เสียงของหนังสือพิมพ์
Hidden (in) Museum
เรื่อง : สุชาดา ลิมป์
ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช
สมัยนี้ใครก็เข้าถึงข้อมูลจาก AI ได้ แบบเรียลไทม์
กระทั่งหนังสือพิมพ์เองก็มีบริการแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนเพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงข่าวสารง่าย แม้ยอดขายหนังสือพิมพ์กระดาษจะลดเนื่องจากการเติบโตของสื่อดิจิทัล แต่หนังสือพิมพ์ที่น่าเชื่อถือก็ยังคงผูกใจผู้คนไว้ได้ด้วยความเป็นกลางในการรายงานข่าว ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายที่นักหนังสือพิมพ์พยายามรักษา
ยากที่คนทั่วไปจะได้รู้เห็นว่ากว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับมีเบื้องหลังอย่างไร พิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทยจึงอาสาบันทึกผ่านนิทรรศการจำลอง “สำนักงานหนังสือพิมพ์ในอดีต” ที่ทำงานร่วมกันระหว่าง “นักข่าว” ผู้ถนัดหาข่าวทุกประเภทและจับประเด็นมาเขียนให้ดึงดูด บ่อยครั้งนักข่าวก็เป็นทั้งนักเขียน+ช่างภาพ, “ช่างพิมพ์” ผู้จัดหน้าและแกะบล็อกไม้สำหรับพิมพ์ภาพลายเส้นประกอบ โดยตัวพิมพ์สมัยก่อนทำด้วยตะกั่ว การพิมพ์ในยุคที่ไม่มีคอมพิวเตอร์จะใช้วิธีป้อนกระดาษผ่านเครื่องพิมพ์ทีละแผ่น และ “บรรณาธิการ” ซึ่งเจ้าของสำนักพิมพ์มักทำหน้าที่นี้ เพราะไม่เพียงเป็นผู้ลงทุน ดูแลการนำเสนอข่าว-บทความ คิดคำพาดหัวข่าว ยังต้องรับผิดชอบความเสี่ยงตามกฎหมายด้วย
ในห้องจัดแสดงแม้กะทัดรัดแต่จัดสัดส่วนเหมาะ เน้นยกข่าวที่นำเสนอเหตุบ้านการเมือง สังคมเศรษฐกิจ ได้เห็นหนังสือพิมพ์ไทยหลายหัวที่คิดสโลแกนเพื่อชี้แนวทางเด่นดึงดูดฐานสมาชิก เช่น ไทยรัฐ (ยุคที่ราคาฉบับละ ๕๐ สตางค์) ใช้สโลแกน “หนังสือพิมพ์บอกข่าวรายวัน”, สารเสรี ใช้สโลแกน “หนังสือพิมพ์ข่าวภาคเช้าประจำครอบครัว” หรือประชาธิปไตย ใช้สโลแกน “ธรรมอยู่ที่ไหน ไทยอยู่ที่นั่น”
อาจเพราะเครื่องมือการพิมพ์ในยุคก่อนไม่มีอะไรมาก สิ่งจัดแสดงสำคัญจึงพุ่งเป้ายังผลผลิตที่เป็นหนังสือพิมพ์มากกว่า ถึงอย่างนั้นก็นับว่าสนุกตาสำหรับผู้สนใจเรื่องออกแบบ ทั้งการพาดหัวยั่วใจ การวางกรอบข้อมูล ภาษาข่าว-ลีลาเขียนที่ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้อ่านทั่วบ้านทั่วเมือง
นิทรรศการให้ความสำคัญ “นักหนังสือพิมพ์” ซึ่งในอดีตไม่เพียงทำหน้าที่ “นักข่าว” ยังเป็น “นักเขียน” บทความอันหลากหลาย เพราะต้องสร้างความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคม ส่งเสริมการเรียนรู้ รวมถึงเป็นเพื่อนคลายเหงาสร้างความบันเทิงผ่านหลากวรรณกรรมด้วย นักหนังสือพิมพ์จึงมักมีบทบาทระหว่างชุมชนและสังคม หลายท่านมีแนวคิดและอุดม-การณ์น่ายกย่อง สร้างผลงานโดดเด่น-เป็นกระบอกเสียงมวลชนจนได้รับการบันทึกเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ อย่างพระราชวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (นามปากกา “น.ม.ส.”), ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช, กุหลาบ สายประดิษฐ์ (นามปากกา “ศรีบูรพา”), มาลัย ชูพินิจ, โชติ แพร่พันธุ์ (นามปากกา “ยาขอบ”) ฯลฯ
แล้วเคยได้ยินเสียงของความเงียบไหม บางฉบับของหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์มีสิ่งนั้น
บ่อยครั้งที่ผู้นำเสนอพยายามบอกผู้อ่านว่าเสียงหนวกหูจากการประท้วงของคนกลุ่มหนึ่งในสังคมจะเพลาลงถ้าคุณรู้ว่าความเดือดร้อนนั้นสำคัญอย่างไร นักหนังสือพิมพ์จึงมักช่วยเป็นกำลังของบ้านเมือง ใช้จิตวิทยาเล่าความจริงอย่างพอดิบพอดี เพื่อให้ผู้อ่านยากจะปฏิเสธความรู้สึกร่วม ซึ่งก็อาจขัดความต้องการของรัฐบาล เราจึงได้เห็นข่าวที่นักหนังสือพิมพ์ประท้วงการถูกปิดปากเองด้วย
บางเรื่องราวถ้าไม่มีหลักฐานก็เหมือนไม่เคยเกิด ดีที่มีหนังสือพิมพ์กระดาษ
ซุกอยู่ตรงไหนของพิพิธภัณฑ์...ต้องมาดูู
พิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทย
๒๙๙ ถนนราชสีมา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
เปิดวันจันทร์-วันศุกร์
(เว้นวันนักขัตฤกษ์) เวลา ๑๐.๐๐-๑๗.๐๐ น. โทร. ๐-๒๖๖๙-๗๑๒๔-๖