พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
หรือพระวชิรญาณเถระ ซึ่งเมื่อครั้งทรงพระผนวชพระอุปัชฌาย์ถวายนามฉายาว่า “วชิรญาโณ” เป็นผู้ตั้งคณะธรรมยุต ซึ่งเดิมเรียกธรรมยุติกนิกายิกสังฆมัธยมบวรนิเวศาทิคณะ
๑
สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทฺธสิริ)
เป็น ๑ ในพระมหาเถระ ๑๐ รูปแรกที่ร่วมตั้งธรรมยุติกนิกายกับพระวชิรญาณเถระที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาสวิหาร) เป็นพระกัมมัฏฐาน เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดโสมนัสราชวรวิหาร มีชีวิตอยู่ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นชีวิตแห่งการประพฤติพรหมจรรย์
๒
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ า
กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตพระองค์แรก ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์เมื่อรัชกาลที่ ๕ ทรงพระผนวชในคณะธรรมยุต และเป็นผู้บันทึกจำนวนวันที่ฝนตกเป็นรายวันติดต่อกันถึง ๔๕ ปี ตั้งแต่ปี ๒๓๘๙ เรียกว่า “จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน” ซึ่งได้บันทึกเหตุการณ์บ้านเมืองที่สำคัญไว้ด้วย
๓
ท่านพน ฺธุโล (ดี)
ภิกษุจากอุบลราชธานีที่ได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ และเป็นผู้นำ พระเณรรุ่นหลังมาถวายตัวเป็นศิษย์หลวง เป็นปุราณสหธรรมิกแห่งวชิรญาณเถระ ต่อมาเป็นผู้นำคณะธรรมยุตสู่อีสาน ซึ่งในยุคแรกดำเนินไปตามแบบอย่างที่พระวชิรญาณเถระทรงริเริ่มฟื้นฟูไว้ เน้นการศึกษาเล่าเรียนพระคัมภีร์และศึกษาอบรมสมถะและวิปัสสนา ท่านไม่ได้ออกธุดงค์อยู่ป่า แต่รักษาธุดงควัตรไว้ตามสมควรแก่สถานที่ คือวัดสุปัฏนาราม วัดธรรมยุตแห่งแรกในอีสาน ที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่สร้างเสร็จ กระทั่งพรรษาสุดท้ายท่านอธิษฐานสมาทานเนสัชชิกังคธุดงค์ ไม่นอนเป็นวัตรตลอด ๓ เดือน ครั้นพ้นพรรษากาลไม่นานท่านก็มรณภาพที่วัดสระแก้ว เมืองพิบูลมังสาหาร ทางอุบลฯ จะเชิญศพมาฌาปนกิจในเมือง เห็นว่าพิบูลฯ เป็นเมืองน้อย ก็เป็นโกลาหลกัน ทางพิบูลฯ ไม่ยอม อ้างว่ากุสินาราก็เป็นนครน้อย ยังถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระได้ เจ้าเมืองจำต้องยอมอนุมัติตามนั้น
๓.๑
ท่านเทวธมฺมี (ม้ าว)
สัทธิวิหาริกของพระวชิญาณเถระ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดศรีทอง สำนักที่สำคัญแห่งหนึ่งของธรรมยุตในภาคอีสาน วัตรปฏิบัติเคร่งครัดในกัมมัฏฐาน เป็นพระอุปัชฌาย์ของพระมหาเถระธรรมยุตอีสานยุคแรกหลายรูป เป็นบูรพาจารย์ที่ทำให้พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ขอญัตติเป็นธรรมยุต เป็นผู้มักน้อย ได้บริขารอันใดมาแจกจ่ายพระในวัดและวัดอื่น ไม่เลือกว่าเป็นธรรมยุตหรือมหานิกาย ตอนท่านดับขันธ์เหลือผ้าอยู่หนึ่งไตรกับกระดาษเครื่องเขียนหนึ่งหีบ
๓.๑.๑
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติส ฺ โส)
สัทธิวิหาริกของท่านเทวธมฺมี (ม้าว) ที่อุบลราชธานี ต่อมาติดตามพระอุบาลีคุณูปมาจารย์มาเรียนที่กรุงเทพฯ สอบพระปริยัติได้เปรียญโทแล้วกลับอุบลฯ เป็นเจ้าคณะมณฑลอีสานและเป็นเจ้าคณะธรรมยุตภาคอีสาน ผู้ส่งเสริมให้พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ออกเผยแผ่คณะธรรมยุตในอีสาน
๓.๑.๒
พระอริยกวี (อ่อน ธมฺ มรกฺ ขิโต)
แรกอุปสมบทด้วยท่านเทวธมฺมี (ม้าว) ที่วัดศรีทอง กระทั่งเมื่ออายุ ๒๔ ปีได้เข้าไปเล่าเรียนที่กรุงเทพฯ ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าคณะใหญ่เมืองอุบลราชธานีคนแรก สมัยกรมหลวงพิชิตปรีชากรเป็นข้าหลวงต่างพระองค์มณฑลอีสาน เป็นผู้จัดวางระเบียบการปกครองสงฆ์ให้เป็นหมวดหมู่และทำบัญชีส่งกระทรวง และห้ามลัทธิธรรมเนียมประเพณีที่ขัดต่อพระธรรมวินัย ห้ามพระเกี่ยวข้องในกิจกรรมทางโลกของชาวบ้านอย่างการทำบั้งไฟเส็งกลอง แข่งเรือ เลี้ยงม้า
๓.๑.๓
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
สัทธิวิหาริกของท่านเทวธมฺมี (ม้าว) ผู้อำนวยการศึกษาและเจ้าคณะมณฑลอีสาน ผู้วางแผนทางการปกครองและการศึกษา เผยแพร่การศึกษาสงฆ์ในอีสานออกไปกว้างขวาง รวมทั้งชักนำให้ภิกษุสามเณรใส่ใจการปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำให้การศึกษาปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นที่นิยมแพร่หลาย
๓.๑.๔
พระครูทา โชติปาลเถระ
เจ้าอาวาสวัดศรีทององค์ที่ ๒ ต่อจากท่านเทวธมฺมี (ม้าว) เป็นพระอุปัชฌาย์ของพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล อุปนิสัยน้อมไปทางวิปัสสนาธุระ ธุดงค์รุกขมูลครั้งสำคัญไปนมัสการพระธาตุพนมพร้อมสองศิษย์ พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล
พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต แล้วได้สนับสนุนให้มีการบูรณะ
พระธาตุพนมในปี ๒๔๔๔
๓.๒
พระครูวิเวกพุทธกิจ
(เสาร์ กนฺตสีโล)
ท่านพระอาจารย์ใหญ่รูปแรกที่นำศิษย์ออกธุดงค์เริ่มต้นสายพระป่า อุปสมบทในคณะมหานิกายอยู่ ๑๐ พรรษา หลังศึกษาธรรมกับท่านเทวธมฺมี (ม้าว) ที่วัดศรีทอง ได้ขอญัตติใหม่ในคณะธรรมยุต จาริกธุดงค์ไปตามป่าเขาสองฝั่งโขง และเป็นผู้นำกำลังหลักในการสร้างวัดหลายแห่ง เช่น วัดเลียบ ในตัวเมืองอุบลฯ, วัดป่าหนองอ้อ ที่หมู่บ้านข่าโคม บ้านเกิดของท่าน, วัดดอนธาตุ บนเกาะกลางแม่น้ำมูล การจาริกธรรมครั้งสุดท้ายท่านไปทำบุญอุทิศกุศลให้พระอุปัชฌาย์ที่นครจำปาศักดิ์ แล้วอาพาธและมรณภาพในท่ากราบพระประธานในโบสถ์วัดอมาตยาราม
๓.๓
พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
บูรพาจารย์ของพระสายวัดป่า เป็นที่มาของชื่อกัมมัฏฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ศึกษาวิปัสสนาธุระและออกธุดงค์กัมมัฏฐานกับพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ซึ่งนับกันว่าเป็นศิษย์เอกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เรียนปริยัติธรรมจากพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เริ่มให้การศึกษาแก่พระเณรที่มารับการอบรมสั่งสอนธรรมขณะจำพรรษาที่วัดบูรพา จาริกไปวางรากฐานคณะธรรมยุตที่เชียงใหม่นับสิบปี ก่อนกลับสู่อีสานอีกครั้ง ตลอดเวลาที่จาริกไปบำเพ็ญสมณธรรมมีภิกษุสามเณรถวายตัวเป็นศิษย์จำนวนมาก ทำให้เกิดพระกัมมัฏฐานขึ้นในอีสานอย่างรวดเร็ว เป็นกำลังของ “กองทัพธรรม” ในการเผยแผ่ไตรสรณคมน์ตามแนวทางธรรมยุตฝ่ายวิปัสสนา
๓.๓.๑
พระธรรมเจดีย์ (จูม พน ฺธุโล)
เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี รับการศึกษาข้อวัตรและธรรมปฏิบัติจากพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล พระอาจารย์มั่น
ภูริทตฺโต ๓ ปี มีอุปนิสัยน้อมไปทางวิปัสสนา เป็นผู้นำธรรมยุตจากอุบลราชธานีมาอุดรธานี พระเถราจารย์ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่มีชื่อเสียงในอีสานเป็นสัทธิวิหาริกของท่านแทบทั้งสิ้น นับแต่พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก, พระอาจารย์สีลา อิสฺสโร, พระอาจารย์ขาว อนาลโย, พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร, พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ, พระอาจารย์อุ่น ธมฺมธโร, พระอาจารย์กว่า สุมโน รวมทั้งพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน เป็นต้น เป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งได้รับยกย่องว่ามีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความเจริญแพร่หลายให้แก่คณะธรรมยุตในอีสาน
๓.๓.๒
พระอาจารย์สิงห์ ขน ฺตยาคโม
ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต รุ่นแรก ที่วัดบูรพา เมืองอุบลฯ เมื่อปี ๒๔๕๘ ได้เรียนข้อวัตรปฏิบัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์ และได้นำแนวทางปฏิบัติกัมมัฏฐานออกเผยแผ่อย่างกว้างขวางทั่วอีสาน โดยเริ่มที่ขอนแก่น เมื่อปี ๒๔๗๒ และอีกนับ ๓๐ ปีต่อมา ซึ่งกล่าวกันว่าคือขุนพลเอกของกองทัพธรรมสายพระกัมมัฏฐาน และท่านยังเป็นผู้บันทึกรายนาม พระกัมมัฏฐานที่ทำงานเผยแผ่ธรรมอยู่ตามภาคไว้เป็น “กองทัพธรรม” และเขียน “ข้อกติกาสงฆ์สัมมาปฏิบัติ ว่าด้วยข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของสำนักพระคณะกัมมัฏฐาน” ให้เป็นแนวปฏิบัติร่วมกันของพระป่า
๓.๓.๓
พระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล)
พระอาจารย์รูปสำคัญของการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรีรุ่นแรกของอุบลราชธานี รู้บาลีไวยากรณ์แปลพระธรรมบทได้ รับการอบรมธรรมปฏิบัติกับพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบูรพา ในช่วงเวลาเดียวกับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ฝึกเจริญสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานและออกธุดงค์ติดตามไปกับพระอาจารย์มั่น ซึ่งต่อมาท่านก็ได้นำแนวทางปฏิปทาของท่าน
พระอาจารย์ใหญ่ออกเผยแผ่สู่ประชาชน และเมื่อปี ๒๔๗๖ ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ที่มีอายุเกือบ ๒๐๐ ปี ขึ้นเป็นวัดธรรมยุตแห่งแรกของจังหวัด และเป็นศูนย์กลางการศึกษาทั้งฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติ
๓.๓.๔
พระครูพิศาลสังฆกิจ (โทน กน ฺตสีโล)
ศิษย์พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น ที่เป็นผู้เล่าประวัติเกี่ยวกับสถานที่ภูหล่นและความเป็นมาของพระอาจารย์ทั้งสอง ซึ่งหลังจากร่วมปฏิบัติอยู่กับพระอาจารย์ประมาณ ๑ เดือน ท่านเดินธุดงค์กัมมัฏฐานไปถึงจำปาศักดิ์ ได้ศึกษาวิชาเร้นลับกับท่าน “สำเร็จลุน” อริยสงฆ์รูปสำคัญของฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ต่อมากลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบูรพา อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี บูรณปฏิสังขรณ์จน
เจริญขึ้นโดยลำดับ
๓.๓.๕
พระอาจารย์ทองรัตน์ กน ฺตสีโล
อุปสมบทที่วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง จังหวัดนครพนม ในคณะมหานิกาย ศึกษาพระปริยัติธรรม ๕ พรรษา เริ่มเบื่อหน่ายต่อการศึกษาจึงเดินทางไปกราบนมัสการขอฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น ตั้งใจศึกษาเคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติ แต่ไม่ได้ญัตติเป็นธรรมยุต จนกระทั่งมรณภาพท่านมีสมบัติเพียงมีดโกนใบเดียวในย่าม เป็นแบบอย่างด้านความเป็นผู้มักน้อย สันโดษ
๓.๓.๖
พระอาจารย์กินรี จนฺฺทิโย
เดิมชื่อกลม เมื่ออุปสมบทในปี ๒๔๖๕ ได้ชื่อใหม่จากพระอุปัชฌาย์ว่า “กินรี” เป็นศิษย์พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ทองรัตน์ และเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์ชา สุภทฺโท อุปนิสัยไม่ชอบระคนด้วยหมู่คณะรื่นเริงและห้าวหาญที่จะแสวงหาโมกขธรรม มุ่งเข้าป่าหาที่วิเวกสัปปายะ เคยธุดงค์ไปถึงลาว พม่า อินเดีย ปฏิบัติอยู่ที่พม่า ๑๒ ปี จนพูดภาษาพม่าได้
๓.๓.๗
พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺฺโน
พระเถระผู้ใหญ่ในฝ่ายธุดงคกัมมัฏฐาน เป็นพี่ชายพระอาจารย์กว่า สุมโน ซึ่งออกบวชติดตามท่านมา และเป็นเครือญาติกับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งได้ไปปวารณาถวายตัว เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นด้วยกันเมื่อปี ๒๔๖๓ กระทั่งปี ๒๔๖๖ ท่านได้ขอญัตติกรรมเป็นธรรมยุต ท่านมักแสดงธรรมต่อศิษย์ว่า “ถ้าเราทำความดีถึงที่แล้ว เรื่องการตายเราไม่ต้องหวาดหวั่นเลย”
๓.๓.๘
พระมหาปิ่น ปญฺญาพโล
ภิกษุจากอุบลราชธานีที่ไปพำนักศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ จนสำเร็จเปรียญธรรม ๕ ประโยค จากนั้นพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พระพี่ชายนำไปถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระเปรียญรูปแรกที่ออกธุดงค์ปฏิบัติตามแนวทางท่านพระอาจารย์ใหญ่ทั้งสอง และเป็นกำลังสำคัญของกองทัพธรรมพระป่าอีสาน
๓.๓.๙
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรํสี)
ได้พบพระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น ตั้งแต่พรรษาแรกที่อุปสมบท เป็นศิษย์ของพระอาจาย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ต่อมาเป็นผู้เขียน อัตตโนประวัติพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ และ วงศ์ธรรมยุตในภาคอีสาน ทำให้ผู้อ่านได้รู้เรื่องพระป่าและบูรพาจารย์
๓.๓.๑๐
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธมฺมธโร)
เมื่อญัตติเป็นพระธรรมยุตที่อุบลราชธานีเข้ามาพำนักอยู่ที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ ช่วงหนึ่ง จากนั้นติดตามพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตไปธุดงค์ทางเหนือ ต่อมาธุดงค์ไปเขมร
พม่า อินเดีย มาพำนักอยู่ที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ๑๔ พรรษา ภายหลังมาสร้างวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี ๒๔๙๘ เป็นวัดพระกัมมัฏฐานแห่งหนึ่งที่อยู่ในเมือง
๓.๓.๑๑
พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ
อุปสมบทเมื่อปี ๒๔๖๘ ต่อมาญัตติเป็นพระธรรมยุตที่วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ศึกษาปฏิบัติอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโลพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ๕ ปี ซึ่งท่านได้มีลิขิตธรรมบันทึกการฝึกปฏิบัติกับพระอาจารย์ ทั้งสองไว้เป็นแหล่งความรู้แก่สาธุชนรุ่นหลังด้วย
๓.๓.๑๒
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล, พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต, พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม, พระอาจารย์ดูลย์ อตุโล ทำให้ภูมิธรรมหนักแน่น การปฏิบัติเคร่งครัดขึ้น ต่อมาท่านเป็นผู้ถวายธรรมอธิบายให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ใช้กัมมัฏฐานเป็นธรรมโอสถบำบัดอาพาธจนหาย ทำให้สมเด็จฯ ยอมรับการปฏิบัติของพระกัมมัฏฐาน
๓.๓.๑๓
พระอาจารย์ดี ฉน ฺโน
ภิกษุมหานิกายผู้มีความรู้ทางว่านยา อาคม จนได้ฉายา “อาจารย์ดีผีย่าน” (ผีกลัว) คราวไปเสาะหาของขลังในป่าทามแม่น้ำสงครามแถวหมู่บ้านสามผง จังหวัดนครพนม ท่านพบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา หันมาศึกษาปฏิบัติวิปัสสนา และได้ญัตติเป็นพระธรรมยุติกนิกาย ตอนหลังท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ช่วงปัจฉิมวัยด้วยเป็นผู้มีฝีมือทางช่าง พระอาจารย์เสาร์จึงให้ปั้นพระพุทธรูปไสยาสน์ไว้ที่วัดดอนธาตุ บนเกาะกลางแม่น้ำมูล และมักให้แสดงธรรมแทนท่านเสมอ ทั้งได้ร่วมอยู่ในคราวปัจฉิมธุดงค์ ซึ่งพระอาจารย์เสาร์ถึงแก่มรณภาพที่เมืองจำปาศักดิ์
๓.๓.๑๔
พระอาจารย์บุญนาค โฆโส
ศิษย์พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พระอาจารย์มหาปิ่น เรื่องราวของท่านปรากฏอยู่ในหนังสือ สามเณรบุญนาคเที่ยวกัมมัฏฐาน บวชเณรตั้งแต่ ๙ ขวบ เมื่ออายุได้ ๑๕ ปีธุดงค์ไปทั่วสองฝั่งโขงลำพังรูปเดียว อายุ ๒๒ ปีเข้ามาพระนคร อุปสมบทที่วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร เมื่อปี ๒๔๗๕ พระพรหมมุนี (อ้วน ติสฺโส) และเจ้าจอมมารดาทับทิมในรัชกาลที่ ๕ เป็นผู้จัดอัฐบริขารเป็นเจ้าภาพบวชให้ท่าน ปี ๒๔๗๙ พระอาจารย์บุญนาคพร้อมคณะเจ้าจอมมารดาทับทิม ซึ่งเป็นเจ้าภาพมหากฐิน ๗๐ กอง ได้นำมาทอดถวายพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ที่วัดป่าหนองอ้อ บ้านข่าโคม จังหวัดอุบลราชธานี
๓.๓.๑๕
พระครูสุทธิธรรมรังษี (เจี๊ยะ จุน ฺโท)
นามเดิมของท่านคือโอวเจี๊ยะ แปลว่าหินดำ หมายถึงความแข็งแกร่งบึกบึนดั่งศิลา อุปสมบทที่จันทบุรีเมื่อปี ๒๔๘๐ หลังออกพรรษาปี ๒๔๘๒ ไปศึกษาอบรมธรรมอยู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่ภาคเหนือ จนกระทั่งติดตามท่านกลับภาคอีสาน อยู่วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี ๒ พรรษา จากนั้นมาอยู่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร เมื่อพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล มีจดหมายนิมนต์ พระอาจารย์มั่นไปเมืองอุบลฯ พระอาจารย์มั่นให้ท่านไปแทน อยู่ปฏิบัติและธุดงค์ไปกับ พระอาจารย์เสาร์จนพระอาจารย์มรณภาพ
๓.๓.๑๖
พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (วัน อุต ฺ ตโม)
ก่อนบรรพชาตามคำสั่งเสียของพ่อเมื่ออายุ ๑๕ ปี ได้เข้ารับการฝึกหัดให้รู้จักข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ที่วัดอรัญญิกาวาส จังหวัดสกลนคร ตามธรรมเนียมปฏิบัติของวัดป่า บรรพชาแล้วติดตามพระอาจารย์ออกธุดงค์เที่ยววิเวก จนย่างพรรษาที่ ๕ จึงมาศึกษาปริยัติธรรมที่วัดป่าสุทธาวาส ระหว่างสอบนักธรรมเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมืองสกลนครโดนทิ้งระเบิด จึงเดินทางไปอุบลราชธานี ฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี จากนั้นถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ศึกษาธรรมปฏิบัติอยู่กับท่าน เป็นพระอุปัฏฐากจนกระทั่งท่านมรณภาพ ระหว่างปี ๒๔๙๕-๒๕๐๐ ติดตามหมู่คณะกองทัพธรรมออกเผยแผ่การปฏิบัติกัมมัฏฐานในภาคใต้
ที่จังหวัดพังงา ภูเก็ต หลังจากนั้นมาพำนักจำพรรษาที่จังหวัดสกลนคร ปี ๒๕๒๓ ท่านประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่จังหวัดปทุมธานี มรณภาพพร้อมพระเถระอีกสี่รูป
๓.๓.๑๗
พระอาจารย์หลุย จน ฺทสาโร
เดิมท่านชื่อวอ เคยเข้านับถือศาสนาคริสต์อยู่ ๕ ปีจนได้ชื่อหลุย อุปสมบทในคณะมหานิกาย แล้วญัตติเป็นธรรมยุต หลังจากไม่ต้องเกณฑ์ทหาร และทำญัตติกรรมอีกครั้งเมื่อสงสัยว่าการญัตติครั้งก่อนไม่ถูกต้อง ท่านเป็นผู้บันทึกประวัติและโวหารธรรมของพระอาจารย์ทุกองค์ที่ได้ฟัง รวมทั้งพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งยังประโยชน์ต่อการศึกษาประวัติและข้อธรรมคำสอนของบูรพาจารย์และกองทัพธรรมทั้งมวล
๓.๓.๑๘
พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
สอบนักธรรมเอกได้เมื่อเป็นสามเณรอายุ ๑๘ ปี จากนั้นพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล พาเข้ากรุงเทพฯ เรียนเปรียญธรรมได้ ๔ ประโยคที่วัดปทุมวนาราม หลังอุปสมบทกลับไปจำพรรษาที่วัดบูรพา อุบลราชธานี ครั้งหนึ่งท่านอาพาธวัณโรค ใช้ธรรมโอสถรักษา ๑๐ ปีถึงหายขาด ท่านบันทึกการศึกษาอบรมข้อวัตรปฏิบัติจากพระอาจารย์เสาร์ไว้ในหนังสือฐานิยตฺเถรวตฺถุ
๓.๓.๑๙
พระธรรมวิสุทธิมงคล
(บัว ญาณสม ฺ ปนฺฺโน)
เป็นพระป่าที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดในยุคนี้ หลังอุปสมบทสอบได้นักธรรมเอกและเปรียญธรรม ๓ ประโยคในปีเดียวกัน จากนั้นจิตใจก็มุ่งออกทางปฏิบัติด้านเดียว จึงไปหาพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งท่านยืนยันว่า “มรรค ผล นิพพาน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ และให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติได้จริง”
หลังศึกษาอบรมธรรมและฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานกับพระอาจารย์มั่นที่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือจนพระอาจารย์มั่นมรณภาพ ท่านได้ออกวิเวกแสวงหาที่บำเพ็ญความเพียร ก่อนกลับมาสร้างวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานีที่บ้านเกิด สืบทอดแนวทางปฏิปทาของพระอาจารย์มั่นซึ่งเน้นการปฏิบัติวิปัสสนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่นิยมการสร้างวัตถุ คราวประเทศไทยประสบภาวะวิกฤตฟองสบู่ ท่านเปิดโครงการช่วยชาติ ตลอด ๖ ปีของโครงการท่านแสดงธรรมเทศนากว่า ๕๘๐ แห่ง เป็นธรรมเทศนากว่า ๑,๘๐๐ กัณฑ์ รวบรวมทองคำจากการรับบริจาคเข้าคลังหลวงได้กว่า ๑๑ ตันกับเงินกว่า ๑๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระทั่งในวาระสุดท้ายของท่านที่จะมาถึง ท่านได้เขียนพินัยกรรมบางตอนว่า
* บูรพาจารย์สายพระป่ายังมีอีกมาก ที่นำเสนอในที่นี้เพียงบางส่วนเท่านั้น