ภาพถ่ายปี ๒๕๖๖ หาดทรายภายหลังการรื้อถอนต้นสนทะเลและรอดักทราย (groin) บริเวณพระบรมราชานุสรณ์ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พบการกลับคืนมาของเนินทรายและพรรณไม้ชายหาดดั้งเดิม เช่น ถั่วคล้าทะเล ผักบุ้งทะเล หญ้าลอยลม
ฟื้นคืนสังคม
พืชสันทรายชายฝั่ง
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
Hidden Paradise
ก่อนธรรมชาติจะสูญหาย
เรื่อง : อิทธิกร ศรีกุลวงศ์
ภาพ : จิตรทิวัส พรประเสริฐ
เมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน พื้นที่ริมชายฝั่งทะเลจากบ้านบ่อเคี๊ยะถึงบ้านบางควายในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ได้รับเลือกให้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงสร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเป็นที่ฟื้นฟูสุขภาพและที่ทรงงานราชการไปพร้อมกัน ด้วยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือพื้นที่สันดอนทรายชายฝั่งปกคลุมด้วยพืชพรรณไม้สวยงามร่มรื่น และมีแหล่งน้ำจืดอยู่ใต้ผืนทราย เพียงพอแก่การใช้เป็นน้ำอุปโภคและบริโภคของข้าราชบริพารและข้าราชการจำนวนมากที่มาพำนักอาศัย
หนึ่งร้อยปีผ่านไป โดยเฉพาะหลังปี ๒๕๐๐ มีการก่อสร้างปรับสภาพพื้นที่รอบพระราชนิเวศน์มฤคทายวันหลายครั้ง ทั้งการถมปรับระดับหน้าดินเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทางการทหาร การนำพืชต่างถิ่นโดยเฉพาะ “สนทะเล” (Casuarina equisetifolia) เข้ามาปลูกตามแนวชายหาด การขุดเชื่อมคลองบางกราน้อยและคลองบางกราใหญ่ เพื่อดึงน้ำทะเลมาปรับสภาพพื้นที่สำหรับปลูกต้นโกงกางด้านในสันทราย รวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างแข็งป้องกันการกัดเซาะตลอดแนวชายฝั่งหลังเกิดพายุโซนร้อนลินดาในปี ๒๕๔๐
คนงานกำลังปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น
เพื่อทดลองการสะสมของตะกอนทราย
โกงกางใบใหญ่ยืนต้นตาย เนื่องจากความล้มเหลวของการปลูกไม้ป่าชายเลนในพื้นที่ซึ่งไม่เหมาะสม
คนงานกำลังรื้อถอนต้นโกงกางใบใหญ่ที่ตาย
ออกจากแปลงปลูกป่าชายเลน
การขาดความรู้ความเข้าใจในระบบนิเวศของสันทรายชายฝั่งที่มีวิวัฒนาการมายาวนาน ทำให้หาดทรายหน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ค่อย ๆ หดหาย เนื่องจากแนวกำแพงกันคลื่น แนวเขื่อนคอนกรีตท่าเรือปากคลองบางกราน้อยและคลองบางกราใหญ่ และรอดักทรายหลายตัวได้ปิดกั้นการสะสมทรายหน้าหาดและขวางกระแสน้ำชายฝั่ง (longshore drift) ตามฤดูกาล รวมทั้งส่งผลกระทบให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งต่อเนื่องถึงด้านเหนือจนถึงชายหาดชะอำ
ส่วนดงสนทะเลก็กีดกันการเติบโตของพืชพรรณดั้งเดิมซึ่งมีส่วนสำคัญในการก่อตัวของสันทรายชายหาด รวมทั้งยังดูดน้ำใต้ดินจำนวนมากมาหล่อเลี้ยงลำต้นที่สูงใหญ่ จนระดับน้ำใต้ดินลดลง น้ำเค็มจากทะเลเข้าแทรกซึมไม่นับคลองขุดใหม่ที่นำเกลือทะเลปริมาณมากเข้ามาสะสม ทำให้น้ำจืดใต้ผืนทรายกลายเป็นน้ำกร่อยถึงเค็ม
ต้นเกด (Manilkara hexandra) ไม้ยืนต้นดั้งเดิมบริเวณสันทรายชายหาดของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
ภาพ : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
ดร. ภัคพล ท้าวเวชสุวรรณ อาจารย์สอนพฤกษศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และ Frank Kasenda นักศึกษาพฤกษศาสตร์เก็บตัวอย่างดอกชิงชี่ (Capparis micracantha)
พรรณไม้ดั้งเดิมบริเวณนี้
เพื่อศึกษาการเจริญของดอก
นักวิจัยเก็บตัวอย่างดินเพื่อศึกษาเชื้อราไมคอร์ไรซากับการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยระหว่างรากับพืช
หนึ่งร้อยปีผ่านไป พื้นที่สันทรายชายฝั่งของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันแตกต่างอย่างยิ่งจากเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงเคยประทับ
การฟื้นคืนภูมินิเวศดั้งเดิมจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์เปลี่ยนความคิด ยอมให้ธรรมชาติทำงานตามกลไกอันซับซ้อนของตนเอง ในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา มูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวันจึงเริ่มดำเนินการรื้อถอนสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ตั้งแต่โครงสร้างแข็งของกำแพงกันคลื่น พืชต่างถิ่นอย่างกระถินหางกระรอกหรือหนามปีศาจ (Prosopis juliflora) และสนทะเล ขณะที่ต้นโกงกางซึ่งนำเข้ามาปลูกก็เริ่มล้มตายไปเองจากสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ
ความหลากหลายของสังคมพืชบนสันทรายชายฝั่ง ต้นนี้คือกำแพงเจ็ดชั้น (Salacia chinensis) ไม้พุ่มรอเลื้อย กำลังออกผลสีส้ม
ดอกช้างน้าว (Ochna integerrima) ไม้ยืนต้นที่มีลำต้นคดงอ
ผลมะสัง (Feroniella lucida) มีรสคล้ายมะนาว กิ่งมีหนามแหลมยาว
สังคมพืชสันทรายชายฝั่งพรรณไม้ต่าง ๆ อยู่ร่วมกันเป็นหย่อม เช่น ช้างน้าว กำแพงเจ็ดชั้น ธนนไชย ฯลฯ ไม่มีพืชชนิดใดยึดครองพื้นที่ทั้งหมดไว้เพียงชนิดเดียว
วันนี้ระบบธรรมชาติกำลังทำงานอย่างที่ควรจะเป็น
เมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมที่ซ่อนตัวรอเวลาอยู่ใต้ผืนทรายได้โอกาสลุกขึ้นมาอวดโฉม ทั้งผักบุ้งทะเล ถั่วคล้าทะเล ทำหน้าที่ยึดเม็ดทรายไม่ให้ปลิวไปตามลมทะเล ทรายจึงสะสมตัวขึ้นเป็นแนวสันทรายหน้าหาด คลื่นและกระแสน้ำพัดพาทรายเข้าและออกตามฤดูกาล เปิดหน้าหาดกว้างให้ปู หอย และนกหลายชนิดได้มาหากินอย่างอิสรเสรี
ยอดอ่อนสีแดงอมชมพู ซ้อนชั้นกันดูคล้ายดอก เป็นลักษณะพิเศษของต้นธนนไชย (Buchanania siamensis) พืชหายาก
สังเกตกระจุกใบสีอมแดงเรียงเป็นวงกลม มีขนเล็ก ๆ นั่นคือกับดักจับสัตว์ของจอกบ่วาย (Drosera burmannii) พืชที่แพร่กระจายในบริเวณที่มีธาตุอาหารต่ำอย่างสันทรายชายฝั่ง
บริเวณชื้นแฉะในพื้นที่สันทรายชายฝั่ง พบพืชที่วิวัฒนาการให้อยู่กับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เช่น พืชสกุลกก (Cyperus sp.) พืชสกุล Lindernia sp. มีดอกขนาดเล็กจิ๋ว
ส่วนน้ำใต้ดินในบ่อน้ำของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันก็กลับมามีสภาพน้ำจืดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ปัจจุบันสภาพสันทรายชายฝั่งจะยังไม่คืนกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมแต่เชื่อว่าอีกไม่นาน ธรรมชาติก็จะฟื้นคืนสรวงสวรรค์แห่งพระราชนิเวศน์มฤคทายวันที่ถูกปกปิดไว้มาเกือบศตวรรษ
ขอเพียงมนุษย์ไม่เข้าไปรบกวนใด ๆ อีก
ผักปลาบสกุล Cyanotis sp. และผักปลาบสกุล Murdannia sp. ชอบขึ้นตามที่ชื้นแฉะ
ผักเบี้ยทราย
(Torenia oblonga)
ผักชีโคก
(Scolophyllum spinifidum)
บนผืนทรายเราก็อาจพบชีวิตเล็ก ๆ ที่งดงามอย่างสร้อยทองทราย (Polycarpaea corymbosa)