เปลือกหุ้มเมล็ดข้าวมีสีแตกต่างกันไปในแต่ละพันธุ์ และยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เส้นขน หรือจมูกข้าว
ข้าวปลูก ข้าวป่า ข้าวกล้อง ข้าวเปลือก
Contemporary Botanical Art
ของ ชัยวัฒน์ คุณพาณิชอนันต์
พฤกษศิลป์
พฤกษศิลปิน
เรื่อง : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล
ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช, ประเวช ตันตราภิรมย์
เมล็ดข้าว ๓๐ พันธุ์ถูกวาดลงบนกระดาษด้วยเทคนิคสีน้ำ วงนอกแสดงรายละเอียดของข้าวเปลือกพันธุ์ต่าง ๆ ส่วนวงในเป็นข้าวกล้องของข้าวพันธุ์เดียวกัน
นี่เป็นภาพวาดพฤกษศาสตร์แบบ “ร่วมสมัย” (contemporary botanical art) ที่เน้นความสวยงามและการจัดองค์ประกอบศิลป์ โดยยึดหลักความถูกต้องของลักษณะพืชเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงสีสันสัดส่วน รายละเอียดต่าง ๆ ตำแหน่งของจมูกข้าว รวมถึง “หาง” ของข้าวป่าที่ยาวกว่าข้าวพันธุ์อื่น
“นึกอยากวาดข้าว เพราะข้าวผูกพันกับคนไทย สังคมของเรามีวัฒนธรรมข้าวอยู่แล้ว และข้าวก็มีศูนย์กลางจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองไทยเป็นเมืองที่ผลิตข้าวส่งออกเป็นหลัก ข้าวจึงเป็นอย่างแรกที่เข้ามาในหัว”
ย้อนกลับไปในปี ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) สมาคมนักพฤกษศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (American Society
of Botanical Artists : ASBA) เริ่มประสานไปยังสมาคมนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ในประเทศต่าง ๆ เพื่อร่วมกันจัดนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์โลกครั้งที่ ๒ หลังจากเคยจัดเมื่อ ๗ ปีก่อน โดยกำหนดหัวข้อ “ความหลากหลายของพืชปลูก” ซึ่งรวมถึง “พืชมรดก” “พืชโบราณ” และ “พืชป่าที่เกี่ยวข้องกับพืชปลูก” เพื่อกระตุ้นให้สังคมได้อนุรักษ์พันธุ์พืชที่เคยผูกพันกับวิถีชีวิตมนุษย์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า แต่เริ่มสูญหายหลงลืมกันไปในปัจจุบัน และกำหนดให้มีการจัดนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์พร้อมกันทั่วโลกในอีก ๓ ปีคล้อยหลัง ซึ่งต่อมาประเทศไทยกำหนดหัวข้อย่อยว่า “มรดกพืชพรรณธัญญาหารของชาวสุวรรณภูมิ”
ก่อนหน้านั้นผู้วาดภาพเมล็ดข้าว ๓๐ พันธุ์ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับข้าวมากนัก
“บังเอิญเจอน้องชาวนาคนหนึ่งจากนครสวรรค์ มาออกบูทขายข้าวสารที่งาน Sustainability Expo ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขามีรวงข้าวหลายพันธุ์มาโชว์ สะดุดใจก็เลยขอช่องทางติดต่อไว้ บอกเขาว่าถ้ามีข้าวพันธุ์ไหนน่าสนใจช่วยเรียกด้วย อยากไปดู แต่เขาก็ยุ่งจนเราเกือบจะไปวาดพืชชนิดอื่นแล้ว”
ชัยวัฒน์ คุณพาณิชอนันต์ หรือจิ๋ว จบปริญญาตรีสาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทสาขาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เคยทำงานฝ่ายจัดส่งพัสดุทางอากาศของสายการบิน และฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน
ด้วยความรักความชอบดอกไม้เขาจึงจดบันทึกและหัดถ่ายภาพดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ด้วยฟิล์มสไลด์ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี เรียนและฝึกจัดดอกไม้สไตล์ตะวันตกเป็นงานอดิเรก รวมถึงเป็นจิตอาสาสอนจัดดอกไม้ให้ผู้ต้องขังและสอนทำดอกไม้จันทน์นานกว่า ๑๐ ปีระหว่างทำงาน
ปี ๒๕๕๘ เริ่มหัดวาดภาพสีน้ำแนว Impressionism ทั้งภาพบุคคล ทิวทัศน์ สัตว์ ดอกไม้ ต่อมาในปี ๒๕๖๑ ได้เข้าชมนิทรรศการ Botanical Art Worldwide 2018 ซึ่งจัดโดยเครือข่ายวิทย์สานศิลป์ เกิดความประทับใจภาพวาดแนวนี้ จึงลองส่งผลงานในปีถัดมาและผ่านการพิจารณาให้ร่วมแสดงภาพ ทำให้ได้รู้จักผู้สนใจแนวทางเดียวกัน และมีโอกาสเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวาดภาพทางพฤกษศาสตร์ซึ่งแตกต่างจากภาพวาดสวยงามทั่วไป
เจ้าของผลงานภาพวาดที่แสดงให้เห็นความหลากหลายของข้าว ทั้งข้าวป่า ข้าวปลูก เล่าถึงที่มาของภาพเมล็ดข้าว ๓๐ พันธุ์
“หลังจากน้องชาวนาส่งเมล็ดข้าวตัวอย่างมาให้ ก็แนะนำว่าเราน่าจะติดต่อขออนุญาตเข้าไปสถานีทดลองข้าวรังสิต (ก่อตั้งในยุครัชกาลที่ ๖ ด้วยชื่อนาทดลองคลองรังสิต) ซึ่งทดลองพัฒนาสายพันธุ์ข้าวมานานแล้ว”
ตัวอย่างเมล็ดข้าวพันธุ์ไข่มดริ้นที่ศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติอนุรักษ์ไว้
แว่นขยายหรือเลนส์ขยายใช้ตรวจลักษณะเล็ก ๆ ของเมล็ดข้าว
ประเทศไทยมีความหลากหลายของข้าวในแต่ละนิเวศ โดยอาจแบ่งกลุ่มข้าวตามสภาพการปลูก เช่น ข้าวไร่ ข้าวนาน้ำฝน ข้าวนาชลประทาน ข้าวขึ้นน้ำ หรือแบ่งตามลักษณะชีวภาพเป็นข้าวป่า (wild rice) ซึ่งเป็นชื่อเรียกรวมของพืชล้มลุกตระกูลหญ้าที่พบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย และข้าวปลูก (cultivated rice) ที่มีวิวัฒนาการมาจากข้าวป่า ได้รับการพัฒนาให้เหมาะที่จะนำมาเป็นอาหารของมนุษย์
ข้าวป่ามีลักษณะบางอย่างแตกต่างจากข้าวปลูกอย่างสิ้นเชิง เช่น เมล็ดมีขนาดเล็ก หางยาว หลุดร่วงง่าย ถึงแม้ว่าจะไม่นิยมปลูกเพื่อบริโภค แต่ก็เป็นแหล่งพันธุกรรมชั้นดีสำหรับการปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพื่อให้ต้านทานโรค แมลง หรือทนสภาพอากาศแล้ง
ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ศขช.) ภายใต้ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี เก็บรวบรวมอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไว้ประมาณ ๑.๓ หมื่นตัวอย่าง
เมื่อชัยวัฒน์เดินทางไปยังสถานีทดลองข้าวรังสิต ซึ่งปัจจุบันคือศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ก็พบว่าสถานที่แห่งนี้เปรียบได้กับ “ธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว”
“เจ้าหน้าที่ให้ดูตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ที่วางเรียงกันเป็นแถวยาว เห็นชัดเลยว่าข้าวแต่ละพันธุ์แตกต่างกัน ทั้งขนาด สีสัน ฯลฯ ตอนแรกตั้งใจจะวาดข้าวสัก ๒๐ พันธุ์ คิดองค์ประกอบภาพไว้แล้วว่าจะเอาข้าวมาจัดเรียงเป็นวงกลม วงหนึ่ง ๓๖๐ องศา ถ้าแบ่งเป็น ๒๐ ส่วนจะง่าย จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยคัดเมล็ดข้าวที่น่าสนใจพร้อมประวัติและรายละเอียดให้สัก ๓๐ พันธุ์ก่อนแล้วจะค่อยเลือก แต่พอเห็นเมล็ดข้าวจริง ๆ แล้วตัดออกไม่ได้เลยนะ อยากวาดทั้งหมด”
ภาพวาดพฤกษศาสตร์ไม่เปิดช่องให้ความผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นแบบ “ดั้งเดิม” หรือแบบ “ร่วมสมัย” ผู้วาดต้องยึดความถูกต้องของข้อมูลรวมถึงลักษณะพืชเป็นหัวใจ
สมุดบันทึกการสังเกตสีของข้าวหลายพันธุ์มีทั้งเหลืองอ่อน เหลืองเข้ม ม่วง ม่วงเข้ม ดำ ฯลฯ
หลังผสมเกสร ข้าวจะตั้งท้องและออกรวง เมล็ดข้าวจะพัฒนาในช่วง ๗-๑๐ วันแรก โดยสร้างแป้งที่มีลักษณะเป็นของเหลวเรียกว่าน้ำนม จากนั้นอีก ๗-๑๐ วันจะแข็งตัวจนถึงระยะเก็บเกี่ยว
ชัยวัฒน์เล่ารายละเอียดของเมล็ดข้าวที่เขาเพิ่งทราบจากการลงพื้นที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี
“ดอกข้าวมีกลีบดอกสองกลีบประกบกัน คล้ายเปลือกข้าวนะ แต่เป็นสีเขียว มีเกสรเพศผู้ยื่นออกมาหลังผสมเกสรกลีบดอกจะหุบเข้าหากัน รังไข่เจริญเป็นเมล็ดข้าวอยู่ข้างใน ส่วนกลีบดอกก็ค่อย ๆ กลายเป็นเปลือกข้าวแห้ง สีเหลือง เปลือกข้าวที่เราเห็นก็คือกลีบดอกนั่นเอง”
เปลือกหุ้มเมล็ดข้าวมีสีแตกต่างกันตามพันธุ์ ทั้งเหลืองอ่อน เหลืองเข้ม ม่วง ม่วงเข้ม หรือดำ ถ้าแกะเปลือกออกจะพบเมล็ดข้าวที่เรียกว่าข้าวกล้อง
ผลการศึกษาเพื่อทำความรู้จักเมล็ดข้าว ทดลองแกะเปลือก ประกอบกับคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ทำให้รู้ว่าเมล็ดข้าวเปลือก (whole grain rice) มีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ เปลือกใหญ่ เปลือกเล็ก กลีบรองเมล็ด ขั้วเมล็ด และก้าน ส่วนข้าวกล้อง (brown rice) มีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ รำข้าว และจมูกข้าว (คัพภะ)
กลีบดอกทั้งสองกลีบที่จะกลายเป็นเปลือกข้าวนั้นไม่เท่ากัน
“ก่อนวาดเมล็ดข้าวทุกพันธุ์ต้องศึกษาค้นคว้า ทำความรู้จักทั้งข้าวเปลือกและข้าวกล้อง ข้าวกล้องมีจมูกข้าวหันไปทางเปลือกหรือกลีบที่มีขนาดใหญ่กว่าเสมอ สอบถามเจ้าหน้าที่ เช็กกับนักพฤกษศาสตร์ก็บอกว่าจริง เวลาเอาข้าวมาถ่ายรูปทำเอกสารอ้างอิง เราจะถ่ายทั้งสองด้าน ดูว่าแสงเข้าด้านไหนสวยกว่าก็เลือกวาดด้านนั้น ต้องวาดให้เห็นว่ากลีบใหญ่อยู่ฝั่งไหน”
“ก่อนวาดเมล็ดข้าวทุกพันธุ์ต้องศึกษาค้นคว้า ทำความรู้จักทั้งข้าวเปลือกและข้าวกล้อง...คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าข้าวเปลือกสีเหลือง ข้าวสารสีขาว แต่เราเห็นข้าวมีสีหลากหลายกว่านั้น”
นักวาดเข้าไปเรียนรู้ข้าวพันธุ์ต่าง ๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ศขช.) ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีที่เปรียบได้กับ “ธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว” ของประเทศไทย
ภาพ : ชัยวัฒน์ คุณพาณิชอนันต์
นอกจากความถูกต้องแม่นยำแล้ว การจัดวางตำแหน่งข้าวแต่ละพันธุ์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ชัยวัฒน์ให้ความสำคัญ เพื่อสื่อสารเรื่องข้าวไปยังผู้ชม
“คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าข้าวเปลือกสีเหลือง ข้าวสารสีขาว แต่เราเห็นข้าวมีสีหลากหลายกว่านั้น จะจัดเรียงอย่างไรให้มองเห็นความหลากหลาย จะสลับไปสลับมาอย่างไร แล้วก็ต้องคิดเรื่องการจัดกลุ่มให้มีเรื่องราว”
เบื้องต้นเขากำหนดให้ข้าวปลูก (cultivated rice) จำนวน ๘ พันธุ์ที่เคยผ่านการประกวดข้าวระดับประเทศในสมัยรัชกาลที่ ๖ และคัดเลือกโดยกรมเกษตรและการประมง (ในสมัยนั้น) ให้เป็นข้าวชุดแรกที่ส่งเสริมให้ชาวนาทั่วประเทศปลูกวางเรียงอยู่ด้านบน ข้าวป่า (wild rice) ๖ พันธุ์วาดไว้ด้านล่าง
ส่วนข้าวเด่นของแต่ละภูมิภาคอีก ๑๖ พันธุ์จัดเรียงตามภูมิศาสตร์ ชัยวัฒน์เล่าว่าข้าวทางฝั่งขวาเป็นข้าวท้องถิ่นของภาคกลางและภาคอีสาน ส่วนฝั่งซ้ายเป็นข้าวภาคเหนือกับข้าวภาคใต้
“ถ้ามองวงกลมเป็นแผนที่ประเทศไทยน่าจะจำง่ายว่าฝั่งขวาแทนภาคตะวันออก ฝั่งซ้ายซีกล่างแทนภาคใต้ตรงกลางเอาข้าวสีมาวางคั่นเพื่อให้จำง่ายขึ้นไปอีกว่าข้าวภาคใต้สิ้นสุดตรงนี้นะ ส่วนที่เหลืออีก ๓ พันธุ์ด้านบนเป็นเมล็ดข้าวภาคเหนือ
“การจัดคอมโพสิชันคำนึงถึงการนำเสนอให้เข้าใจง่าย จัดกลุ่มข้าวไล่ตามภาค…วาดภาพข้าวขนาดสี่เท่าของขนาดจริง ถ้าวาดเท่าของจริงจะมองไม่เห็นรายละเอียด”
หน้าซ้ายบันทึกลักษณะเมล็ดเล็ก หางยาว ของข้าวป่าที่ต่างจากข้าวปลูก หน้าขวาเป็นความพยายามจัดวางตำแหน่งเมล็ดเพื่อสร้างองค์ประกอบ
ภาพที่สื่อสารความหลากหลายของข้าว
แบ่งวงกลม ๓๖๐ องศาออกเป็น ๓๐ ส่วนเท่า ๆ กัน เพื่อบรรจุภาพข้าว ๓๐ พันธุ์ วงนอกคือเมล็ดข้าวเปลือก วงในคือเมล็ดข้าวกล้องของพันธุ์เดียวกัน
“การจัดคอมโพสิชันคำนึงถึงการนำเสนอให้เข้าใจง่าย ครั้งหนึ่งเคยคิดจะวาดเป็นก้นหอย สุดท้ายวงกลมง่ายกว่า จัดกลุ่มข้าวไล่ตามภาค แบ่งพื้นที่วงกลม ๓๖๐ องศา แล้ววาดภาพข้าวขนาดสี่เท่าของขนาดจริง ถ้าวาดเท่าของจริงจะมองไม่เห็นรายละเอียด แต่ถ้าคูณห้าเท่าก็จะล้นกระดาษเคยอยากวาดสามวง แต่พิจารณาแล้วว่าวงในสุดจะแน่นเกินไป ข้าวแต่ละเมล็ดจะเบียดกันจนวาดไม่ได้ ทุกอย่างต้องอาศัยการคำนวณที่แม่นยำ”
นั่นเพราะกระดาษที่ใช้วาดมีขนาด ๕๖ x ๗๖ เซนติเมตรเท่านั้น
“เคยคิดลองวาดภาพข้าวแบบเอกซเรย์ ให้เห็นข้าวสารอยู่ในข้าวเปลือก ใช้เทคนิคระบายสีแบบบาง ๆ แต่เราไม่เคยเห็นภาพข้าวถูกเอกซเรย์จริง ๆ อะไรที่ยังไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองจะพยายามเลี่ยง ถึงต่อให้วาดสวยแต่หากมีรายละเอียดผิดพลาดอยู่ในภาพก็ต้องปัดตก”
ภาพวาดพฤกษศาสตร์ไม่เปิดช่องให้ความผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นแบบ “ดั้งเดิม” (traditional botanical illustration)
หรือแบบ “ร่วมสมัย” (contemporary botanical art) ผู้วาดต้องยึดความถูกต้องของข้อมูลรวมถึงลักษณะพืชเป็นหัวใจ
...
สิ่งดลใจที่ทำให้ชัยวัฒน์หันมาวาดภาพพฤกษศาสตร์อย่างจริงจังและตั้งปณิธานว่าจะวาดภาพอย่างต่อเนื่องเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๕ หลังทราบข่าวว่าอาจารย์สีน้ำที่เคารพรักสองท่านมีปัญหาสุขภาพจนวาดภาพอีกไม่ได้
“ข้าว (Oryza spp.)” ผลงานที่ร่วมแสดงในงานนิทรรศการภาพวาด พฤกษศาสตร์นานาชาติ Botanical Art Worldwide 2025
“ถึงวันหนึ่งตาของเราอาจฝ้าฟาง สมองเบลอ มือไม้สั่นไม่มั่นคง เกิดคำถามกับตัวเองว่าก่อนตายเราอยากได้รับการจดจำจากผู้คนในลักษณะไหน ตกตะกอนความคิดว่าบทบาทที่เหลือในชีวิตนี้อยากเป็นนักวาดภาพพฤกษศาสตร์”
ปีเดียวกันนั้นชัยวัฒน์จึงเริ่มทำเพจ 100 Botanical Paintings Before I Die by Chaiwat Koo ใช้ “ชื่อ” และ “แซ่” ของตัวเองเมื่อแรกเกิด
“เป้าหมายหลวม ๆ คือพยายามวาดภาพพฤกษศาสตร์ให้ได้ ๑๐๐ รูปก่อนตาย หรือก่อนที่สังขารจะไม่เอื้ออำนวย”
ปัจจุบันเขาวาดภาพไปแล้วประมาณ ๑๐ ภาพ
มีภาพเมล็ดข้าว ๓๐ พันธุ์เรียงเป็นวงกลมเป็นหนึ่งในนั้น
ขอขอบคุณ
นพดล มั่นศักดิ์ และ ลัดดาวัลย์ แพรสีดำ มูลนิธิโรงเรียนชาวนา จังหวัดนครสวรรค์
พีรพล ม่วงงาม นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี กรมการข้าว
จิตรา สุวรรณ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี กรมการข้าว