โกงกางน้ำจืด
ทะเลสาบสงขลา
Hidden Paradise
ก่อนธรรมชาติจะสูญหาย
ข้อมูล : รศ.ดร. กิติเชษฐ์ ศรีดิษฐ
เรียบเรียง : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
ภาพ : จิตรทิวัส พรประเสริฐ
เรือหางยาวค่อย ๆ หันหัวออกจากท่าเทียบเรือซึ่งเป็นสะพานไม้กระดานแคบ ๆ สู่แนวป่าเขียวริมน้ำฝั่งตรงข้าม
ผืนน้ำกว้างแผ่ระลอกคลื่นยามลมพัด รู้สึกเหมือนอยู่กลางแม่น้ำใหญ่ แต่ความจริงบริเวณนี้คือคลองหลวง สายน้ำซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลสาบสงขลาตอนกลางกับทะเลสาบสงขลาตอนล่าง
เมื่อเรือเริ่มเข้าใกล้ริมฝั่งถึงเห็นแนวป่าเขียว ๆ ว่าทั้งหมดคือดงไม้ใหญ่ที่เหมือนแผ่กิ่งก้านโค้งลงน้ำเป็นขาค้ำยันไว้ ประสบการณ์บอกว่าภาพตรงหน้าคือต้นโกงกางแน่ ๆ ทว่าสถานที่ซึ่งเราพบมันตอนนี้กลับชวนให้งุนงงเพราะเคยเห็นแต่ต้นโกงกางอยู่แถวสันดอนชายเลนปากแม่น้ำ หรืออยู่ติด
ชายฝั่งทะเล แต่นี่เราอยู่ในคลองลึกเข้ามาในตอนกลางของทะเลสาบสงขลา ห่างจากน้ำทะเลเค็ม ๆ หลายสิบกิโลเมตร
สภาพน้ำใสและเป็นกรดอ่อน ๆ ไม่มีพืชพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามารบกวน มีเพียงพืชน้ำจืดพื้นเมืองอย่างบัวเผื่อน-บัวผัน (Nymphaea nouchali) และจูดหนู (Eleocharis ochrostachys) ช่วยยืนยันสภาพความจืดของน้ำตามธรรมชาติในบริเวณนี้ได้อย่างดี การมีโกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata) ยืนต้นอยู่ด้วยเป็นเสมือนหลักฐานให้เราลืมภาพจำและความรู้เดิม ๆ ว่าโกงกางต้องขึ้นอยู่ใกล้ทะเล
บริเวณนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นป่าชายเลนน้ำจืด เพราะประกอบด้วยชนิดพันธุ์ป่าชายเลน เช่น โกงกาง ฝาดขาว (Lumnitzera racemosa) ผสมกับพืชน้ำจืด เช่น บัวเผื่อน จูดในทางพฤกษศาสตร์พืชพันธุ์ป่าชายเลนเกือบทั้งหมดเป็นพืชทนเค็มที่เลือกได้ (facultative halophytes) มากกว่าพืชทนเค็มที่บังคับ (obligate halophytes) ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่จำเป็นต้องอยู่ในน้ำเค็ม สังคมพืชชนิดนี้ยังรู้จักกันน้อยมาก
ลึกเข้าไปห่างจากชายฝั่งทะเล ทะเลสาบสงขลามีสภาพคล้ายพรุ ซึ่งมีตะกอนอินทรีย์ทับถมและอยู่ในสภาพน้ำจืดมายาวนาน ระดับน้ำขึ้นอยู่กับระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นน้ำจืดเกือบทั้งหมด
ระบบนิเวศแบบโกงกางน้ำจืดแห่งทะเลสาบสงขลาอาจดำรงอยู่อีกไม่นาน ด้วยผลกระทบจากกฎหมายภาษีที่ดินทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ธรรมชาติรอบทะเลสาบสงขลา เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ปาล์มน้ำมัน รวมถึงโครงการของรัฐในการก่อสร้างประตูน้ำและคลองระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมคาบสมุทรสทิงพระ อาจส่งผลต่อระดับน้ำในทะเลสาบและค่าความเค็มของน้ำที่สูงขึ้นหลายเท่า วิวัฒนาการที่ดำเนินมายาวนานหลายล้านปีกำลังถูกมนุษย์ทำลายล้างในชั่วพริบตา