เมื่อวิทย์สานศิลป์
ในนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์
ดร. ศศิวิมล โฉมเฉลา แสวงผล
INTERVIEW
สัมภาษณ์และเรียบเรียง : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย ์
นิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์นานาชาติ Botanical Art Worldwide 2025 ถือเป็นงานระดับนานาชาติ ครั้งที่ ๒ นับจากการจัดงานครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ระหว่างช่วง ๗ ปีนั้นประเทศไทยมีการจัดงานนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์ (Botanical Art Thailand) ต่อเนื่องเป็นประจำ โดยเจ้าภาพหลักคือ ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สมาคมพฤกษศาสตร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และเครือข่ายวิทย์-สานศิลป์ (Sci-Art Network) ซึ่งเป็นการรวมพลังของนักวาดภาพพฤกษศาสตร์สมัครเล่นหลายวัย
ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้ บนผนังโค้งชั้น ๓, ๔ และ ๕ ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จะเรียงรายด้วยภาพวาดพฤกษศาสตร์ของหลากพืชพรรณ ผลงานจากนักวาดภาพ ๕๗ ชีวิต เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปมาเดินเพ่งพินิจและชื่นชมภาพวาดที่สวยงามและเสมือนกับภาพจริง
การจัดงานนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์นานาชาติในช่วงเดือนพฤษภาคมนั้น ริเริ่มโดย American Society of
Botanical Artists (ASBA) โดยในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรด้านพฤกษศาสตร์และศิลปินภาพวาดพฤกษศาสตร์จากนานาประเทศ จัดงานแสดงของตนเองช่วงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็น “วันพฤกษศิลป์สากล World Botanical Art Day” และแต่ละประเทศจะส่งภาพที่ได้คัดเลือกจำนวน ๔๐ ภาพไปรวมกับผลงานที่ผ่านการคัดเลือกของประเทศอื่น ๆ เพื่อจัดแสดงร่วมกันทางออนไลน์
อาจารย์ปูเป้-ดร. ศศิวิมล โฉมเฉลา แสวงผล ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดงานนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์มาตั้งแต่การจัดงานระดับนานาชาติครั้งแรกและปีอื่น ๆ ซึ่งเป็นงานระดับประเทศ จนปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้านงานภาพวาดประเภทนี้
อาจารย์สอนวิชาภาพวาดวิทยาศาสตร์ (Scientif ic Illustration) เป็นวิชาเลือกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งเครือข่ายวิทย์สานศิลป์ซึ่งจัดอบรมการวาดภาพพฤกษศาสตร์แก่คนทั่วไป ไม่นับภารกิจทางวิชาการ อย่างการเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อศึกษาวิจัยด้านพฤกษศาสตร์ของพืชวงศ์กล้วยในเมืองไทย
สารคดี ชวนมาฟังเบื้องหลังบางมุมของการจัดนิทรรศการและการวาดภาพพฤกษศาสตร์ จากนักพฤกษศาสตร์ผู้มีหัวใจมากกว่าหนึ่งห้องมอบให้งานศิลปะ
หัวข้อการวาดภาพในนิทรรศการปีนี้คือ “มรดกพืชพรรณธัญญาหารของชาวสุวรรณภูมิ” มีที่มาอย่างไร
จริง ๆ หัวข้อของปีนี้ที่ใช้ร่วมกันทั่วโลกคือ Heritage Crops ความหมายคือพืชที่ใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นมาเกิน ๕๐ ปี ด้วยความหวังจะอนุรักษ์พันธุ์ดั้งเดิมที่อาจไม่ได้ปลูกเป็นการค้าแล้ว เขากลัวมันสูญหาย อย่างสหรัฐอเมริกามีข้าวโพดพันธุ์สีม่วง สีแปลก ๆ ถั่วแปลก ๆ ยกตัวอย่างสับปะรดมาจากอเมริกากลาง แต่อยู่ในเมืองไทยมาเกิน ๓๐๐ ปี เห็นจากภาพหลักฐานที่ลา ลูแบร์ วาดไว้ (หนังสือจดหมายเหตุลาลูแบร์ ราชทูตของฝรั่งเศส เข้ามาเมืองไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) หรือมันแกวจริง ๆ ก็มาจากอเมริกากลาง แต่ปลูกในเมืองไทยนานแล้ว ก็วาดส่งเข้ามาได้ จริง ๆ ประเทศไทยมีพืชพรรณพื้นเมืองมากกว่า ๑ หมื่นชนิด อย่างผักพื้นบ้าน ผักติ้ว ผักแพว ผักปลัง หลายชนิดไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เช่น มะมุด ละไม แต่ความที่ไม่เป็นที่รู้จัก หาตัวอย่างมาวาดยากมาก (หัวเราะ) ก็เลยไม่ค่อยมีคนวาด
ส่วนชื่อหัวข้อก็มาจากที่ทางภาควิชาพฤกษศาสตร์มีโครงการวิจัยเรื่องพืชพรรณธัญญาหารของชาวสุวรรณภูมิ ร่วมกับสถาบันสุวรรณภูมิศึกษา ซึ่งกำลังทำวิจัยทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ พันธุกรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของคนโบราณ และเขาอยากรู้เกี่ยวกับต้นไม้ในสมัยโบราณด้วย เช่น ถ้าพบเมล็ดพืชในไหของเรือจม ก็อยากรู้ว่าคือเมล็ดพืชอะไร ซึ่งพอดีชื่องานวิจัยก็เข้ากับหัวข้อ Heritage Crops ก็เลยใช้ชื่อนี้ นอกจากนี้บางประเทศรอบบ้านเราไม่ได้จัดงานเอง แต่มีศิลปินต้องการส่งผลงาน หัวข้อนี้ก็ใช้เปิดรับผลงานจากเพื่อนบ้านได้
คำว่าสุวรรณภูมิในเชิงวิชาการจริง ๆ พื้นที่ยังกำกวม แต่โดยคร่าว ๆ ยอมรับกันว่าอยู่ทางตะวันออกของอินเดีย แถวคาบสมุทรมลายู เคยมีชื่ออยู่ในแผนที่โบราณ เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าใช้แบบไม่เคร่งครัดปัจจุบันก็หมายถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบันคนวาดภาพพฤกษศาสตร์มีสักกี่คนในเมืองไทย
ถ้านับจากคนที่ส่งงานมาบ่อย ๆ น่าจะราว ๕๐ คน แต่ก็มีคนที่ไม่ได้ส่งด้วย รวม ๆ ประมาณ ๑๐๐ คน
แล้วในประเทศอื่น ๆ มีเท่าไร
อย่างเวียดนามมีคนเริ่มมาคุยกับเราสามสี่คน เพราะเขายังรวมตัวจัดเองไม่ได้ แต่สิงคโปร์จัดงานบ่อย มีสัก ๓๐ คน และก็มีคนจากประเทศอื่นด้วย เช่น อินเดีย เวียดนาม ออสเตรเลีย เป็นสมาชิกของ Botanical Art Society (Singapore) แต่ที่สหรัฐอเมริกาปีนี้มีคนส่งมาประมาณ ๔๐ รูป ซึ่งไม่มากเมื่อเทียบกับขนาดประเทศ เขาอาจมีชมรมเล็ก ๆ ตามรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานก็เป็นได้ อย่างงานปีนี้มี ๓๑ ประเทศเข้าร่วม แต่ละประเทศจะส่งผลงานไปแสดงรวม ๔๐ ผลงาน ก็ ๑,๐๐๐ กว่ารูป
ทุกปีแต่ละประเทศมีจัดงานแสดงของตัวเอง บางประเทศให้เหรียญรางวัลหรือเงินรางวัล บางประเทศให้แต่ประกาศนียบัตร บ้านเราก็มีศิลปินที่สนใจมาวาดรูปแล้วนำงานไปแสดงในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งสามารถขายรูปได้ มีคนมารอซื้อ
คนลักษณะไหนถึงจะมาวาดภาพพฤกษศาสตร์ได้
ต้องอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เพราะอยู่ ๆ เห็นดอกกล้วยไม้แล้ววาดเลย บางทีก็ผิดได้ คือไม่ใช่วาดเหมือนเท่าที่ตาเห็น แต่ต้องถูกต้องตามหลักพฤกษศาสตร์ เราต้องเอาตำรามากาง ต้องเปิดอินเทอร์เน็ตดูภาพที่มีคนถ่ายไว้ด้วย ที่สำคัญคือพร้อมรับฟังความคิดเห็น เพราะนักพฤกษศาสตร์ตรวจดูภาพแล้วอาจบอกว่า เกสรต้องสั้นสองอัน ยาวสองอันนะ ทำไมวาดเท่ากัน คนวาดจึงต้องละเอียด มีตรรกะทางวิทยาศาสตร์ระดับหนึ่ง ความจริงนักวิทยาศาสตร์เราเองก็ทำงานแบบเปิดใจ เพราะเราก็มีผิดพลาดคิดว่าเป็นแบบนี้ ตั้งสมมุติฐานไว้ พอทำ ๆ ไปแล้ว อ้าว ไม่ใช่ เราก็ต้องเปลี่ยนทฤษฎี
อย่างจะวาดรูปต้นไม้สักต้นหนึ่งในหัวข้อของปีนี้ ศิลปินต้องรู้วิธีหาชื่อวิทยาศาสตร์ การกระจายพันธุ์ว่ามีถิ่นกำเนิดจากไหน จะหาต้นไม้จากที่ใดมาเป็นตัวอย่าง บางคนรู้กระทั่งวิธีเพาะเลี้ยง เพราะต้องหาพืชมาปลูกเอง แต่ไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะคนวาดภาพพฤกษศาสตร์รักต้นไม้อยู่แล้ว บางคนชอบปลูกต้นไม้มาก่อนแล้วจึงวาด บางคนอยากวาดเลยต้องปลูก
ศิลปินบางคนอาจไม่เข้าใจ เพราะเน้นที่ความงาม วาดสวยมากเลย แต่งานไม่ผ่าน เพราะมีจุดผิด เช่น จำนวนเกสรเกิน ซึ่งเขาไม่ได้สังเกตและไม่อยากแก้ตามที่นักพฤกษศาสตร์แนะนำ
"ไม่ใช่วาดเหมือนเท่าที่ตาเห็น แต่ต้องถูกต้องตามหลักพฤกษศาสตร์
เราต้องเอาตำรามากาง ต้องเปิดอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคือพร้อมรับฟังความคิดเห็น"
อาจารย์เคยวาดผิดไหม
มี ครั้งหนึ่งจะวาดดอกหางนกยูงสีเหลืองก็ไปเก็บดอกร่วง วาดเสร็จแล้ววันหนึ่งได้ดอกใหม่มาเทียบ สังเกตเห็นลายอยู่ด้านหลังดอก แทนที่จะอยู่ด้านหน้าแบบที่เราวาดก็เจ๊งเลยรูปนั้น หรือมีคนวาดรูปเถาตำลึงแล้วมีดอกเพศผู้กับลูกตำลึงในกิ่งเดียวกัน ซึ่งความจริงอยู่ต้นเดียวกันไม่ได้ เพราะตำลึงมี “ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น” ก็ต้องให้คนวาดแก้เป็นดอกเพศเมีย การวาดภาพประเภทนี้ต้องทำให้ตรงตามโจทย์ ไม่ใช่เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของเราเอง
ภาพวาดพฤกษศาสตร์จะรวมลักษณะจากหลายตัวอย่างอยู่ในรูปเดียว เพราะเราต้องการให้เป็นตัวแทนของพืชชนิดนั้น ไม่เอาลักษณะที่อาจพิการหรือลักษณะเฉพาะบางอย่างของตัวอย่าง ต่างจากเวลาถ่ายรูปจะได้เฉพาะรูปใดรูปหนึ่ง ต้นใดต้นหนึ่ง ฉะนั้นการตีพิมพ์รายงานทางวิชาการของชื่อพืชชนิดใหม่จึงไม่ใช้รูปถ่ายแต่ใช้ภาพวาดลายเส้นซึ่งประมวลความรู้ของพืชหลาย ๆ ส่วนมาลงไว้ในภาพแล้ว
ทราบว่าผลงานส่วนหนึ่งที่ส่งมาร่วมแสดงจะมาจากสมาชิกเครือข่ายวิทย์สานศิลป์ เครือข่ายนี้มีที่มาอย่างไร
เราเริ่มเปิดวิชานิทัศน์วิทยาศาสตร์ (Scientif ic Illustration) ปี ๒๕๔๑ เป็นวิชาเลือกของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ที่มหิดล พอปิดเทอมแล้วอยากเปิดสอนคนทั่วไปด้วย ก็เลยจัดอบรมครั้งแรกประมาณ ๔-๕ วัน เหนื่อยมาก อาจารย์อบฉันท์ (รศ.ดร. อบฉันท์ ไทยทอง คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธานกล้วยไม้ที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย) เป็นผู้แนะนำให้รู้จักคุณเอกชัย อ๊อดอำไพ นักวาดภาพกล้วยไม้ เราจึงเชิญท่านมาสอนการวาดภาพสีน้ำ ส่วนเราสอนทฤษฎีเกี่ยวกับการวาดภาพทางวิทยาศาสตร์
ตอนนั้นคุณเอกชัยทำงานร่วมกับอาจารย์อบฉันท์ในโครงการวาดภาพทางวิทยาศาสตร์ของกล้วยไม้ในเมืองไทย ตั้งเป้าหมายว่าจะวาดกล้วยไม้ให้ครบ ๓๐๐ ชนิด ซึ่งเป็นโครงการที่พิเศษมาก เพราะได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก สกว. ด้วย (อ่านชีวิตและการทำงานของ เอกชัย อ๊อดอำไพ ได้ในนิตยสาร สารคดี ฉบับที่ ๑๗๐ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๔๒)
อบรมครั้งแรกมีคนเข้าเรียนประมาณ ๒๐ คน ซึ่งตอนนี้หลายคนกลายเป็นนักวาดภาพทางพฤกษศาสตร์ที่มีฝีมือและยังส่งผลงานเข้าร่วมจัดแสดงเรื่อย ๆ จบอบรมก็ชวนกันตั้งชมรม “นักวาดภาพวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งประเทศไทย” หลังจากปีนั้นเราก็มีทั้งวิชาที่สอนให้นักศึกษาและจัดอบรมสำหรับคนทั่วไป อาจารย์เอกชัยสอนอยู่ ๒-๓ ปีก็เสียชีวิตกะทันหัน ได้อาจารย์วิชัย มะลิกุล (นักวาดภาพทางวิทยาศาสตร์คนไทยที่ทำงานให้สถาบันสมิทโซเนียน แผนกกีฏวิทยา ปัจจุบันเกษียณ) มาสอนต่ออีก ๒ ปีแล้วอาจารย์ก็ไม่สะดวก ส่วนการทำชมรมผู้ก่อการเริ่มมีภารกิจมากก็ห่าง ๆ กันไป พอดีเฟซบุ๊กมาเลยใช้เป็นที่รวมกลุ่มคนแทน เปลี่ยนเป็นชื่อเครือข่ายวิทย์สานศิลป์ รวมตัวแบบหลวม ๆ ไม่มีกฎกติกามาก มีนัดวาดรูปตามที่ต่าง ๆ เช่น สวนหลวง ร.๙ สนุกสนานดี เราพยายามทำกิจกรรมตลอดเพราะคนสนใจ มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นจนจัดงานแสดงภาพได้ ตั้งแต่งานนิทรรศการร่วมกับนานาชาติครั้งแรกในปี ๒๕๖๑ และจัดของเราเองในปีต่อ ๆ มา
เวลาสอนคนทั่วไปกับสอนนักศึกษาต่างกันไหม
เด็กวิทยาศาสตร์จะมีแนวคิดเหมือนเรา เข้าใจขั้นตอนแบบ ๑, ๒, ๓, ๔ แต่คนทั่วไปที่มาเรียนจะมีทั้งคนที่เป็นศิลปินมาก ๆ และนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย ซึ่งต้องสอนสองกลุ่มนี้พร้อมกัน ก็ยากนะ คือต้องสอนศิลปินให้รู้จักสังเกต และสอนนักวิทยาศาสตร์ให้วาดรูปเป็น นักวิทยาศาสตร์อาจมองไม่ออกว่าแสงเงาเป็นอย่างไร เราก็ต้องบอกว่าตรงไหนคือ highlight หรือ shadow แล้วระหว่าง highlight กับ shadow คือ half tone ซึ่งเราจะมองเห็น texture บนพื้นผิว เวลาวางวัตถุและวางภาพ ต้องดูว่าแสงมาอย่างไร หรือสีที่ใช้ เราก็สอดแทรกว่าสีน้ำมาจากแร่ธาตุคือนำหินบดมาใส่ตัวทำละลาย ถึงออกมาเป็นสี ถ้าใช้สีคุณภาพดี รูปที่คุณวาดไว้สวย ๆ ครึ่งชีวิต (half-life) ของมันอาจจะอยู่ถึง ๕ หมื่นปีหรือแสนปี หากกระดาษไม่เปื่อยไปก่อน เหมือนภาพในถ้ำ สำหรับศิลปินเราก็พยายามเสริมเรื่องชื่อวิทยาศาสตร์ ที่จะครบสมบูรณ์ต้องมีชื่อของคนที่ตั้งชื่อ (author name) นั้น ๆ ด้วย เมื่อไรต้องวงเล็บ เมื่อไรต้องจุด การใช้ตัวเอน ตัวตรง ให้ความรู้พฤกษศาสตร์เบื้องต้นไปหาอ่านคำบรรยายลักษณะเพื่อเข้าใจต้นไม้มากขึ้น
"คนทั่วไปที่มาเรียนจะมีทั้งคนที่เป็นศิลปินมากๆ และนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย ซึ่งต้องสอนสองกลุ่มนี้พร้อมกัน ก็ยากนะ คือต้องสอนศิลปินให้รู้จักสังเกต และสอนนักวิทยาศาสตร์ให้วาดรูปเป็น"
ส่วนหนึ่งของเครือข่ายวิทย์สานศิลป์และผู้ส่งผลงานเพื่อร่วมจัดแสดงงาน Botanical Art Worldwide 2025
อบรมการวาดภาพทางวิทยาศาสตร์มาหลายปีมีความเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาอย่างไรบ้าง
สมัยเราเรียนวิชานี้ที่ต่างประเทศก็เป็นวิชาเลือกเรียกว่า Biological lllustration เขาจะสอนเทคนิค เช่น หมึก สีน้ำ ดินสอ ทำอย่างไร แล้วอีกครึ่งหนึ่งเป็นการวาดพืช สัตว์
หอย ฟอสซิล ซึ่งเปิดมุมมองเราว่า Scientif ic Illustration มีขอบข่ายกว้างขวาง เทคนิคหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแสดงหรือบอกอะไร เช่น ถ้าจะวาดแคนตาลูปหลาย ๆ พันธุ์ ควรใช้สีน้ำไหม เพราะเนื้อคนละสี ผิวคนละสี ถ้าวาดขาวดำคงไม่เห็น แต่หากวาดผลเงาะให้เห็นเป็นขน ๆ ก็ควรวาดลายเส้น
หลักสูตรที่เราสอนก็เริ่มต้นด้วยเทคนิคเหมือนกัน คือใช้ปากกา ดินสอ สีน้ำ ตอนเราเรียนที่เมืองนอก วันแรกอาจารย์ให้วาดลูกสนเลย ซึ่งยากมาก เพราะมีรูปแบบเฉพาะ ไม่ใช่เราอยากวาดกลีบ (ศัพท์พฤกษศาสตร์คือ ovuliferous scale) ตรงไหนก็ได้ มันต้องเรียงเป็นบันไดเวียน นี่คือบทเรียนแรกที่อยากให้รู้ว่า ภาพวาดวิทยาศาสตร์
ต่างจากภาพอื่น ๆ ที่เมืองไทยตอนเริ่มเปิดวิชาสอน หาลูกสนยาก ก็ใช้สับปะรดแทน ยากเข้าไปอีก แต่พอดูภาพเราจะบอกว่าตรงไหนเบี้ยวได้ง่าย เรียนวาดสับปะรดอยู่หลายปีกระทั่งเราได้ลูกสน ก็ให้วาดลูกสน ตอนหลังเปลี่ยนมาวาดแค่มะเขือเทศธรรมดา เพื่อไม่ให้นักศึกษาหรือคนเรียนถอดใจ ปรับเวลาอบรมจาก ๕ วันเป็น ๔ วัน แล้วก็ ๓ วัน เพิ่มเรื่องสเกตช์ภาพด้วย พยายามปรับรูปแบบการสอนให้คนรุ่นใหม่ไม่เบื่อ
ถ้าไม่นับเรื่องเทคนิคการวาด คิดว่านักศึกษาได้อะไรจากการเรียนวาดภาพพฤกษศาสตร์
ได้พักผ่อน ปัจจุบันชีวิตนักศึกษาอาจเครียดนิดหนึ่ง วิชานี้ช่วยให้เขาได้เปลี่ยนโหมดจากวิชาการมาปลดปล่อยตัวเองในอีกแบบ เขาจะเห็นว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่เขาต้องสังเกต ถ้าเป็นนักศึกษาพฤกษศาสตร์จะมีวิชาสัณฐานวิทยา (Morphology) หรืออนุกรมวิธาน (Taxonomy) ในเทอมแรก ๆ ซึ่งต้องรู้จักโครงสร้างของพืช ถ้าหากเขาวาดรูปเก็บไว้ดูเป็นตัวอย่าง จะได้ใช้ทบทวนความรู้ก่อนสอบหรือเปล่า ทำให้เขาสังเกตมากขึ้น อย่างวาดใบไม้สีทอง (ย่านดาโอ๊ะ) คนดูทั่วไปก็เห็นแค่ใบที่เหมือนแยกเป็นสองพู แต่ถ้าเราสังเกต อุ๊ย มีติ่งตรงปลายใบที่คอดเข้าหากันด้วยนะ หรือกะทกรก หลังใบจะมีต่อมสองต่อม คนวาดภาพพฤกษศาสตร์จะได้เรื่องการสังเกตมากขึ้น
นิยามตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์กี่เปอร์เซ็นต์และเป็นศิลปินกี่เปอร์เซ็นต์
เป็นนักวิทยาศาสตร์มากกว่า (หัวเราะ) ศิลปินน้อยกว่า สัก ๗๐-๓๐ ทว่าคนรู้จักเราในส่วน ๓๐ มากกว่าจริง ๆ ถนัดเรื่องพฤกษศาสตร์ เพียงแต่รู้ว่าภาพวาดอย่างนี้สวย อย่างนี้ไม่สวย ซึ่งเราวาดเองอาจไม่สวยขนาดนั้น
ส่วนที่เป็นศิลปิน ๓๐ ส่วน ช่วยอะไรในชีวิตเราบ้าง
มีความสุขกับการดูสิ่งสวย ๆ งาม ๆ อย่างดอกไม้ และชอบวาดรูปมาก อยากอยู่บ้านวาดรูป รู้สึกว่าได้ผ่อนคลาย ตอนวาดภาพลูกเนียงส่งเข้าร่วมงานปีนี้เป็นช่วงที่มีความสุขกว่าตอนทำงานปรกติ แล้วลูกเนียงไม่ใช่หาง่าย ๆ ในตลาดมีเป็นเม็ด ไม่มีฝัก พอดีรู้จักพี่ที่เป็นนักพฤกษศาสตร์ซึ่งบ้านอยู่พัทลุง ให้เขาช่วยส่งมาทั้งฝัก ต้องห่อมาอย่างดี เพราะฝักเวียนเป็นขั้นบันได มันหักง่าย
ที่บ้านมีสายเลือดศิลปินเหมือนกัน คือคุณปู่ชื่อ ชั้น โฉมเฉลา เป็นคนวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระแก้ว ช่องที่ ๗ โชคดีตอนซ่อมภาพเขายังเก็บชื่อคุณปู่ไว้ คุณปู่สร้างวัด แล้วก็ทำปูนปั้นตามชายคาโบสถ์วัด เป็นช่างสิบหมู่ จบโรงเรียนเพาะช่างรุ่นที่ ๑ เรื่องคุณปู่เราเพิ่งรู้ไม่นาน ไม่มีโอกาสเห็นท่านตอนทำงาน
"วิทย์กับศิลป์ต้องไปด้วยกัน ส่วนคนทำศิลปะใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย บางคนรู้จักต้นไม้บางชนิดมากกว่านักวิทยาศาสตร์อีก"
บางคนมองว่านักวิทยาศาสตร์เป็นคนไม่มีศิลปะ
คิดว่าต้องไปด้วยกัน อย่างไอน์สไตน์ยังเล่นไวโอลินเก่งเลย ชาร์ลส์ ดาร์วิน วาดรูปไม่เก่ง แต่ก็ต้องสเกตช์ภาพนก เพราะรูปวาดช่วยสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจสิ่งที่เราต้องการบอก เราต้องวาดได้ประมาณหนึ่ง แม้จะไม่สวย แต่ต้องให้ศิลปินนำไปสื่อสารต่อได้ ฉะนั้นการรู้ทั้งศิลป์ ทั้งวิทย์จึงเป็นเรื่องดี ช่วยให้เราทำงานได้หลากหลาย นักวิทยาศาสตร์ทุกคนไม่ใช่จะวาดรูปไม่ได้เลย หมอบางคนส่งรูปเข้าร่วมงาน วาดสวยมาก เพียงแต่บ้านเราอาจคิดว่าเป็นเรื่องตรงข้ามกัน ตอนเรียนก็แบ่งว่าคนนี้ต้องเรียนสายวิทย์ คนนี้ต้องเรียนสายศิลป์ ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้น
นึกถึงตัวเราเองตอนสมัยมัธยมฯ เป็นคนชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ถามพ่อว่าเลือกสายวิทย์หรือสายศิลป์ดี พ่อ (ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา) เรียนมาทางเกษตร-พันธุศาสตร์-พฤกษศาสตร์ บอกเราว่าทำงานศิลปะเป็นงานอดิเรกได้ แต่วิทยาศาสตร์ต้องมีอาจารย์สอน ก็เลยเรียนวิทยาศาสตร์ พอชีวิตเดินทางมาถึงตอนนี้รู้สึกว่าใช่แล้วที่เราชอบวิทยาศาสตร์ แต่เราก็ชอบทำงานศิลปะด้วย ถ้าชอบทำอะไร ชีวิตก็จะพาเราไปตรงนั้นเสมอ ดีใจที่ตัวเองมาเจอศิลปะในวิทยาศาสตร์ และคิดว่าคนที่เรียนศิลปะหรือเรียนสายศิลป์ ถ้าตอนหลังจะมาทำความเข้าใจวิทยาศาสตร์ก็ไม่เห็นแปลกสมัยนี้มีเรื่องสนุกให้เรียนตลอดชีวิต
ในวิทยาศาสตร์เองก็มีความสวยงามอยู่มากมาย มองใบไม้ดอกไม้ เราเห็นความสวยความงามของมัน ถึงได้ชอบเรียน ตอนเรียนกับอาจารย์ที่สอน Taxonomy พาเราไปส่องกล้องสองตา อาจารย์ก็ร้อง ว้าย สวยจังเลย มาดูเร็ว นี่มีดอกเล็ก ๆ บานอยู่ตรงกลาง ถ้าเจอนักวิทยาศาสตร์แบบนี้ก็น่าเรียนด้วย ทำให้เกิด passion เพราะฉะนั้นวิทย์กับศิลป์ต้องไปด้วยกัน ส่วนคนทำศิลปะใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย บางคนรู้จักต้นไม้บางชนิดมากกว่านักวิทยาศาสตร์อีก
นักวาดภาพคนไทยจะทำงานนี้เป็นอาชีพได้ไหม
เคยมีนักพฤกษศาสตร์ต่างประเทศติดต่อมาว่ามีคนวาดรูปให้ไหม ถ้ามีเวลาว่างก็อยากรวมศิลปินทำเป็นแบบ Pinterest เพื่อให้ศิลปินได้โชว์ผลงานออนไลน์ แล้วก็มีช่องทางติดต่อ เชื่อว่าเราสามารถรับงานได้จากทั่วโลก ตอนนี้มีศิลปินไทยสองสามคนที่วาดรูปสวยแล้วขายได้ระดับนานาชาติ มีอาชีพวาดรูปพฤกษศาสตร์ก็มี
นักวาดภาพพฤกษศาสตร์ที่เป็นไอดอลของตัวเองคือใคร
อาจารย์ของเรา ชื่อ Marion Sheehan เดิมเป็นนักพฤกษศาสตร์แล้วมาสอนวิชา Biological Illustration วาดภาพกล้วยไม้เป็นหลัก นอกจากนั้นยังสอนวิชาการจัดการร้านดอกไม้ ตอนเราจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ พบว่า University of Florida เปิดสอนสองวิชานี้ เลยเลือกเรียนที่นี่ (หัวเราะ) แล้วอาจารย์ Marion Sheehan เป็นผู้สอนด้วย ทุกวันนี้เรายังอาศัยหนังสือ Scientif ic Illustration (The Guild Handbook of Scientif ic Illustration) ซึ่งมีเรื่อง Botanical Art ของอาจารย์เป็นตำราช่วยสอน อาจารย์มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและในวงการกล้วยไม้ทั่วโลก หนังสือ An Illustrated Survey of Orchid Genera ซึ่งสามีอาจารย์ (Dr. Tom Sheehan) เขียนเนื้อหา และอาจารย์วาดรูป กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเอกชัย อ๊อดอำไพ อยากวาดรูปกล้วยไม้ จนมาทำงานร่วมกับอาจารย์อบฉันท์ รู้สึกว่าเรื่องราวส่งต่อกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อะไรคือความน่าสนใจของพืชที่ช่วยให้เราทำงานมาได้นานถึงวันนี้
มีเรื่องให้มหัศจรรย์ได้เรื่อย ๆ เลยนะ อย่างตอนนี้อ่านหนังสืองานวิจัยเฉพาะเรื่องพืชของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน หลายคนอาจไม่รู้ว่าหลังจากเขียนเล่ม The Origin of Species ดาร์วินทำวิจัยเรื่องพืชมาตลอด แต่คนมักนึกถึงดาร์วินในเรื่องของสัตว์ เล่มนี้เขาเล่าเรื่องแปลก ๆ หลายอย่าง อย่างไปเจอพืชหลายชนิดที่ในชนิดเดียวกันมีดอกสองแบบ แบบหนึ่งเกสรเพศผู้สั้น เกสรเพศเมียยาว กับแบบเกสรเพศผู้ยาว เกสรเพศเมียสั้น บางชนิดสองแบบนี้ผสมกันได้ บางชนิดผสมได้กับแบบเดียวกัน คือ เฮ้ย แปลกเรื่องต้นไม้ถ้าเปิดไถ ๆ จอมือถือในเฟซบุ๊กก็มีอะไรใหม่ ๆ ให้เราว้าวได้ทุกวัน มันสนุกตรงนี้