรื่องของโควิด-๑๙ เราก็ต้องคลี่คลายปัญหาด้วยความรวดเร็วและอย่าตื่นตระหนก เมืองไทยมีสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เวลามีคนเป็นแล้วต้องให้รีบกิน สำคัญที่สุดในเรื่องของการรักษาต้องตัดผลประโยชน์ออก ให้ประชาชนเข้าถึงยาฟ้าทะลายโจรกันทั่วประเทศโดยเร็ว ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองเป็นทางออกของประเทศ ทางนี้ถือว่าสำคัญและจะเป็นทางรอด คนไทยเราควรศึกษาเรื่องนี้ให้จริงจัง”

“ทางการแพทย์บอกว่าจะต้องกินไม่ต่ำกว่า ๑๘๐ มิลลิกรัมต่อวัน  ฟ้าทะลายโจรสกัดยี่ห้อหนึ่งค่าแอนโดรกราโฟไลด์ ๖ มิลลิกรัม เราให้คนป่วยกิน ๓ เม็ด แค่ ๑๘ มิลลิกรัม แต่กินแล้วก็หาย” 
สุรศักดิ์ เผื่อนคำ

จากจำนวนผู้ต้องขังราว ๖,๕๐๐ คนในเรือนจำกลางเชียงใหม่ มีเพียง ๒๐๐ คนที่ผลตรวจเป็นลบ นอกจากนั้นติดเชื้อโควิดทั้งหมด โดยผู้ป่วยกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์รักษาหายด้วยยาสมุนไพร

ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง

Image

สมุนไพร ยาที่ทุกคนผลิตใช้เองได้ ฟ้าทะลายโจรที่ชุมพล เพิ่งถอนจากสวนต้นนี้อายุราว ๑๐๐ วัน เป็นช่วงที่ใบให้ตัวยามากที่สุด ตากให้แห้งแล้วบดผงเก็บไว้ได้เป็นปี

องค์ความรู้เรื่องสมุนไพรรักษาไข้ โดยเฉพาะการใช้ฟ้าทะลายโจรแก้อักเสบ เจ็บคอ มีมานานแล้ว ถ้านับจากที่มีการบันทึกรวบรวมข้อมูลการใช้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวงกว้างที่ รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย ร่วมรู้เห็นและลงมือทำมาด้วยก็เกือบ ๔๐ ปีมาแล้ว

“โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง ภายใต้มูลนิธิโกมลคีมทอง เริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ ฟ้าทะลายโจรเป็นหนึ่งในสมุนไพร เราเก็บข้อมูลและสัมภาษณ์ผู้คนที่ใช้ ถือเป็นข้อมูลชั้นปฐมภูมิ และศึกษางานวิจัยในต่างประเทศ ตีพิมพ์ในวารสาร ข่าวสารสมุนไพร และพิมพ์เป็นเล่ม ฟ้าทะลายโจร ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๒๘  ต่อมาในปี ๒๕๓๙ เราตั้งเป็นมูลนิธิสุขภาพไทย และได้มีส่วนผลักดันสมุนไพรห้าตัวแรกเข้าอยู่ในบัญชียาหลัก คือ ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ชุมเห็ดเทศ ไพลและหญ้าหนวดแมว สำเร็จเมื่อปี ๒๕๔๒ นั่นเป็นครั้งแรกที่มียาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ก่อนหน้านั้นมีเฉพาะยาแผนปัจจุบัน”

ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-๑๙

“ในเวลานี้โลกยังไม่มียาตัวไหนที่ไปจัดการเชื้อโรคโควิด-๑๙ โดยตรง ฉะนั้นเขาก็เอายาเก่ามาศึกษาใหม่ ที่เรียกว่าเป็นการอภิมาน ก็มีการหยิบพวกฟาวิพิราเวียร์ ไอเวอร์เม็กติน เรมเดซิเวียร์ มาศึกษาว่ายาเหล่านี้สามารถใช้กับโรคได้ไหม ก็ไม่มีตัวไหนที่ได้ผลดีจริง ๆ แต่แอนโดรกราโฟไลด์น่าสนใจมาก”

แอนโดรกราโฟไลด์เป็นสารสำคัญหนึ่งในสี่ชนิดที่พบในผงฟ้าทะลายโจร

“มีการทดลองในหลอดทดลองของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อปี ๒๕๖๓ พบว่าฟ้าทะลายโจรแบบผงรวมกับสารแอนโดรกราโฟไลด์ยับยั้งเชื้อโรคโควิด-๑๙ ไม่ให้ขยายตัวได้ ลดการอักเสบ และมีหลายกลไกในการยับยั้งเชื้อเข้าเซลล์ แต่ยังไม่มีการศึกษาแอนโดรกราโฟไลด์ในงานวิจัย RCT (randomized controlled trial) การวิจัยแบบควบคุมกลุ่มตัวอย่างโดยไม่ให้ผู้วิจัยรู้ว่ากลุ่มไหนให้ยาอะไรเพื่อไม่ให้มีอคติในการวิจัย ซึ่งเป็นสิ่งที่การแพทย์แผนปัจจุบันต้องการมากที่สุด  แต่แอนโดรกราโฟไลด์ยังมีการวิจัย RCT น้อย ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์มีการวิจัย RCT เยอะกว่า แต่จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิด-๑๙ ของโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ตีพิมพ์เมื่อ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในงานวิจัยทั้งหมดเกี่ยวกับฟาวิพิราเวียร์พบว่ามีประสิทธิผลต่ำ

“ช่วงวิกฤตโควิด-๑๙ พวกเราเหมือนตกน้ำอยู่กลางมหาสมุทร แล้วหมอแผนปัจจุบันก็ไปคว้าเอาฟาวิพิราเวียร์
ซึ่งเป็นยาสำหรับรักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ของญี่ปุ่นมาใช้กับคนไข้ติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ ทั้งที่ในการทดลองกับไวรัสโคโรนาในหลอดทดลองก็ไม่ได้ผล การวิจัยแบบ RCT ก็ได้ประสิทธิผลต่ำ แต่ประเทศไทยก็นำเข้ามาใช้อย่างจริงจัง ทั้งที่ WHO ไม่แนะนำให้ใช้ แต่เสนอให้ใช้ในงานวิจัยเท่านั้น  ในขณะที่ฟ้าทะลายโจรมีการทดลองในหลอดทดลองโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี ๒๕๖๓ และโดยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่การทดลองได้ตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศเมื่อ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๔ พบว่าฟ้าทะลายโจรและสารแอนโดรกราโฟไลด์สามารถยับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสโรคโควิด-๑๙ ในเซลล์เยื่อหุ้มปอดและปลอดภัยต่ออวัยวะสำคัญของมนุษย์ ทั้งสมอง ปอด ตับ ไต และลำไส้ และยังพบว่าสารสกัดรวมของฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งทำลายการแบ่งตัวของไวรัสโรคโควิด-๑๙ ได้ดีกว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์เดี่ยว ๆ”

จากนั้นกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้นำฟ้าทะลายโจรไปใช้กับอาสาสมัครที่เป็นผู้ติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ ในสถานกักตัวของรัฐจำนวนห้าคนที่อาการยังไม่รุนแรง ยังไม่มีภาวะปอดอักเสบ ปรากฏว่าความถี่ของการไอ ปริมาณเสมหะ ความรุนแรงของการไอ เจ็บคอ และปวดศีรษะลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายในเวลา ๕ วัน

ต่อมาเมื่อเกิดการระบาดระลอกที่ ๒ ช่วงต้นปี ๒๕๖๔ จากคลัสเตอร์แรงงานเพื่อนบ้านที่จังหวัดสมุทรสาคร เริ่มมีการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้กับคนไข้ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลสนาม

“คนไข้ ๓๐๙ คนที่ได้ทดลองใช้ มีอาการเชื้อลงปอด ๓ คน เทียบคนไข้ที่ไม่ได้ใช้ฟ้าทะลายโจร ๕๒๖ คน ปรากฏว่าเชื้อลงปอด ๗๗ คน และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ  เป็นตัวเลขที่น่าสนใจในแง่ที่ว่าฟ้าทะลายโจรช่วยลดการติดเชื้อลงปอดได้ผลดีมาก”

หลังโควิด-๑๙ ระลอกที่ ๓ เดือนเมษายน ๒๕๖๔ คลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อ กรุงเทพฯ ซึ่งการระบาดรุนแรงกว่าระลอกก่อน ๆ หลายเท่าตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่ยังไม่มีภาวะปอดอักเสบ ร่วมกับการแพทย์ปัจจุบัน ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

แต่ก็ยังไม่เกิดการนำไปใช้ในวงกว้างอย่างจริงจังนัก

“ฟ้าทะลายโจรเข้าไปอยู่ในบัญชียาหลักและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายนที่ผ่านมา แต่หมอไม่ยอมใช้  ตอนนี้สั่งซื้อฟาวิพิราเวียร์ ๔๒๔ ล้านเม็ด ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคมปีนี้ ซึ่งถ้าจ่ายให้ผู้ป่วยคนละ ๕๐ เม็ด ก็ใช้ได้ถึง ๘,๔๘๐,๐๐๐ คน ทำไมต้องสั่งซื้อมาเยอะขนาดนั้น ยาฟาวิพิราเวียร์ราคาเม็ดละ ๑๒๐-๑๕๐ บาท

Image

เมล็ดฟ้าทะลายโจรงอกง่าย และเมื่อปลูกต้นแรกได้แล้ว เมล็ดจะกระจายแพร่พันธุ์ต่อไปได้เอง

“ปัจจุบันนำมาใช้ราวกับเป็นยาสามัญประจำบ้าน ทั้งที่ยังเป็นยาฉุกเฉินที่เคยต้องใช้ภายใต้การดูแลใกล้ชิดของแพทย์แต่ผู้ป่วยกลุ่ม home isolation หมอก็จ่ายฟาวิพิราเวียร์ให้ไปกินที่บ้าน และใช้ในกลุ่มคนไข้สีเขียวที่มีอาการเล็กน้อย ซึ่งอาจหายได้เอง หรือใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาได้ กลับไปใช้ฟาวิพิราเวียร์ที่แพงกว่ายาฟ้าทะลายโจรมากกับคนไข้ทั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ น่าจะใช้เฉพาะในกลุ่มผู้ป่วย ๑๐-๒๐ เปอร์เซ็นต์ที่อาการหนัก รัฐควรคัดกรองกลุ่มนี้ออกมา แต่ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยควรจะใช้ยาที่มีอยู่ในประเทศของเราอย่างฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรอื่น ๆ มาช่วยยับยั้งไม่ให้ข้ามแดนมาเป็นสีเหลืองหรือสีแดง ให้เขาหายเป็นสีขาวไปเลย

“การไปซื้อยาต่างประเทศแพง ๆ มาใช้กับผู้ป่วยทั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เป็นวิธีการบริหารที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วตอนที่เขาเอาคนมานอนข้างถนนรอตรวจ RT-PCR คนมาวันละเป็นพัน ตรวจได้กี่ร้อยคนไม่รู้ ทำไมไม่จ่ายฟ้าทะลายโจรให้ทุกคนกินเลย ไม่ต้องรอผล เพราะมารวมกันอยู่อย่างนั้นถ้าไม่มาแพร่เชื้อก็มารับเชื้อ”

รสนาพูดถึงแง่มุมนี้จากประสบการณ์ของตัวเอง

“ตอนโควิด-๑๙ ระบาดหนักที่สมุทรสาคร บ้านเราก็อยู่ในโซนนั้น จากที่ไม่เคยเป็นหวัดมาหลายปีแล้ว อยู่ ๆ เจ็บคอขึ้นมา ก็กินฟ้าทะลายโจรแบบเต็มที่ ๑๐ เม็ดลูกกลอน ปรกติเขาให้กิน ๓-๕ เม็ด ทุก ๔ ชั่วโมง พอ ๒ วันเรารู้ตัวเลยว่าชนะแล้ว สี่ถึงห้าวันหายดี ไม่เคยไปตรวจ ตอนนั้นการตรวจ RT-PCR ต้องใช้เวลานานกว่าจะทราบผล จะไปรอตรวจอยู่ได้อย่างไร ก็ไม่รู้หรอกว่าเราติดโควิด-๑๙ หรือเปล่า”

เธอเชื่อว่าตัวเราเองเป็นตัววัดที่ดีที่สุดและบอกต่อคนอื่น

“เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณกำลังเป็นหวัด คุณกินฟ้าทะลายโจรเลย ไม่ต้องไปสนใจว่าหวัดตัวนี้ชื่ออะไร เพราะมันคืออาการเดียวกัน เราไม่ได้ปฏิเสธแผนปัจจุบัน โรคหลายอย่างก็จำเป็นต้องอาศัยแผนปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ว่าเป็นอะไรก็ให้ไปหาหมอจะซื้อยาก็ให้ถามเภสัชกร ทำไมคุณไม่มีความรู้ในการดูแลชีวิตตัวเองเลย โรคที่รักษาเองได้ เราควรจะดูแลตัวเองด้วยสมุนไพรที่มีอยู่ในบ้าน มีอยู่ในประเทศ ดีกว่าจะเสียเงินไปซื้อยาต่างประเทศ”

รสนายังเสนอเชื่อมโยงถึงการจัดการรองรับกลุ่มผู้ป่วยโควิด-๑๙

“จะทำแค่โรงพยาบาลสนามไม่พอ ต้องเตรียมระบบ home isolation หรือ community isolation เอาไว้ด้วย คือ สถานกักตัวในบ้าน ในชุมชน เพื่อแยกคนติดเชื้อออกมา ใช้ระบบของรัฐทำร่วมกับประชาชน สร้างเครือข่ายภาคประชาสังคมให้ดูแลตัวเองกันได้มากขึ้น อย่างที่มัสยิดเนียะมะตุลลอฮ์ ที่ทุ่งครุ ตอนนี้เป็นที่แห่งแรกที่จะใช้สมุนไพร ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ในการรักษา ใช้ฟ้าทะลายโจร ๕ วัน ดีขึ้นจนหมดอาการ”

“คิดว่าฟ้าทะลายโจรมันเป็นต้นไม้ที่มหัศจรรย์” เป็นข้อสรุปจากประสบการณ์กว่า ๔๐ ปีในวงการสมุนไพรของรสนา “ตอนนี้ฟ้าทะลายโจรกลับมาเป็นพระเอก ปลูกง่าย ชาวบ้านพึ่งตัวเองได้แทบทั้งหมด”

ในวิกฤตการณ์โควิด-๑๙ สิ่งหนึ่งที่มูลนิธิสุขภาพไทยเร่งทำอย่างกว้างขวางคือการแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรสู่ประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งรสนาให้ข้อมูลว่าได้กระจายไปถึงชาวบ้านแล้วกว่า ๑๗,๕๐๐ ครัวเรือน ใน ๗๗ จังหวัด

Image

ฟ้าทะลายโจรเป็นไม้ล้มลุก ปลูกในกระถางได้ ถ้าปลูกในดินให้ห่างกันต้นละ ๒๐ เซนติเมตร ให้ผลผลิตสดเป็นตัน ต่อพื้นที่ ๑ ไร่ 

ชุมพล อักพันธานนท์ เป็นคนหนึ่งที่ช่วยรับกล้าพันธุ์ฟ้าทะลายโจรจากมูลนิธิสุขภาพไทยไปแจกจ่ายและบางส่วนเขาปลูกเองในที่สวนริมคลองบางแขม จังหวัดนครปฐม

“ผมช่วยมูลนิธิสุขภาพไทยเอาไปแจกถึงนครสวรรค์ ชาวบ้านบอกขึ้นไปดูบนบ้านสิ เขาก็ปลูก เก็บป่นใช้กันมานานแล้ว เราได้เห็นว่าในต่างจังหวัดก็มีกลุ่มคนที่ใช้กันจริง ถ้าเราได้ใช้กันทั่วไปคงไม่ตายเพราะโควิด-๑๙ กันมากขนาดนี้ ในเรือนจำเขามีกินกันคนละเม็ดสองเม็ดเขายังหายเลย”

กล้าฟ้าทะลายโจรส่วนหนึ่งเขานำมาลงปลูกเองกระจายไว้ในที่หลายแปลง ทำให้เขาได้รู้จักสมุนไพรใบขมนี้ดีขึ้น

“ไม่ค่อยชอบแดดเท่าไร ชอบอยู่ในที่ร่มรำไรใต้เงาไม้อื่นจะเติบโตดี ไม่เกิน ๑๒๐ วันจะออกดอก ต้องตัดมาใช้ก่อนนั้น”

ทิวต้นฟ้าทะลายโจรสูงเคียงเข่าเคียงขายืนต้นเรียงรายใต้เงาไม้ใหญ่ริมลำบาง ใบเขียวครึ้มคล้ายพุ่มพริกหรือโหระพา ได้เวลาให้เก็บเกี่ยวแล้ว โดยตัดทั้งต้นให้ห่างขึ้นมาจากพื้นดินสามถึงสี่ปล้องข้อของลำต้น โคนตอที่เหลืออยู่นั้นจะแตกพุ่มใหม่ให้เก็บเกี่ยวได้อีกสองรอบ

ส่วนผลิตผลที่เก็บมาชุมพลบอกว่าเขาจะส่งให้มูลนิธิสุขภาพไทย “รับกล้ามาปลูกแล้วคืนกลับเป็นใบให้เขานำไปใช้ประโยชน์ต่อไป”

ส่วนที่เป็นทุ่งไร่ปลูกขายกันเป็นอาชีพมีอยู่มากในแถบจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ที่ถือเป็นแหล่งผลิตฟ้าทะลายโจรที่สำคัญ มีกลุ่มเกษตรกรปลูกฟ้าทะลายโจรกันอยู่ทั่วไป แหล่งใหญ่เจ้าหนึ่งอยู่ในหุบเขาริมแนวชายแดนที่บ้านทับทิมสยาม ๐๕ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว

ธนิดา โรจนบัณฑิต เจ้าหน้าที่โครงการศึกษาและพัฒนาสมุนไพรเพื่อการวิจัย ที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานกลุ่มชาวบ้านในชุมชน ๓๐ กว่าราย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรกรรมฟ้าทะลายโจรอย่างละเอียดตั้งแต่เพาะปลูกจนพร้อมส่ง

ระยะปลูกระหว่างต้นและระหว่างแถว ๒๐ เซนติเมตรเท่ากัน ใช้เวลา ๙๐-๑๐๐ วันได้เก็บเกี่ยว รุ่นแรกหากบำรุงดี ๆ ก็ได้ต้นสูงเป็นเมตร  ตัดแล้วปล่อยไว้ราว ๕๐-๖๐ วันก็ตัดซ้ำได้อีก

พื้นที่ปลูก ๑ งาน ได้ผลิตผลราว ๒๒๐ กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ ๒๕ บาท  ถ้านำไปล้าง ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ สับเป็นท่อนสั้น ๆ ตากแดดหรือเข้าตู้อบ ๖๐ องศา ราว ๓ วัน จนแห้งสนิท น้ำหนักจะหายไปเหลือหนึ่งในห้า แต่ราคาเพิ่มเป็น ๒๕๐ บาทต่อกิโลกรัม

ส่งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์และโรงงานผลิตยาสมุนไพรอภัยภูเบศร แปรรูปเป็นยาผงฟ้าทะลายโจรบรรจุแคปซูล

“ฟ้าทะลายโจรน่าจะเป็นสมุนไพรทางเศรษฐกิจที่จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเงินออกนอกประเทศ แต่หมอแผนปัจจุบันจะใช้ก็ต้องมีผลการวิจัยรับรอง รัฐก็ควรจะส่งเสริมให้มีการวิจัย แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องพวกนี้เลย” รสนาเสนอถึงระดับนโยบาย

ในหนังสือ ฟ้าทะลายโจร บอกว่า ต้นฟ้าทะลายโจรเป็นต้นไม้ที่มีคุณวิเศษมากตัวหนึ่งของชาวจีน อินเดีย และชวา เป็นที่รู้จักและนิยมใช้อย่างกว้างขวางมานานแล้ว มีสรรพคุณเด่นสี่อย่าง คือ แก้ติดเชื้อ ระงับการอักเสบ แก้ไข้หวัด และเป็นยาเจริญอาหาร เป็นยาตำราหลวงที่มีสรรพคุณเด่นมากของการแพทย์จีนที่ใช้เพียงตัวเดียว ไม่ผสมร่วมกับตัวยาอื่น ซึ่งนับว่าเป็นยาที่หาได้ยากที่ใช้เพียงตัวเดียวแล้วรักษาโรคได้ดี

เก็บ ตาก บดผง ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ชาวบ้านทั่วไปก็สามารถทำยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไว้ใช้ในครัวเรือนได้ด้วยตัวเอง

Image

Image

“คนที่รับเชื้อไปเยอะๆ ร่างกายอ่อนแอมีของเสีย ยาแผนปัจจุบันก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ หลักการคือต้องรักษาให้ทันท่วงที โจทย์คือทำยังไงจะล็อกปุ่มปรมาณูไม่ให้ภูมิคุ้มกันทำงานเกิน ต้องหาสมุนไพรที่ไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส การทดลองในหนูพบว่าฟ้าทะลายโจรช่วยให้หนูรอดชีวิตจากภาวะนี้”
 เภสัชกรหญิง ดร. สุภาภรณ์ ปิติพร

“ฟ้าทะลายโจรคือทางรอดของมนุษยชาติในการอยู่กับสถานการณ์โควิด-๑๙ รวมถึงการระบาดสายพันธุ์ใหม่ ๆ ต้องให้ทุกบ้านปลูกฟ้าทะลายโจร”

เภสัชกรหญิง ดร. สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรที่ทุ่มเทเวลานอกราชการให้กับการศึกษารวบรวมองค์ความรู้ของหมอยาไทยและนำสมุนไพรเข้าสู่ชีวิตคนไทยผ่านแบรนด์ “อภัยภูเบศร” มาหลายสิบปี  ในสถาน-การณ์โรคโควิด-๑๙ ระบาด เธอยังยืนยันมั่นใจในศักยภาพสมุนไพร

“โรงพยาบาลเรามีการให้ฟ้าทะลายโจรร่วมด้วยในการรักษาการติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ ซึ่งสถานะฟ้าทะลายโจรก็อยู่ในบัญชียาหลัก มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคนี้ อาจจะมีข้อโต้แย้งในเรื่องตัวเลขหรือรายงานการวิจัยอยู่บ้างก็ไม่ต้องไปสนใจ แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าฟ้าทะลายโจรคือทางออกของมนุษยชาติในการที่จะอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙”

“ยืนยันได้จากอะไร”

“ความเชื่อมั่นของเราไม่ได้เริ่มต้นจากกระดาษ ไม่ได้เริ่มต้นจากหลอดทดลอง แต่เชื่อมั่นจากการใช้จริงที่เราได้รับรู้การใช้ฟ้าทะลายโจรมีมายาวนาน ใช้กันเยอะมาก และใช้ในหลากหลายโรคและอาการ ที่สำคัญคือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หวัด ไอ นี่คือห้องทดลองขนาดใหญ่ ทำให้มีความเชื่อมั่น เราเองเคยใช้มา ทำให้ไว้วางใจในฟ้าทะลายโจร และไปมีส่วนร่วมในการผลักดัน
ให้ฟ้าทะลายโจรอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ มีความปลอดภัย มีการติดตามการใช้ในระบบโรงพยาบาล หาได้ง่าย ประชาชนพึ่งตนเองได้ ช่วงแรกของการระบาดไปอ่านเจอว่าจีนมีการจดสิทธิบัตรฟ้าทะลายโจรในการยับยั้งไวรัสซาร์ส ซึ่งโครงสร้างของ DNA ประมาณ ๘๕ เปอร์เซ็นต์ของไวรัสซาร์สทับซ้อนกับไวรัสโคโรนา เป็นข้อมูลอันหนึ่งที่สนับสนุนว่าฟ้าทะลายโจรน่าจะต้านโควิด-๑๙ ได้”

เภสัชกรผู้คร่ำหวอดในวงการสมุนไพรมาเกือบ ๔๐ ปี
อธิบายกลไกการทำงานของโรคระบาดอุบัติใหม่ล่าสุดในโลกและแนวทางการรักษา

“การรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่มียาฆ่าเชื้อเฉพาะแต่เป็นการไปยับยั้งการสร้างตัวใหม่และยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส ซึ่งปรกติแล้วร่างกายของเราก็มีกลไกจัดการกับสิ่งเหล่านี้ ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและเป็นปรกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ เชื้อโรคโควิด-๑๙ ที่เข้าร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะมีหน่วยลาดตระเวนจับมันกินได้หมด เราก็จะไม่มีอาการอะไร ถ้าเกิดเหลือเล็ดลอดเข้าไปได้ ทหารเราจะยิงศัตรูด้วยสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบ ยิงเชื้อโรค แต่ก็มีเซลล์ของตัวเองโดนด้วย เวลาที่เราติดเชื้อ เชื้อไม่ได้ทำให้เราบวมแดงร้อน แต่นั่นเป็นกลไกของภูมิคุ้มกัน ถ้าเกิดการอักเสบไม่หยุดเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ประกอบกับร่างกายมีความเครียด มีของเสียเพิ่มขึ้น กลไกร่างกายจะไปกดปุ่มทำลายล้างศัตรู จินตนาการว่าเป็นปรมาณูที่ต้องการไปถล่มศัตรู แต่ขณะเดียวกันก็ถล่มเซลล์ของตัวเองด้วย มีการหลั่งสารจำนวนมากออกมาพร้อม ๆ กันหลายชนิดในวูบเดียว เกิดพายุไซโตไคน์ ทำให้มีเมือกเหนียวระหว่างเซลล์ของปอด เหมือนคนจมน้ำ แลกเปลี่ยนออกซิเจนไม่ได้ ทำให้ระบบการหายใจล้มเหลว”

“ถ้าอาการมาถึงขั้นนี้สมุนไพรเอาอยู่ไหม”

Image

บ้านทับทิมสยาม ๐๕ เป็นหนึ่งในหลายชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกฟ้าทะลายโจรของจังหวัดสระแก้วและปราจีนบุรีซึ่งแถบนี้ถือเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบสมุนไพรแห่งใหญ่ในภาคตะวันออก

“การที่มีเชื้อเป็นจำนวนมาก ร่างกายอ่อนแอ มีของเสียสะสมเช่นในโรคเรื้อรัง ยาแผนปัจจุบันก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ หลักการคือต้องรักษาให้ทันท่วงที โจทย์คือทำยังไงจะล็อกปุ่มปรมาณูไม่ให้ภูมิคุ้มกันทำงานเกิน ต้องหาสมุนไพรที่ไปยับยั้งตรงนี้ และหายาหรือสมุนไพรไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสที่เรียกว่าต้านไวรัส หาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ เพราะการอักเสบถ้าจะมากเกินไปก็จะกระตุ้นการอักเสบที่ต่อเนื่อง แล้วก็หาสมุนไพรอะไรที่ไม่ให้เกิดภาวะเครียดภายในร่างกายซึ่งฟ้าทะลายโจรมีกลไกเหล่านี้ทั้งหมด และมีการทดลองในหนูพบว่าฟ้าทะลายโจรช่วยให้หนูรอดชีวิตจากการได้รับเชื้อตัวนี้”

แม้จะเชื่อมั่นและคลุกคลีอยู่กับสมุนไพร แต่เภสัชกรแห่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยืนยันว่าไม่ได้ปฏิเสธการรักษาแผนใดเลย แต่ต้องใช้ทุกอย่างให้เป็นประโยชน์อย่างเข้าใจ ไม่ใช่ยอมจำนน

“ในภาวะที่ปอดอักเสบอย่างรุนแรงยังไงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ องค์การอนามัยโลกยอมรับให้ใช้เดกซาเมทาโซนไปยับยั้งการอักเสบของปอด เป็นยาตัวเดียวที่ผ่านการรับรองในกรณีนี้ ที่สำคัญคือต้องให้ออกซิเจนอย่างถูกวิธีให้ทันในกรณีที่ปอดมีปัญหา ที่พูดว่าออกฯ แซต (oxygen saturation) ต่ำ นอกจากนั้นก็รักษาตามอาการ บางทีคนไข้ก็บ่นว่าไปโรงพยาบาลไม่เห็นได้อะไรเลย ก็เขาไม่ให้อยู่แล้ว  โรคนี้ไม่มียารักษา ที่สำคัญร่างกายของคุณต้องแข็งแรงอย่างเป็นองค์รวมเพื่อภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง อีกอย่างคือมลภาวะก็เป็นปัจจัยที่ทำให้คนเสียชีวิตด้วยเหมือนกัน บ้านนอกเราจะไม่เจอคนตายคาบ้าน แต่ในกรุงเทพฯ ผู้ป่วยโควิด-๑๙ ตายคาบ้านเยอะมาก”

นอกจากความเชื่อมั่นต่อยาสมุนไพร เภสัชกรหญิง ดร. สุภาภรณ์ยังเน้นเรื่องการสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนมีความพร้อมในการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ

“ระบบการแพทย์แผนใหม่ไม่สอนให้คนไทยดูแลตัวเอง ให้พึ่งพิงระบบสาธารณสุข ในบ้านเมืองฝรั่งโรงพยาบาลเขาจะดูแลผู้ป่วยหนัก ๆ ที่อาการเล็กน้อยต้องดูแลตัวเอง สมัยก่อนเรามีศักยภาพที่จะดูแลตัวเอง ดูแลคนในครอบครัวและชุมชน มนุษย์มีศักยภาพที่จะเรียนรู้ได้ ในสถานการณ์โรคโควิด-๑๙ เราต้องให้ประชาชนรู้ระยะและอาการของโรค คนไข้ที่อาการไม่มากสามารถดูแลตัวเองที่บ้านโดยไม่ต้องไปพึ่งพิงภาครัฐ และยังเป็นการแบ่งเบาภาครัฐด้วย เราคงไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงโลกได้ทั้งโลก แต่อะไรที่มือเราเอื้อมถึงเราก็เอื้อมไป ครอบครัว ชุมชนคือคำตอบ”

Image

Image

ช่วงที่โควิด-๑๙ ระลอก ๓ ระบาดหนัก ผู้ใหญ่ ๖ ใน ๑๒ คน ในครอบครัวโตสิตระกูลเป็นผู้ติดเชื้อ สมาชิกที่เหลือถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ที่ต้องคัดกรองกันเองด้วยการตรวจ ATK 

ในช่วงโควิด-๑๙ ระลอกที่ ๓ ระบาดหนัก ผู้ป่วยตรวจพบใหม่เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นต่อวัน เตียงคนไข้ในโรงพยาบาลเต็มหมด ทางรัฐบาลเปิดโรงพยาบาลสนามขึ้นตามจุดต่าง ๆ ก็ยังไม่พอรองรับคนไข้รายใหม่ ๆ ที่ขยายกว้างขึ้นแบบไม่สามารถระบุคลัสเตอร์ได้ สถานการณ์โรคระบาดวิกฤตหนักถึงขั้นมีคนล้มลงตายตามข้างถนน อีกจำนวนมากเสียชีวิตที่บ้านขณะนอนรอคิวเข้าโรงพยาบาล บางครอบครัวเสียชีวิตต่อเนื่องหลายคน

บ้านโตสิตระกูลเป็นครอบครัวใหญ่อยู่กัน ๑๔ คน
ในย่านตรอกจันทน์ กรุงเทพฯ

๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ พลอย ลูกสาวคนโตของบ้านตื่นเช้ามาแล้วเจ็บคอ ปวดเมื่อยตัวเหมือนจะเป็นไข้ รู้สึกอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่เธอเคยเป็น เธอกินฟ้าทะลายโจร
ที่เป็นยาสมุนไพรประจำบ้าน แต่จนบ่ายไข้ยังไม่ลด พ่อเริ่มเอะใจว่าลูกอาจติดโควิด-๑๙

“เริ่มนึกถึงโควิด-๑๙  น้อง ๆ ผมช่วยกันโทร. ไปหา
ที่ตรวจ แต่ตอนนั้นไม่มีที่ไหนรับตรวจ เพราะถ้าตรวจเจอต้องรับเข้ารักษา ทุกที่คนไข้กำลังล้นโรงพยาบาล”

Image

ธวัชชัย โตสิตระกูล เป็นพี่คนโตของบ้าน และเป็นพ่อของพลอย ดิ้นรนหาชุดตรวจ ATK (rapid antigen test kit) ได้มา ๒๕ ชุด ในราคา ๘,๐๐๐ บาท ภรรยาของเขาช่วยศึกษาวิธีการใช้จากยูทูบ แล้วตรวจสมาชิกทุกคนในบ้านตอนค่ำวันนั้น “ตรวจก็เจอเลย”

บ้านโตสิตระกูลเป็นครอบครัวใหญ่ อยู่รวมกันสามรุ่น ในตึกแถวสามชั้นสามหลัง

ธวัชชัย วัย ๕๙ ปี เป็นพี่ชายคนโต มีน้องสาวห้าคน น้องชายหนึ่งคน ลูกสาวสองคน และหลานอีกสองคน กับสมาชิกในบ้านอีกสามคน คือ ภรรยาและลูกสาวของน้องชาย และภรรยาของธวัชชัยที่ทำหน้าที่แยงจมูกทุกคนในบ้านเก็บเชื้อมาตรวจด้วยเครื่องมือ ATK ที่มีหน้าตาคล้ายชุดทดสอบการตั้งครรภ์

ปรากฏว่าไม่ใช่แค่พลอย คุณแม่ลูกสองวัย ๒๙ ปี ที่ติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ แต่ยังพบว่าอาผู้หญิงวัย ๕๕ ปี กับอาผู้ชายวัย ๕๑ ปี ก็มีเชื้อด้วย “ตรวจเจอพร้อมกันสามคน ไม่รู้ว่าใครเริ่มรับเชื้อเป็นคนแรก”

พลอยเป็นพนักงานโรงแรมแถวสุขุมวิท เพื่อน
ร่วมงานติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ ๒๐ กว่าคน โรงแรมจึงปิดบริการมาเกิน ๒ สัปดาห์ก่อนหน้านั้น และเธอก็ผ่านการตรวจมาแล้วด้วย หยุดงานอยู่บ้านเธอไม่ได้ไปไหนนอกจากตลาดกับซูเปอร์มาร์เกต หากเธอเป็นคนแรกที่รับเชื้อเข้ามาในบ้านก็ต้องมาจากสองแหล่งนี้ แต่ในกลุ่มที่ตรวจพบพร้อมกันสามคนก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าใครเป็นคนแรกที่รับเชื้อเข้ามาในบ้าน เพียงแต่พลอยแสดงอาการเป็นคนแรก

การหาเตียงว่างตามโรงพยาบาลเป็นเรื่องเป็นไปได้ยากในช่วงนั้น แต่ธวัชชัยไม่กังวล จากที่เคยได้ทำงานคลุกคลีอยู่ในวงการสมุนไพรอยู่ ๑๐ กว่าปี เขามั่นใจว่าสมุนไพรช่วยเยียวยาความเจ็บไข้ให้คนในครอบครัวได้

เขาจัดการแยกผู้ป่วยไปอยู่รวมกันในบ้านหลังหนึ่งที่เรียกกันเล่น ๆ ในครอบครัวว่า “บ้านเอเอฟ” ที่อาจต้องมีคนเข้ามาเพิ่ม ซึ่งเป็นจริงตามคาด มีผู้ป่วยเพิ่มไล่เรียงกันมา

วันที่ ๒๗ กรกฎาคม หลานสาววัย ๑๕ ปี ลูกของน้องชายอายุ ๕๑ ปี ที่เป็นผู้ป่วยกลุ่มแรก

วันที่ ๒๙ กรกฎาคม น้องสาวคนถัดจากธวัชชัย วัย ๕๗ ปี

และในวันที่ ๓ สิงหาคม ภรรยาของน้องชายวัย ๕๑ ปี 
รวมสมาชิกป่วยเป็นโควิด-๑๙ หกคน ที่ต้องได้ย้ายเข้าอยู่โรงพยาบาลชั่วคราวของครอบครัว

ในบรรดาผู้ป่วยกลุ่มนี้ น้องสะใภ้ของธวัชชัยที่พบเชื้อเป็นคนสุดท้ายในบ้านฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว พลอยกับอาผู้หญิงสองคนได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ยกเว้นอาผู้ชายวัย ๕๑ ปี ที่ลงทะเบียนแล้ว แต่ถูกเลื่อนมาสองครั้ง กับลูกสาววัย ๑๕ ปี ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ฉีดวัคซีน

Image

กลุ่มคนป่วยแยกไปรักษาตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง คนที่เหลือคอยช่วยดูแลเรื่องยาสมุนไพรและอาหาร มี ธวัชชัย โตสิตระกูล (หน้าซ้าย) พี่ชายคนโตเป็นหัวหน้าทีม

Image

พลอยเล่าความเป็นอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยของครอบครัวว่า ตอนแรกแบ่งกันอยู่คนละชั้น ทุกชั้นมีห้องนอนและห้องน้ำส่วนตัว พอมีคนเข้ามาเพิ่มก็อยู่ร่วมห้องละสองคน แยกกันนอนคนละมุม คนที่ไม่ป่วยช่วยทำอาหารมาส่ง หรือบางทีผู้ป่วยโทร. สั่งอาหารดิลิเวอรี ก็ช่วยรับมาส่งให้

ส่วนด้านการรักษาธวัชชัยเล่าว่าใช้สมุนไพรหลักสองชนิด ฟ้าทะลายโจรผง ครั้งละสี่แคปซูล วันละสี่ครั้ง กับกระชายผง ครั้งละสี่แคปซูล วันละสามครั้ง

ยาสมุนไพรจีนเหลียนฮัวชิงเวิน ยาเย็นขับพิษร้อนที่ประเทศจีนอนุมัติให้ใช้รักษาโควิด-๑๙ ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๓ กินครั้งละสี่เม็ด วันละสี่ครั้ง

และดื่มน้ำโฮมีโอพาธีย์ (Homeopathy) จากศาสตร์การแพทย์ทางเลือก ปริมาณการใช้ตามที่หมอแนะนำสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน

นอกนั้นให้ยาตามอาการ ใช้น้ำผึ้งผสมมะนาวแก้เจ็บคอ ละลายเสมหะ ใช้ยาแก้ไอมะขามป้อม ใช้ยาแคปซูลขมิ้นชันเสริมภูมิ ละลายแป้งเท้ายายม่อมกินซ่อมกระเพาะ ลำไส้ จากอาการท้องเสีย

“วันแรกที่ป่วย ไข้ขึ้น ๓๙.๒ องศา ปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวข้างในสลับกับร้อนวูบวาบ เป็นแบบนี้จนเกือบเช้า แต่ไม่มีอาการพวกไม่รู้รสไม่รู้กลิ่น วันที่ ๒ ไข้ขึ้นๆ ลงๆ ยังปวดหัวเวียนหัว พอวันที่ ๓ ไข้เริ่มลดลงมาจนเป็นปรกติ ๓๖-๓๗ องศา เหลือแต่อาการไอ”
 ประสบการณ์จากพลอย

“มีเครื่องวัดไข้กับเครื่องวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว ให้ทุกคนวัดไข้ของตัวเองวันละหลาย ๆ ครั้ง แล้วส่งให้เราทางไลน์” ธวัชชัยทำหน้าที่หัวหน้าทีมรักษาพยาบาล โดยมีเภสัชกรหญิงดร. สุภาภรณ์ ปิติพร มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ และ สันติสุข โสภณสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสมุนไพร เป็นที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำตลอดเวลา

“วันแรกที่ป่วย ไข้ขึ้น ๓๙.๒ องศา ปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวข้างในสลับกับร้อนวูบวาบ เป็นแบบนี้จนเกือบเช้า แต่ไม่มีอาการพวกไม่รู้รสไม่รู้กลิ่น วันที่ ๒ ไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ  ยังปวดหัวเวียนหัวอยู่บ้าง พอวันที่ ๓ ไข้เริ่มลดลงมาจนเป็นปรกติ ๓๖-๓๗ องศา เหลือแต่อาการไอ” พลอยเล่าประสบการณ์ตัวเอง

“วันที่ ๓ ทุกคนไข้ลดลงเป็นปรกติ ยกเว้นน้องสาววัย ๕๗ ปี กับน้องชายวัย ๕๑ ปี” ธวัชชัยเล่าถึงน้อง ๆ ที่อาการขยับจากสีเขียวเริ่มเป็นสีเหลืองว่า น้องชายมีประวัติสูบบุหรี่และชอบออกกำลังกาย หลังจากกินยาสมุนไพรจนไข้ลดถึงระดับปรกติแล้ว ในวันที่ ๕ ของการป่วย หรือวันที่ ๒๘ กรกฎาคม เขารู้สึกว่าสบายดีแล้วจึงออกกำลังกายด้วยการจ็อกกิง อุณหภูมิร่างกายขึ้นไปถึง ๓๘.๕ องศา และลงมาเป็นปรกติตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ค่าออกซิเจนในเลือดเริ่มลดลงจนเหลือต่ำกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ในวันที่ ๑ สิงหาคม ไอมากและเจ็บหน้าอก

เขาหาซื้อเครื่องช่วยหายใจที่มีประกาศขายทางออนไลน์ แต่ซื้อไม่ได้ ของหมด แต่มีเพื่อนหามาให้จึงได้ใช้

วันรุ่งขึ้นค่าออกซิเจนของน้องชายขึ้นมาเป็นปรกติแต่น้องสาววัย ๕๗ ปี ที่อ้วน น้ำหนัก ๑๐๐ กิโลกรัม มีโรคหัวใจโตและเป็นทาลัสซีเมีย ไข้ไม่ลดแม้กินยาสมุนไพรเท่าคนอื่นรวมทั้งใช้ยาแผนปัจจุบันที่ได้รับมาด้วย

“ครอบครัวเราแจ้งชื่อเข้า สปสช. ทุกคนตั้งแต่แรก ให้เขารู้ว่าเราป่วย แต่รักษาอยู่ที่บ้านแบบ home isolation น้องสาวคนนี้ได้ยาฟาวิพิราเวียร์มากินครบ ๕ วันแล้วร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ แต่ไข้ไม่ลด จึงตัดสินใจส่งโรงพยาบาล”

Image

สมุนไพรสำหรับต้มดื่ม ใช้ตัวยาชุดเดียวกับยาสุม ประกอบด้วยกระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ไม่ใส่การบูรที่ให้กลิ่น แต่เติมน้ำผึ้งและน้ำตาลทรายแดงอย่างละช้อนชา

ธวัชชัยดิ้นรนจนหาเตียงคนไข้ได้ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ติดต่อหารถพยาบาลมารับ

“จริง ๆ เช้าวันที่รถพยาบาลมารับไข้ลดลงเป็นปรกติ ไม่มีความเสี่ยงแล้ว” ธวัชชัยเล่าเหตุการณ์วันที่ ๕ สิงหาคม

“อาการไข้หายไปแล้ว ถ้าไม่ไปก็คงผ่านไปได้ แต่ไม่กล้าบอกเลิก เกรงใจเขา กว่าจะติดต่อหารถหาเตียงโรงพยาบาลได้”

สรุปผลการรักษาคนไข้ทั้งหกรายในบ้านโตสิตระกูล ทุกคนอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ ๕ ของการป่วย เข้าข่ายสีเหลืองหนึ่งคน และต้องส่งโรงพยาบาลหนึ่งคน นอกนั้นถือเป็นกลุ่มสีเขียวที่กักตัวรักษาพยาบาลอยู่ที่บ้านกระทั่งตรวจ ATK ได้ผลเป็นลบทั้งหมด

“อาการหมดแล้ว แต่อยู่ต่อจนครบ ๒๐ กว่าวัน ให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อมาติดลูกวัย ๕ ขวบกับ ๒ ขวบ และสามี  ปรกติที่บ้านใช้ครัวแบบแฟมิลีแชร์ แต่ตอนนี้ทุกคนมีถ้วยชามของตัวเอง แยกวงกันกิน” พลอยเล่าความเปลี่ยนแปลงหลังเจ็บป่วย และพูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความป่วยไข้ครั้งนี้

“โรคนี้ดูแลตัวเองไม่ได้ การพึ่งพากันจำเป็นที่สุด แต่ช่วงที่เราพบเชื้อไม่มีโรงพยาบาลไหนรับคนไข้แล้ว เตียงเต็มทุกที่ ที่บ้านเราเชื่อเรื่องสมุนไพร มีฟ้าทะลาย-โจรติดบ้านอยู่แล้ว และมีผู้รู้ช่วยให้คำแนะนำ  ตอนนี้คนทั่วไปกลัวโควิด-๑๙ กันมาก วันก่อนมีคนโดนรถชนอยู่หน้าบ้าน ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะไม่แน่ใจว่าคนเจ็บมีเชื้อหรือเปล่า จริง ๆ โควิด-๑๙ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด รักษาหายได้ ครอบครัวเราก็หายด้วยสมุนไพร”

“ผมเคยอยู่โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง ผมเชื่อมั่นในสมุนไพร” ธวัชชัยพูดจากใจ

“โควิด-๑๙ เป็นโรคใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก เท่าที่ศึกษาโรคนี้มา ฟ้าทะลายโจรให้ความมั่นใจกับเรามากที่สุด นี่แหละยาเด็ดเลย นอกนั้นก็มีขิง กระชาย มะขามป้อมเป็นตัวเสริม แต่ตอนนี้ฟาวิพิราเวียร์เป็นทางเลือกเดียวในบ้านเรา โดยที่ไม่ได้มีหลักฐานว่าสู้โควิด-๑๙ ได้ดี  ในการทดลองเปรียบเทียบกับฟ้าทะลายโจรและกระชาย พบว่าฟาวิฯ ได้ผลน้อยที่สุด ไอเวอร์เม็กตินที่เป็นยาฆ่าพยาธิ เม็ดละไม่ถึง ๑๐ บาท มีหลายประเทศนำมาใช้ให้ผลดีกว่าฟาวิฯ ที่ราคาเม็ดละ ๑๐๐ กว่าบาท แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่ให้ประโยชน์กับคนสั่งซื้อยาหรือเปล่าถึงไม่ได้รับความสนใจ  ขณะที่ฟ้าทะลายโจรถูกกว่า ดีกว่า หาง่าย ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด”

ต่อกรณีที่ช่วงหนึ่งมีผู้วิจัยฟ้าทะลายโจรขอถอนผลการศึกษาวิจัย ธวัชชัยเห็นว่าเป็นหนึ่งในงานศึกษาวิจัยทางคลินิก ๒๐ กว่าชิ้นที่คำนวณตัวเลขทางสถิติผิดพลาด ผู้วิจัยจึงขอถอนเพื่อเพิ่มจำนวนเชิงสถิติให้มากขึ้น ซึ่งทำให้ดูเหมือนความน่าเชื่อถือของฟ้าทะลายโจรหายไป ทั้งที่การศึกษาวิจัยชิ้นอื่นยังถูกต้องสมบูรณ์ และเขายังเชื่อด้วยว่ามีความพยายามที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของสมุนไพรไทย เนื่องจากในยุคนี้ยาและวัคซีนกลายเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจไปแล้วด้วย

Image

Image
Image

สมุนไพรสำหรับต้มดื่ม ใช้ตัวยาชุดเดียวกับยาสุม ประกอบด้วยกระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ไม่ใส่การบูร ที่ให้กลิ่น แต่เติมน้ำผึ้งและน้ำตาลทรายแดงอย่างละช้อนชา

Image

“บ้านเราป่วย แต่แทบไม่ได้พึ่งรัฐเลย มีเพื่อนๆ มาช่วย พอเราหายเราก็ช่วยคนอื่นต่อไป ถ้าประชาชนพึ่งตนเองได้และช่วยกันเองได้มากจะเป็นภาระกับรัฐน้อย ความสามารถในการพึ่งตนเองของประชาชนด้านสุขภาพ ควรได้รับการส่งเสริมให้เกิดขึ้น” 
ธวัชชัย โตสิตระกูล

ธวัชชัยพูดแทนผู้ป่วยในบ้านว่า

“สำหรับน้อง ๆ ในครอบครัวนั้นตอนป่วยกันมันไม่มีทางไปแต่ตอนนี้เขามั่นใจในสมุนไพร ถ้าป่วยอีกผมเชื่อว่าเขาคงจะเลือกรักษาด้วยสมุนไพรอยู่ที่บ้าน อย่างน้อยก็เลือกอาหารได้ จะกินอะไรผมจัดหาให้ รักษาตัวอยู่บ้านสบายกว่าเยอะ”

เป็นการผ่านพ้นวิกฤตที่เขาบอกว่าแทบไม่ได้ใช้
งบประมาณของรัฐเลย ทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของการพึ่งตนเอง

เขาเสนอให้รัฐส่งเสริมการพึ่งตนเองของประชาชนด้วยการให้ความรู้

“บ้านเราป่วย แต่แทบไม่ได้พึ่งรัฐเลย มีเพื่อน ๆ มาช่วย พอเราหายเราก็ช่วยคนอื่นต่อไปอีก ถ้าประชาชนพึ่งตนเองได้และช่วยกันเองได้มากจะเป็นภาระกับรัฐน้อย ความสามารถในการพึ่งตนเองของประชาชนด้านสุขภาพควรได้รับการส่งเสริมให้เกิดขึ้น ถ้ามีความรู้
ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตกินสมุนไพรดูแลตัวเองไปได้ สร้างสถานที่กักตัวในชุมชนแทนที่จะต้องเข้ามาที่โรงพยาบาล ถ้าทำได้ปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาลก็จะลดลงไป ผู้ป่วยโควิด-๑๙ ประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์อยู่ในกลุ่มสีเขียว แทนที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทั้ง ๑๐๐ คน ก็มีแค่ ๒๐ คนที่ต้องให้หมอดูแล ในจำนวนนี้เข้าข่ายสีแดง ๕ เปอร์เซ็นต์ และที่ถึงขั้นเสียชีวิตไม่เกิน ๑ เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ผ่านมาคนส่วนหนึ่งต้องตายระหว่างรอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพราะเตียงไม่พอรองรับคนไข้ได้ทั้งหมด และไม่ได้รับการรักษาใด ๆ ระหว่างรอเตียง”

เช่นเดียวกับที่เภสัชกรหญิง ดร. สุภาภรณ์ยืนยันถึงแนวทางหลักในการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ ที่เธอทำมาตลอด คือส่งเสริมให้ประชาชนพึ่งตนเองได้ในทางยาและสุขอนามัย

“เราเองต้องเป็นหมอที่อยู่กับตัวเองตลอดเวลา เราคือหมอประจำตัวเรา ๒๔ ชั่วโมง ต้องทำให้หมอคนนี้เข้มแข็ง รู้เรื่องโรคและกลไกต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราป่วย ต้องรู้ว่าเราจะกินอะไรเมื่อไร เช่นต้องได้โปรตีนจากไข่สองฟองต่อวันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และมีเครื่องมือที่เหมาะสม คือสมุนไพรใกล้ตัวที่หาง่าย ปลอดภัย ปู่ย่าตายายเคยใช้มาและมีข้อมูลที่เราเชื่อถือได้ และต้องมีกัลยาณมิตร ใช้พลังของชุมชนในการอยู่ในโลกที่มีการปรับสมดุลใหม่ ตระหนักและใช้อาวุธที่เรามีให้พึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่ว่าในอนาคตอาจมียาแพง ๆ แล้วเราต้องตกเป็นทาสเขา เหมือนเขาเอาปืนมาจี้เราในนามของสิทธิบัตรยา อย่าให้ไปถึงตรงนั้น”

น้ำสมุนไพรตะไคร้และยาบำรุงปอดสำหรับผู้ที่หายป่วยจากโควิดแล้ว ดื่มกินเพื่อป้องกันอาการ long COVID

จากปัจเจกในครอบครัวเธอมองว่ายังส่งผลถึงในระดับชาติด้วย

“ชุมชนหลายแห่งพึ่งตนเองได้ ไม่ใช่จับคนไข้ไปรวมกันในโรงพยาบาลสนามเหมือนค่ายกักกันโรคติดต่อ เราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราดูแลตัวเองได้ มีองค์ความรู้ ก็จะช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุขลงไปได้มาก”

เธอเป็นคนหนึ่งที่เป็นกัลยาณมิตรคอยให้ความช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดให้กับครอบครัวโตสิตระกูล ในช่วงที่เจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-๑๙

“บ้านเรารอดมาได้จากการช่วยเหลือของคนอื่น ก็ตั้งใจว่าจะช่วยคนอื่นต่อ พยายามแชร์ประสบการณ์และพาตัวเองเข้าไปช่วยคนอื่น บางคนอยากจะตอบแทนเรา ผมบอกว่าให้ไปช่วยคนอื่นต่อ”

ตอนหลังธวัชชัยไปช่วยมัสยิดเนียะมะตุลลอฮ์ที่เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ตั้งศูนย์แยกกักตัวของชุมชน

“เป็นแนวคิดส่วนหนึ่งของ เพย์อิตฟอร์เวิร์ด” เขาเล่าถึงส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Pay It Forward ที่เด็กนักเรียนอายุ ๑๒ ปี ชื่อแทรเวอร์ หาวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้นด้วยการทำความดีช่วยเหลือคนอื่นสามคนในเรื่องที่คนนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แล้วให้คนที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น “จ่ายให้คนอื่นต่อไป” ด้วยการไปช่วยคนอื่นอีกคนละสามคน ในที่สุดก็เกิดกระแสการทำดีเป็นลูกโซ่ขยายวงออกไปเรื่อย ๆ สร้างผลสะเทือนขึ้นในวงกว้าง

“ขอให้ไปช่วยคนอื่นต่ออีกสามคน จากหนึ่งแตกเป็นสาม โควิด-๑๙ แตกตัวทีละสองเท่านั้น ถ้าทำได้แบบนี้ เราแตกตัวเร็วกว่า เราต้องชนะโควิด-๑๙” ธวัชชัยเชื่อเช่นนั้น

ภาษิตไทยบอกว่าลางเนื้อชอบลางยา สมุนไพรฟ้าทะลายโจรก็อาจไม่ใช่ทางเดียวในการรับมือกับโรคระบาดโควิด-๑๙ แต่ในเมื่อทั้งต่อตัวโรคและยารักษายังไม่มีคำตอบสุดท้าย ในทางเลือกที่หลากหลายจึงย่อมน่าคาดหมายว่ามีทางรอดรวมอยู่ด้วย และที่สำคัญยิ่งคือการพึ่งตนเองได้ในหมู่ประชาชนคนทั่วไป

ไวรัสร้ายที่กำลังคุกคามชีวิตคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก โดยที่ยังไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่ามีต้นตอมาจากไหนและจะหยุดยั้งมันได้อย่างไร

วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของโลกครั้งนี้ ใครจะรู้ว่าบางทีคำตอบอาจอยู่ที่ต้นยาในสวนหลังบ้านของเราเอง 

>

อ่านต่อ EP.03