ท้ายครัว
เรื่องและภาพ : กฤช เหลือลมัย
ส่วนที่มีสีสันที่สุดของต้นไม้ก็คือ ดอกไม้ การเสาะสรรหาและประดับประติมากรรมธรรมชาติอันเบ่งบานด้วยสีม่วงครามน้ำเงินเขียวเหลืงแสดแดงลงในจานกับข้าว จึงเป็นศิลปะของ “ครัวดอกไม้” ที่ยังความอิ่มเอมทางสายตาในมื้ออาหารนั้น ด้วยเสมอ
คนครัวทุกหนแห่งรู้จักกินดอกไม้มานาน แน่นอนว่า สำหรับคนทั่วไป การรู้ว่า ดอกแค ดอกขจร ดอกกระเจียว ดอกข่ากินได้ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่มันน่าตื่นเต้นน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ เมื่อหนังสือกับข้าวอายุเก่าแก่ ร่วมศตวรรษ อย่าง “ตำรับสายเยาวภาของสายปัญญาสมาคม” (พ.ศ. ๒๔๗๖) ได้บอกเราว่า นอกจากไม้ดอกที่เรารู้จักกิน ยังมีดอกไม้อื่นๆ ที่กินได้ เช่น ดอกพยอม ดอกอโศก ดอกเทพี ฯลฯ
ชื่อหลายชื่อที่เราไม่คุ้นเคย รูปร่างหน้าตาที่ถึงเห็นต่อหน้าก็ไม่รู้ว่ามันกินได้นี้ บอกเราว่า โลกของการกินดอกไม้ยังกว้างใหญ่ ลึกลับ และหลากหลายเสมอ ความรู้ว่าดอกอะไรกินได้แม้สำคัญมาก แต่ที่จำเป็นขึ้นไปอีกขั้นก็คือเราจะเอาดอกไม้แต่ละดอก แต่ละช่อ ที่มีกลิ่นรส และเนื้อสัมผัสต่างๆ กัน มาทำอะไรกินให้อร่อยดีล่ะ...
พ้นไปจากดอกขจรผัดไข่ แกงส้มดอกแค จอดอกกวางตุ้ง ดอกโสนลวกราดกะทิ เราอาจลองแกงส้มดอกคูน เอาดอกแคฝรั่งมาผัดหมูกรอบ คั่วดอกแคนา ผัดดอกผักบุ้ง ยำดอกข้าวสาร หรืองานทดลองอย่างง่ายที่สุด ซึ่งทุกคนทำกินได้ทัน นั่นก็คือ “ไข่เจียวดอกไม้” แต่ละบ้านย่อมมีวิธีเจียวไข่อยู่แล้วนะครับ เราแค่ออกไปหาดอกไม้มาเท่านั้นเอง
แล้วดูซิว่าผมได้อะไรมาเจียวไข่กระทะนี้บ้าง ก็มีอ่อมแซบ ไชยา มะรุม เซียงดา อัญชัน ขจร มะละกอ เสี้ยวป่า กุหลาบมอญ ดาวเรือง ส้มลม บานชื่น ไหนยังมีปืนนกไส้ ดาวกระจาย แคขาว แถมดอกโหระพาแต่งกลิ่นสักสองสามช่อ เอาแค่ดอกมาอวด ไม่บอกวิธีทำนะครับ ก็ทำกินกันเป็นทุกคนแหละน่า... จริงไหมครับ?