Image

“นี่คือรัฐเผด็จการทหาร
ที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง 
เห็นคนตายเป็นเรื่องปรกติ”  
พะเยาว์ อัคฮาด 

Killed

สัมภาษณ์ : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล 
ภาพ : ณภัทร เวชชศาสตร์

พะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ กมนเกด อัคฮาด 
อาสาสมัครพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ระหว่างเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

ชีวิตและความตาย

“ปี ๒๕๔๙ บทบาทของเราคือแม่ค้าธรรมดา ไม่สนใจการเมือง คนรากหญ้าสมัยนั้นจะวุ่นกับการทำมาหากิน แค่รู้ว่าทักษิณเป็นนายกฯ แล้วค้าขายคล่อง เศรษฐกิจประเทศดีขึ้น ม็อบพันธมิตรฯ เราก็ไม่ได้สัมผัสว่าเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร

“เมื่อมีรัฐประหารเราไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหว เป็นพลังเงียบที่คำนี้ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แต่ปัจจุบันพลังเงียบตื่นตัวขึ้นเยอะกว่าเมื่อก่อน เริ่มสนใจการเมือง คนรากหญ้าเพิ่งเข้าใจว่าการเมืองมีผลกระทบต่อชีวิต

“ในปี ๒๕๔๙ น้องเกดทำงานที่โรงพยาบาล ประจำอยู่ห้องผ่าตัด พอเกิดรัฐประหาร เศรษฐกิจทรุด ก็ออกมาช่วยแม่ขายของ หวังจะเรียนต่อเป็นผู้ช่วยพยาบาลกองทัพบก และมั่นใจว่าสอบได้แน่ เพราะมีประสบการณ์ ย้อนกลับไปตอนเกิดสึนามิ รัฐบาลประกาศหาคนที่มีความสามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ศพคนตาย น้องก็อาสาลงไป ข่าวว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกหนาหูมาก เขาบอกแม่ไม่ต้องห่วงหนูนะ หนูน่ะคนของแผ่นดิน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเขาจะทำ

“ตอนปี ๒๕๕๓ เรากำลังขายดอกไม้ น้องเกดช่วยแม่ขายต้องไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาด ผ่านเต็นท์ชุมนุมของกลุ่ม นปช. แถวสะพานผ่านฟ้าฯ เห็นลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่ แล้วก็เต็นท์พยาบาล มาขอแม่ว่าหนูอยากไปช่วย เราเป็นห่วง แต่เขาบอกว่าไม่อันตราย หนูมีเครื่องหมายกาชาด ไปที่ไหนไม่มีใครแตะต้อง 

“ต่อมาเหตุการณ์ในม็อบเริ่มรุนแรง วันที่ ๑๐ เมษาฯ มีคนตาย ลูกมาหาเราวันที่ ๑๒ มาเล่นน้ำสงกรานต์กับน้อง ๆ แล้ววันที่ ๑๓ เมษาฯ ก็เป็นวันสุดท้ายที่พ่อแม่ลูก พี่ ๆ น้อง ๆ ได้เจอกัน

“ต่อมาม็อบย้ายมาอยู่ที่ราชประสงค์ สถานการณ์ตึงเครียด คนบาดเจ็บเยอะ เรายังมั่นใจว่าเขาปลอดภัย จนวันที่ ๑๙ เมษาฯ รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว เราโทร. หาลูกจนเขารับสาย ยังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงปืน ทั้ง ๆ ที่แกนนำมอบตัวตั้งแต่บ่าย เราบอกลูกว่ารัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวตอน ๒ ทุ่ม ถ้ากลับไม่ทันให้เกดเข้าไปอยู่ในวัดเพื่อความปลอดภัย พรุ่งนี้ค่อยกลับ น้องเกดบอกแม่ ! แค่นี้ก่อนนะมีคนเจ็บ แล้วก็วางสาย

“พอเรากลับเข้าบ้าน ประมาณ ๒ ทุ่มมีคนโทร. มาบอกว่าลูกถูกยิง เรา เลยรีบโทร. เข้าเบอร์ลูกจนมีคนรับสาย เป็นเสียงผู้ชาย เขาบอกแม่ น้องถูกยิง น้องตายแล้ว พวกผมเพิ่งเอาศพมาไว้ข้างในโบสถ์

“ตอนนั้นไม่เชื่อ เพราะอาสาพยาบาลมีเยอะทั้งผู้หญิงผู้ชาย แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะติดเคอร์ฟิว นั่งรอจนเช้าโทร. เข้าวัดปทุมฯ มีพระมารับสาย บอกว่ามีคนตายหกศพ เป็นผู้หญิงหนึ่งศพ พระบอกโยมอย่าเพิ่งเข้ามายังยิงกันอยู่ คิดดูเดือนเมษาฯ ๖ โมงเช้าก็สว่างแล้ว ทหารยังยิงประชาชนอยู่ในวัด

“เราโทร. เรียกแท็กซี่เท่าไรก็ไม่มีใครไป คนขับบอกรถอะไรผ่านไปตรงนั้นถูกยิงหมด เราเลยได้แต่นั่งมองจอโทรทัศน์ช่วงสาย ๆ มีภาพข่าวออกอากาศ ภาพศพนอนเรียงกัน คลุมหน้าไว้โผล่แค่ปลายเท้า พอกล้องถ่ายมาถึงศพลูกเรา เห็นเท้าเท่านั้นละ คือเราโกหกตัวเองไม่ได้แล้ว”

นิรโทษกรรมเหมาเข่ง
และการสืบทอดอํานาจ

“ตอนแรก ศอฉ. แถลงว่าศพน้องเกดถูกยิงสองนัด นี่คือคำโกหก ต่อมาผลชันสูตรบอกห้านัด แม่เกดก็ไม่เชื่อ เพราะมีรูบนร่างทั้งหมด ๑๑ รู  น้องเกดถูกยิงที่ขาไล่ขึ้นไปเหมือนยิงสกัด เราประกาศเลยว่าจะสู้กับ ศอฉ. ให้ถึงที่สุด

“การสืบทอดอำนาจด้วยการทำรัฐประหารมันเกี่ยวเนื่องกับคดี คนในรัฐบาลชุดนี้ที่เป็น ศอฉ. เคยเป็นคนวางแผนฆ่า ทั้งที่ประชาชนเรียกร้องแค่ยุบสภา เหี้ยมโหดตั้งแต่เป็น ศอฉ. มาถึง คสช. จนเปลี่ยนขั้วอำนาจโดยอ้างการเลือกตั้งอย่างปัจจุบัน

“การตายของน้องเกดผ่านมา ๑๑ ปีแล้ว คนจะคิดว่าทหารชุดนี้กุมอำนาจมา ๗ ปี ตั้งแต่ยึดอำนาจนายกฯ ยิ่งลักษณ์ แต่จริง ๆ เขาอยู่ในอำนาจเข้าปีที่ ๑๒ แล้วนะ

“ตอนนี้คดียังเหลืออายุความอีก ๙ ปี พวกเขาพยายามลากให้คดีหมดอายุความ ก็ได้แต่หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องกระจ่าง”

Image

“จากรัฐประหารปี ๒๕๔๙ เรายังไม่ค่อยเข้าใจการเมือง  หลังลูกตายก็เริ่มศึกษาว่าเกิดจากอะไร ทำไมประชาชนออกมาสู้จนเสียชีวิต

“หลังจากเลือกตั้งเราก็ลุ้นให้คุณยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นฝ่ายของคุณทักษิณได้เป็นรัฐบาล แต่สุดท้ายสิ่งที่เราเจ็บปวดที่สุดคือการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง

“ก่อนหน้านั้นนักข่าวถามแม่เกดตลอด แม้แต่นักข่าวต่างประเทศ ว่าถ้าเขานิรโทษกรรม เราคิดยังไง  ในฐานะที่เราสู้มาคนเดียว ยังไงฉันก็ไม่ยอม กี่ครั้งแล้วที่ประชาชนต้องตาย ศึกษาประวัติศาสตร์เอาใกล้ ๆ ๑๔ ตุลาฯ ๖ ตุลาฯ เจ้าหน้าที่รัฐฆ่าคนตายแล้วไม่มีใครติดคุก ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

“เวลาพูดคำว่านิรโทษกรรมเหมือนคุณใจกว้าง ทุกคนไม่ต้องรับโทษ แต่เรารับไม่ได้ ฉันจะสู้ แล้วสู้กับพวกเดียวกันนี่มันหนักหนาสาหัส ทั้งเสียใจและแค้นใจ ไม่มีใครอยากเป็นวีรบุรุษที่สิ้นชีวิต ประชาชนที่ตายเขามาสู้ด้วยใจ ทำไมคุณหักหลังเขา

“เราคุยกับพ่อน้องเฌอ (พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของ สมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ เฌอ ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนราชปรารภ) กลุ่มอาจารย์ นักศึกษา วางแผนกันร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฉบับประชาชน ประเด็นหลักคือขอให้นิรโทษกรรมประชาชนทุกสีทุกฝ่าย จะเป็นสลิ่ม เสื้อเหลือง หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะทุกคนเป็นแค่เหยื่อทางการเมือง ยกเว้นแกนนำ ผู้สั่งการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกดัน พ.ร.บ. ฉบับเหมาเข่ง ลงมติกันตอนตี ๒ แล้วรัฐบาลก็ต้องร่วงไป ล้มลงด้วยจิตวิญญาณของวีรชนที่เสียใจและร้องไห้”

คดีน้องเกด จาก “ร้องขอ” 
ถึง “ทวงถาม”

“หลังจากเยียวยาให้ญาติผู้เสียชีวิตศพละ ๗.๕ ล้าน เรามองว่าเขาไม่จริงใจกับประชาชน คุณช่วยเพื่อเอาหน้า แท้จริงประชาชนต้องช่วยกันเอง คนที่มาหาแม่น้องเกด แม่น้องเกดก็ต้องช่วย บอกว่านี่เงินของไอ้เกดนะ ค่าชีวิตมัน เงินที่ได้มาไม่ได้ใช้คนเดียว ยังมีคนเดือดร้อนที่ไม่ได้รับการเยียวยา เพราะเขาจ่ายให้เฉพาะคนตายกับคนเจ็บที่มีหลักฐานอยู่ในโรงพยาบาล คนที่โดนแก๊สน้ำตา ไปหาหมอบอกว่าเข้าร่วมม็อบก็ไม่ได้ เพราะมี พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หมายหัวไว้ ต้องใช้สิทธิ์ ๓๐ บาท หลายคนที่มาหาแม่เกดนั้นปอดเสียหายจากแก๊สน้ำตา

“เรื่องคดีความช่วงแรก ๆ เราเรียกว่า ‘ร้องขอ’ ความยุติธรรม แต่พอมีรัฐบาลโจรเข้ามากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง คดีลูกของเราถูกดอง เราจึงเปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘ทวงถาม’

“เราพยายามทำให้สังคมไม่ลืมว่ารัฐบาลนี้มาจากการฆ่าประชาชน แล้วนักการเมืองแต่ละฝ่ายอดีตเป็นยังไง เราจะคอยเป็นหอกข้างแคร่ สะกิดให้ประชาชนตื่นรู้ว่าถ้าคุณจะหลงอะไรขอให้คิดทบทวนดี ๆ ก่อน

Image

“ญาติของคนที่ตาย ไม่ใช่เฉพาะหกศพในวัดปทุมฯ เมื่อเวลาผ่านไปก็เหลือแค่แม่น้องเกดกับพ่อน้องเฌอที่ยังต่อสู้อยู่ เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาอยู่ต่างจังหวัด ถึงเวลาก็แค่ทำสังฆทานให้ลูก ระลึกว่าลูกตาย จุดมุ่งหมายจะต่างจากเรา

“บางคนไม่ได้ออกมาสู้เต็มตัว แต่เวลาจัดงานรำลึกถ้ามาได้เขาก็มา สำหรับเรามันฝังอยู่ในเลือดเนื้อแล้ว ต่อให้คุณเอาคดีมาดักหน้า เอาเราไปขังคุก หรือจะฆ่าเรา ยังไงเราก็จะสู้อยู่อย่างนี้

“ตอนนี้คดียังเหลืออายุความอีก ๙ ปี พวกเขาพยายามลากให้คดีหมดอายุความ ก็ได้แต่หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องกระจ่าง”

ระบอบเผด็จการ
และฆาตกรรมต่อเนื่อง

“คุณประยุทธ์ไม่ได้โง่นะ เขามองบทเรียนจากนายทหารรุ่นพี่ที่เคยทำรัฐประหารมาแล้วว่าเป็นยังไง เขาถึงอยู่ได้นาน แม่เกดมองว่าเขาเหี้ยมพอ ทำได้ทุกอย่าง

“ถึงเวลานี้ประชาชนถูกกดให้โง่แล้วปกครอง ไม่รู้ตัวหรอกว่าพวกเราเหมือนทหารเกณฑ์ นี่คือระบอบเผด็จการที่กำลังครอบงำประเทศ ถึงเวลาเดือดร้อนก็หยอดเงินให้ เงินเยียวยานี่อย่าไปดีใจ แค่กระผีกริ้น จริง ๆ เราควรจะได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่ ‘เราชนะ’ ‘คนละครึ่ง’ นั่นเป็นเศษเงินที่เขาบีบให้เราจนแล้วแจก

“ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ต่อเนี่ยทุกคนตาย คนจนจะมีน้อยลงเพราะอดตาย  หากเป็นรัฐบาลพลเรือนที่ประชาชนเลือกมาจริง ๆ โรคโควิด-๑๙ จะไม่ระบาดขนาดนี้ คนจะไม่ตายรายวันมากขนาดนี้ แต่นี่คือรัฐบาลทหาร รัฐบาลเผด็จการที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง เห็นคนตายเป็นเรื่องปรกติ

“การกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทที่เพิ่งผ่านวาระ ถามว่าก่อนจะมาถึงเงิน ๕ แสนล้านบาท ไอ้เงินก้อนที่เหลือที่เคยกู้ ๆ มา ถ้าใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ จะมีเหลือเฟือ

“อย่างที่บอก ระบบทหาร ระบอบเผด็จการ มันเหี้ยมอยู่ในตัว บริหารไม่เป็น แต่ต้องการยึดอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง รัฐวิสาหกิจก็มีทหารเป็นคณะกรรมการ  ผลประโยชน์มหาศาล ทั้งค่าน้ำค่าไฟ อย่าบอกนะว่าคุณรักประชาชน

“เพราะฉะนั้นต้องเอาออกไป แล้วคนที่จะเป็นนายกฯ คนใหม่ต้องได้รับฉันทามติ แม่เกดคิดและบอกประชาชนแบบนี้ตลอด นายกฯ ที่จะมาต้องแก้ปัญหาโรคระบาด เศรษฐกิจและรัฐธรรมนูญ สามอย่างนี้ประชาชนจะเลือกใครเป็นสิทธิ์ของเขา

“แล้วถ้าคิดจะทำรัฐประหารอีกไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมาเพราะประชาชนตื่นตัวมากขึ้นและจะออกมาต่อต้านอย่างหนัก ถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว”  

วันสัมภาษณ์ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔