Image

อวสานป่าอั้น
พื้นที่ชุ่มน้ำเวียงหนองหล่ม

Hidden Paradise
ก่อนธรรมชาติจะสูญหาย

เรื่อง : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
ภาพ : จิตรทิวัส พรประเสริฐ

เมษายน ๒๕๖๘ ขบวนรถบรรทุกยักษ์ขนกองดินพูนกระบะหลัง แล่นมาคันแล้วคันเล่า

เสียงเครื่องยนต์และล้อบดผิวทางอัดดินดังกระหึ่ม เมื่อถึงตำแหน่งเป้าหมายรถก็จอด กระบะหลังถูกยกเอียงขึ้น กองดินไหลเทลงเบื้องล่างพร้อมเสียงดังก้อง...กองแล้วกองเล่า

มองไปทางไหนมีแต่กองดินหยาบกร้าน สูงชัน แผ่กว้าง เหนืออาณาบริเวณที่ไร้สิ่งก่อสร้างใด ๆ

หากนี่คือไซต์งานกลางเมืองใหญ่ก็คงไม่แปลก แต่ความจริงอันน่าสลด ที่นี่คืออาณาจักรในตำนานเมืองโยนกนาคพันธุ์ที่ล่มสลายในคืนหนึ่งหลังเกิดเสียงดังสนั่นราวแผ่นดินไหว ก่อนทั้งเมืองจะจมอยู่ใต้น้ำ และกลายมาเป็น “เวียงหนองหล่ม” พื้นที่ชุ่มน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลราว ๑.๕ หมื่นไร่ในตำบลจันจว้า ตำบลท่าข้าวเปลือก และตำบลจอมสวรรค์ อำเภอแม่จัน และตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

Image

ต้นอั้นกระจายพันธุ์ตามพื้นที่โล่งแจ้งในหนองน้ำซึ่งมีน้ำท่วมขังเกือบตลอดทั้งปี โดยวิวัฒนาการให้โคนต้นแยกเป็นกิ่งก้านคล้ายขาค้ำยันไว้

Image

การขุดลอกและปรับสภาพพื้นที่ถมดินเป็นป้อมปราการสูง ทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำจากน้ำใต้ดินตามธรรมชาติ และแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตมากมาย

เวียงหนองหล่มแห้งผากรอวันตาย เหลือเพียงธารน้ำร้อน

กลางเวียงหนองหล่มยังปรากฏร่องรอยสอดคล้องกับตำนานเก่าแก่กว่าพันปี คือธารน้ำร้อนอบอวลด้วยกลิ่นกำมะถัน บ่งบอกความสัมพันธ์กับรอยเลื่อนแม่จันใต้ผืนธรณีที่สำแดงอำนาจมาหลายครั้งแล้วจากอดีตถึงปัจจุบัน ไม่นับโบราณวัตถุอย่างกลองมโหระทึกและเศษชามไหของชุมชนโบราณ

ตลอดปีเวียงหนองหล่มเจิ่งนองด้วยน้ำ แตกต่างก็เพียงน้ำแฉะ น้ำตื้น หรือน้ำลึกตามฤดูกาล ด้วยเป็นที่ลุ่มต่ำซึ่งรองรับน้ำจากชั้นน้ำใต้ดินและน้ำฝน  บางแห่งมีพืชขึ้นและทับถมกันหนาจนเป็นพรุหรือแพหญ้าลอยน้ำที่ปกคลุมด้วยไม้พุ่มและไม้ใหญ่ โดยเฉพาะต้นอั้น (Cephalanthus tetrandrus) จำนวนมากที่อยู่รวมกันจนเป็นป่าอั้น เนื่องจากโคนต้นปรับตัวตามวิวัฒนาการให้เป็นกิ่งก้านหลายขา ช่วยค้ำยันการยืนต้นในหนองน้ำและแพหญ้าลอยน้ำได้อย่างวิเศษ คล้ายกับโกงกางของป่าชายเลน

Image

Image

ซากกอต้นอั้นที่หลงเหลือบนพรุ หลังจากพื้นที่ชุ่มน้ำถูกระบายน้ำออกจนแห้ง

พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ทำมาหากินของชุมชนซึ่งอาศัยอยู่กันมาหลายชั่วคน ทั้งทำนา จับปูจับปลา และเลี้ยงควายหลายพันตัว จนเป็นแหล่งเลี้ยงควายจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ผืนป่ากลางหนองยังเป็นแหล่งอาศัยของนกหายากและใกล้สูญพันธุ์อย่างนกแสกทุ่งหญ้า (Eastern Grass Owl) ซึ่งชอบทำรังวางไข่ตามกอพืชน้ำ และมีนกอพยพจำนวนนับร้อยตัวบินมาแวะพักนอนในดงหญ้าช่วงฤดูหนาว เช่น เหยี่ยวทุ่งพันธุ์เอเชียตะวันออก (Eastern Marsh Harrier) คอยให้บริการกำจัดศัตรูพืชในท้องนาอย่างหนูและแมลงโดยชุมชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ปี ๒๕๖๓ อวสานป่าอั้นและเวียงหนองหล่มเริ่มนับถอยหลังเมื่อโครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองหล่มเริ่มเดินหน้า ด้วย
งบประมาณกว่า ๓,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้หนองน้ำธรรมชาติถูกขุดลอกพังทลายสิ้น  บริเวณที่ต้องการเป็นแอ่งเก็บน้ำก็จะถูกขุดดินจนลึกและนำดินไปถมอีกบริเวณหนึ่งจนสูงชัน แปลงสภาพแทบทุกตารางเมตรให้เป็นไปตามแบบแปลนก่อสร้างแก้มลิงที่หน่วยงานราชการกำหนด โดยไม่คำนึงถึงระบบนิเวศและวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิมแม้แต่น้อย

Image

ซากภาชนะโบราณยังพบได้ทั่วไปในเวียงหนองหล่ม

Image

ดอกอั้นเป็นช่อกระจุกทรงกลม สีขาว มีกลิ่นหอม 

มีนาคม ๒๕๖๘ ป่าอั้นผืนสุดท้ายพากันออกดอกมากกว่าทุกปี ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดึงดูดหมู่แมลงภู่ให้มาดอมดมดังเช่นเคย พวกมันไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าเผ่าพันธุ์ของตนที่สืบต่อมาหลายพันปีจะจบสิ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ทุกวันเสียงรถบรรทุกยังคงดังสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วอาณาบริเวณที่เคยเป็นเวียงหนองหล่ม

ลึกลงไปใต้กองดินมหาศาล คือสรรพชีวิตน้อยใหญ่ที่ถูกฝังกลบไว้ทั้งเป็น  

เวียงหนองหล่มได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติหรือแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Sites) ในปี ๒๕๔๓ แต่ไม่มีผลใด ๆ ต่อการยับยั้งโครงการทำลายพื้นที่ธรรมชาติของรัฐ เพื่อทำเป็นอ่างเก็บน้ำโครงสร้างแข็งที่ไร้เงาของสรรพชีวิต ทั้งที่น้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำมาจากน้ำใต้ดินที่ชั้นดินปลดปล่อยออกมาเองตามธรรมชาติ เมื่อขุดอ่างเก็บน้ำ ระดับน้ำใต้ดินก็จะลดลง  ยิ่งขุดอ่างลึก ระดับน้ำก็ยิ่งลดลง รวมทั้งการเปิดแหล่งน้ำโล่งกว้าง ไม่มีพืชปกคลุม ยังทำให้น้ำระเหยออกไปมากขึ้น ในที่สุดเมื่อถึงฤดูแล้ง ความแห้งแล้งจะยิ่งรุนแรงกว่าเดิม พร้อมกับการแก้ปัญหาด้วยการขุดอ่างเก็บน้ำเพิ่มอีก ทว่ายิ่งขุดก็ยิ่งแล้ง เป็นวัฏจักรการทำลายล้างธรรมชาติไม่รู้จบสิ้น

Image

พื้นที่ชุ่มน้ำผืนเล็ก ๆ ในชุมชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากเวียงหนองหล่ม กอต้นอั้นออกดอกสีขาวอยู่อย่างโดดเดี่ยว นี่อาจเป็นความหวังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์