เรื่อง : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
ภาพ : จิตรทิวัส พรประเสริฐ
คำว่า “hidden paradise” ผุดขึ้นมาในวงสนทนาระหว่างที่ทีมงานนิตยสาร สารคดี เดินทางออกจากพื้นที่โกงกางน้ำจืด ตอนกลางของทะเลสาบสงขลา เมื่อราวต้นปี ๒๕๖๗
พวกเราเริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพื้นที่ธรรมชาติที่ซ่อนเร้นจากการรับรู้หรือตกสำรวจ พื้นที่รอยต่อซึ่งไม่มีนิยามชัดเจนในตำราป่าไม้ โดยเฉพาะ “พื้นที่รกร้าง” ซึ่งพร้อมจะถูกโค่นถางให้โล่งเตียนได้ทุกเมื่อ
การเดินทางไปสำรวจพื้นที่อีกหลายแห่งในหลายภูมิภาค ทำให้พบแหล่งธรรมชาติอีกจำนวนไม่น้อยตามนิยาม hidden paradise ของเรา ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำ ทุ่งนา สระหนอง ตลิ่งริมแม่น้ำ รวมถึงพื้นที่สันทรายชายฝั่ง
ธรรมชาติเหล่านี้อยู่นอกเขตอนุรักษ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้คุ้มครอง คือ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และกำลังถูกทำลายให้หมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว
สาเหตุหลัก ๆ มักมาจากกฎหมายภาษีที่ดินและโครงการก่อสร้างของรัฐ
กฎหมายภาษีที่ดิน - บีบให้เจ้าของพื้นที่โค่นถางพันธุ์ไม้ท้องถิ่นซึ่งดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมดั้งเดิมมาเนิ่นนาน เพื่อปลูกพืชเกษตร กฎหมายนี้ลืมว่าพื้นที่ธรรมชาติกำลังให้บริการทางนิเวศ เช่น บางแห่งเป็นถิ่นอาศัยของค้างคาวที่ช่วยผสมเกสรให้พืชผลการเกษตร บางแห่งเป็นป่าชายเลนซึ่งช่วยอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน
โครงการก่อสร้างของรัฐ - งบประมาณมหาศาลใช้ไปกับการสร้างกำแพงกันคลื่นตามแนวชายฝั่ง กำแพงป้องกันตลิ่งตามลำคลองและแม่น้ำ การขุดคลองระบายน้ำและสร้างอ่างเก็บน้ำคอนกรีตในพื้นที่ชุ่มน้ำ การปลูกต้นไม้ในนามของการ “ปลูกป่า” ฯลฯ ล้วนทำลายสภาพดั้งเดิม ทำลายระบบน้ำใต้ดินที่ยิ่งทำให้เกิดภัยแล้งในฤดูแล้ง ทำลายระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งทำหน้าที่อันสลับซับซ้อนในการรักษาสมดุลธรรมชาติที่ดำรงอยู่มายาวนาน
ระหว่างตระเวนถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของ hidden paradise เราพบการคุกคามต่อพื้นที่หลายแห่งตรงหน้าบางแห่งสั่นสะเทือนถึงจิตใจ เพราะกลายเป็นภาพบันทึกสุดท้าย ด้วยเพียงไม่กี่เดือนต่อมาพื้นที่นั้นก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
ขณะที่นานาประเทศกำลังเฝ้าระวังวิกฤตร้ายแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโลกร้อนโลกรวน นั่นคือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity loss) ซึ่งจะทำให้เกิดการพังทลายของระบบนิเวศที่มนุษย์พึ่งพาอยู่อย่างขาดไม่ได้ แต่เราขาดความตระหนักและรับรู้
ตรงกันข้ามกลับวางตนเองเป็นผู้รู้และศูนย์กลางของทุกอย่าง
ในรายงานของโครงการริเริ่มทางการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ (BIOFIN) พบว่า ระหว่างปี ๒๕๖๔-๒๕๖๖ เพียงแค่ ๓ ปี รัฐไทยใช้งบประมาณจัดทำโครงการต่าง ๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นเงินถึงราว ๒.๒ แสนล้านบาท
และเรายังไม่รู้เลยว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๖๗ ถึงขณะนี้ มีโครงการและงบประมาณจากภาษีประชาชนอีกจำนวนเท่าไรถูกใช้ไปกับการทำลายพื้นที่ธรรมชาติ
ธรรมชาติวิวัฒนาการมานานหลายร้อยหลายสิบล้านปี จนมีความหลากหลาย ทั้งในระบบนิเวศของพื้นที่เผ่าพันธุ์ สกุล ชนิด ลงลึกเข้าไปถึงระดับพันธุกรรมที่ฝังอยู่ในเซลล์ของทุกชีวิต
ไม่ว่าจะหลากหลายมากหรือน้อย ธรรมชาติทุกแห่งล้วนสำคัญ เพราะผ่านการคัดสรรให้ดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นจนมาถึง ณ กาลเวลาปัจจุบัน ไม่ขึ้นกับการตัดสินของมนุษย์ว่า นี่แห้งแล้งกันดาร เสื่อมโทรม รกร้าง หรือไร้มูลค่าทางเศรษฐกิจ
ไม่ว่าจะหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ตารางเมตรหรือตารางกิโลเมตร ทุกแห่งล้วนมีสิทธิ์เป็น hidden paradise
เราอาจทำได้เพียงเก็บภาพบันทึกไว้ ก่อนความบริสุทธิ์งดงามอันน่ามหัศจรรย์เหล่านี้จะสูญหาย
ทว่าเราอาจยังมีความหวัง...หากให้ธรรมชาติได้ดำเนินตามวิถีธรรมชาติอย่างที่มันเป็น