Image

แก่งหินเพิงในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นแก่งหินกลางลำน้ำใสใหญ่ มีน้ำไหลเชี่ยวในฤดูฝน ถึงช่วงแล้งระดับน้ำลดลง โขดหินมากมายจะโผล่พ้นน้ำ

ป่าชายน้ำ
Riverine Forest

Hidden Paradise
ก่อนธรรมชาติจะสูญหาย

เรียบเรียง : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล
ภาพ : จิตรทิวัส พรประเสริฐ

สายน้ำไหลผ่านแก่งหิน กระเซ็นเป็นพรายฟองสีขาว

ก้อนหินใหญ่กระจายทั่วลำน้ำ งดงามราวกับประติมากรรมธรรมชาติ เปรียบเสมือนจิตวิญญาณของ “แก่งหินเพิง” แก่งกลางผืนป่าเขียวชอุ่มทางตะวันออกของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

หินสวย น้ำใส ไหลรินผ่านหุบเขา บางช่วงเชี่ยวกรากกัดเซาะเกาะแก่งขวางทาง บางช่วงเป็นวังน้ำลึก แสดงทั้งพลังและความสงบนิ่งของสายน้ำในคราวเดียวกัน

Image

พืชพรรณเติบโตตามซอกหิน ปรับตัวตามสภาพความเปลี่ยนแปลงของแต่ละฤดูกาล ต้นไม้ใหญ่ในภาพน่าจะเป็นไคร้ย้อย (Elaeocarpus grandiflorus) หรือไคร้น้ำ (Homonoia riparia) ส่วนพืชน้ำขนาดเล็กออกดอกเป็นกระจุกกลมคือหญ้ากระดุมเงินหรือหญ้าหัวหงอก (Eriocaulon sp.)

ริมตลิ่งแควหนุมานเต็มไปด้วยพรรณไม้น้ำ ช่วยป้องกันการกัดเซาะและพังทลายของหน้าดิน กรองมลพิษ รวมทั้งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และอนุบาลสัตว์น้ำ ที่เห็นชูช่อเหลืองคือเอื้องน้ำหอม (Utricularia odorata) หรือหญ้าน้ำดีหอม พืชน้ำกินแมลงที่มีกลิ่นหอมตามชื่อ 

ช่องว่างระหว่างก้อนหินคือที่พักของอินทรีย์สารที่สายน้ำพัดพามาทับถมและย่อยสลาย ก่อกำเนิดพืชพรรณที่เหมือนลอยอยู่บนผิวน้ำ ลึกลงไปมีพรรณไม้น้ำที่ปรับตัวตามสภาพน้ำหลาก ราก ลำต้น และใบบางส่วนเร้นกายจมอยู่ใต้สายน้ำเชี่ยวกราก โผล่พ้นผิวน้ำเพียงส่วนน้อย

สองฟากฝั่งร่มครึ้มด้วยแมกไม้ใหญ่  บางซอกหินสะสมอินทรีย์สารเพียงพอให้ต้นไม้ใหญ่เจริญเติบโต

Image

ปลาจาด (Poropuntius normani) ลำตัวแบนข้าง ชอบน้ำใส ออกซิเจนสูง พื้นท้องน้ำเป็นกรวด ก้อนหิน ทรายหยาบ มักพบรวมกับปลาวงศ์ตะเพียนอื่น ๆ ในลำธารน้ำไหล เช่น ปลาสร้อยลูกบัว ปลาซิวแก้มช้ำ 

ปลาสร้อยลูกบัว (Lobocheilos rhabdoura) ลำตัวเรียวยาว ชอบอยู่ในแม่น้ำหรือลำธารน้ำใสไหลแรง พื้นน้ำเป็นก้อนกรวดก้อนหิน มีปากหนาแข็งแรงช่วยขูดหรือตะกุยหิน กินตะไคร่น้ำและเศษอินทรีย์วัตถุตามหินเป็นอาหาร 

Image

พืชวงศ์บอน (Araceae) ก้านใบยาว ใบเดี่ยวใหญ่ ชอบขึ้นตามที่ชื้นแฉะหรือพื้นที่น้ำท่วมเป็นครั้งคราว บางชนิดปรับตัวจมอยู่ในสภาพน้ำลึกได้นาน 

ฤดูฝนน้ำไหลแรง มวลน้ำมาก ฤดูแล้งน้ำตื้นเขินและไหลเอื่อย นี่คือพลวัตของสายน้ำตามธรรมชาติ

แควหนุมานไหลต่อเนื่องจากแก่งหินเพิงยังคงมีป่าริมน้ำสมบูรณ์ให้เห็น  ตะเคียน พะยอม ยางนา สูงสง่า เหยียดกิ่งก้านมหึมาสู่ท้องฟ้า 

ไม่ไกลจากนั้น ในป่าชายน้ำจังหวัดปราจีนบุรี ดอกสีม่วงอ่อนของตะแบกนาชูช่อบานสะพรั่งกลางพื้นที่น้ำท่วมขังผืนใหญ่ ก่อนลำน้ำจะไหลรวมกับแม่น้ำปราจีนบุรีและเปลี่ยนชื่อเป็นบางปะกงเมื่อเข้าสู่เขตจังหวัดฉะเชิงเทรา แม้ป่าดั้งเดิมถูกกระทบ แต่ป่ารุ่น ๒ (secondary forest) ที่ฟื้นฟูกว่า ๓๐ ปียังยืนยันความงาม

สิ่งมีชีวิตหลายชนิดดำรงอยู่ในระบบนิเวศน้ำไหลโลกใต้บาดาลเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย เรียบง่าย และสมดุล เป็นความมหัศจรรย์ที่มนุษย์มักไม่ค่อยได้เห็น

Image

ศิลาวารียึดเกาะก้อนหินใต้น้ำที่แสงแดดส่องถึง พืชน้ำหายากวงศ์ตีนตะขาบน้ำ (Podostemaceae) นี้ ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม จะอยู่รอดในแหล่งน้ำสะอาดและสมบูรณ์เท่านั้น

Image

ดอกตูมเล็ก ๆ ขนาด ๐.๕-๑ เซนติเมตร สีสันสวยงามของศิลาวารีบนก้อนหินใต้น้ำ

Image

ป่าน้ำท่วม (f loodplain forest) ของแม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีพรรณไม้หลายชนิด เช่น กระทุ่มน้ำ ตะแบกนา ยางเหียง ฯลฯ  มองจากภายนอก
ดูเหมือนทุ่งข้างทางที่ไม่มีอะไร แต่ความจริงรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพไว้มากมาย

ป่าชายน้ำ (riverine forest) และป่าที่ราบน้ำท่วมถึง (riparian-floodplain forest) เป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางชีวภาพของแนวลำน้ำ มีความสำคัญทั้งในฐานะพื้นที่ชุ่มน้ำตามฤดูกาล ชะลอพลังรุนแรงของน้ำหลาก และทำหน้าที่นิเวศบริการด้วยการเป็นแหล่งหลบภัย วางไข่ และผสมพันธุ์ของสัตว์น้ำหลากชนิด 

สังคมพืชชายน้ำช่วยรักษาระดับน้ำในลำน้ำและน้ำใต้ดิน เป็นแนวกันชน (buffer zone) ระหว่างดินกับลำน้ำโดยเฉพาะฤดูฝนที่รับน้ำเพิ่มและค่อยปล่อยออกในหน้าแล้ง เก็บกักความชื้นให้ลำน้ำไม่แห้งแม้ยามไร้ฝน

Image

ป่าบุญเรืองตั้งอยู่ติดแม่น้ำอิง จังหวัดเชียงราย เป็นป่าชุ่มน้ำ (seasonal wetland) ที่สำคัญของภาคเหนือ ในช่วงน้ำหลาก น้ำจะไหลเข้ามาท่วมผืนป่านาน ๓ เดือน ในภาพต้นที่มีโพรงด้านหน้า คือต้นข่อย (Streblus asper) อยู่รวมกับต้นแสงหรือชุมแสง (Xanthophyllum lanceatum)

Image

 คัดเค้าเครือ (Oxyceros horridus) ลำต้นคดและยาว สูงประมาณ ๓-๖ เมตร มักพาดพันเลื้อยตามต้นไม้และกิ่งไม้ 

ดอกข่อย สีเหลืองอมขาว ใบมีสรรพคุณแก้กระหายน้ำและเป็นยาระบายอ่อน ๆ

แต่คุณค่าและความงดงามของป่าชายน้ำกำลังเผชิญภัยคุกคาม

คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักสังคมพืชชนิดนี้ ทั้งที่อารยธรรมไทยหลายแห่งก่อกำเนิดท่ามกลางป่าชายน้ำ

ทุกปีมันกลับถูกคุกคามจากโครงการพัฒนาหลากรูปแบบ ทั้งการขุดลอกแม่น้ำ การโบกปูนทับตลิ่ง รวมทั้งกฎหมายภาษีที่ดินที่เร่งการเปลี่ยนแปลงริมฝั่ง ส่งผลกระทบทั้งด้านกายภาพและชีวภาพ

Image

ไม้พุ่มรอเลื้อยสกุล Capparis sp. วงศ์ Capparaceae 

การศึกษา ป่าชายน้ำ (riverine forest) ป่าที่ราบน้ำท่วมถึง (riparian-floodplain forest) และธรรมชาติวิทยา ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศที่มีคุณค่าเหล่านี้ ก่อนที่มันจะหายไป

แม่น้ำอิงก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง ช่วงฤดูแล้งระดับน้ำลดลง แสดงตะกอนหาดทรายธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำที่มีพืชพรรณปกคลุม และร่องรอยความกว้างของแม่น้ำในช่วงน้ำหลาก ร่องน้ำลึกถึงระดับน้ำใต้ดิน (ground water table) ที่แพร่เข้ามาหล่อเลี้ยง สังเกตต้นไม้ชายน้ำที่ยังไม่เหี่ยวแห้ง

Image

กุหลาบแม่น้ำอิงหรือหนามไก่ไห้ (Rosa clinophylla) เป็นไม้พุ่ม ดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม ๒-๓ ดอก กลีบดอกขาว เป็นกุหลาบที่พบเฉพาะถิ่นในแถบอินโดจีนและเนปาล มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ

ระบบนิเวศที่เปราะบางและสำคัญยิ่งกำลังเลือนหายจากผืนแผ่นดินไทย

ความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์กำลังทำลายป่าชายน้ำอย่างช้า ๆ  

 ไคร้หางนาค (Rotula aquatica) เป็นไม้พุ่มริมน้ำ พบตามโขดหินในป่าดิบแล้งและป่าดิบชื้น อาจมีความสูงได้ถึง ๒ เมตร

Image

โครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำอิง เปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชุ่มน้ำ ทำลายสังคมพืชริมน้ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระดับน้ำใต้ดิน และการกักเก็บน้ำตามวิถีธรรมชาติ  ในบางพื้นที่ขุดลอกทุกปี จนพันธุ์พืชท้องถิ่น (native species) สูญหายไป 

พื้นที่ชุ่มน้ำตามฤดูกาล (seasonal wetlands) เป็นระบบนิเวศที่ช่วยลดความรุนแรงของกระแสน้ำยามน้ำหลาก และมีหน้าที่ทางนิเวศบริการคือเป็นแหล่งผสมพันธุ์และวางไข่ของสัตว์น้ำนานาชนิด

ปากน้ำอิงจุดที่แม่น้ำอิงไหลลงแม่น้ำโขง มองเห็นหมู่ตึกคิงส์โรมันส์ (Kings Romans) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำใน สปป. ลาว ริมตลิ่งหลังการขุดลอกแม่น้ำ พืชท้องถิ่นถูกแทนที่ด้วยพืชต่างถิ่น เช่น ละหุ่ง