Image

ศันสนีย์ ดีกระจ่าง
เส้นทางสู่อาชีพ Botanical Illustrator 
นักวาดภาพพฤกษศาสตร์ระดับโลก

INTERVIEW

สัมภาษณ์ : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล

“เราจำกัดความตัวเองว่าไม่ใช่ศิลปิน เป็นนักเล่าเรื่องมากกว่าหน้าที่ของนักวาดภาพพฤกษศาสตร์คือบอกเล่า เรื่องราวของสปีชีส์และต้นไม้ โดยใช้ฝีมือวาดภาพของเรา”

ศันสนีย์ ดีกระจ่าง หรือแอน จบการศึกษาจากคณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาประยุกตศิลปศึกษา สาขาภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หลังเรียนจบเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งและลาออกมา

ด้วยความสนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสรรพชีวิต ไม่ว่าดอกไม้ ใบไม้ ใบหญ้า พืชพรรณนานาตามประสาคนที่เติบโตมาแถบบ้านสวนสมุทรสาคร  ในปี ๒๕๕๓ เธอตัดสินใจทิ้งงานประจำแล้วทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจมากที่สุดคือการวาดภาพพฤกษศาสตร์

ศันสนีย์มองหาโอกาสด้วยการค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เข้าร่วมนิทรรศการและงานประกวดในต่างประเทศ แม้ช่วงแรกจะมีอุปสรรคด้านภาษา ต้องให้เพื่อนช่วยแปลใบสมัครให้ แต่หลังจากฝึกฝนเพิ่มเติมทั้งภาษาและเทคนิคการวาดภาพก็เริ่มส่งผลงานไปตามเวทีต่าง ๆ

ในปี ๒๕๕๕ ศันสนีย์ส่งผลงานไปที่ Focus on Nature นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้รับการตอบรับเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงส่งไปอีกสามรายการติดต่อกัน ได้แก่ The Royal Horticultural Society (RHS) สหราชอาณาจักร, Margaret Flockton Award ออสเตรเลีย และ The Royal Botanic Garden Edinburgh (RBGE) สกอตแลนด์ และคว้ารางวัลเหรียญเงินจาก RHS และ RBGE จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ  ภาพวาดซึ่งจัดแสดงที่ Margaret Flockton Award ในปีนั้น ยังทำให้ได้พบกับผู้ว่าจ้างงานเขียนภาพครั้งแรก ช่วยสร้างขวัญกำลังใจและกรุยทางให้เธอได้รับงานเขียนภาพเพื่อประกอบงานวิจัยของนักพฤกษศาสตร์ต่างชาติ ได้ค่าตอบแทนมากพอเป็นทุนก้าวต่อในเส้นทางที่ฝัน จนตัดสินใจไปปักหลักทำงานวาดภาพอย่างจริงจังที่สกอตแลนด์

ศันสนีย์เล่าว่าหลังเข้าร่วมเวทีแรกก็เข้ารอบจัดแสดงและได้รับรางวัลต่าง ๆ มาตลอด  ในปี ๒๕๕๙ สมาคมพฤกษศาสตร์แห่งประเทศอังกฤษ หรือ RHS กำหนด หัวข้อ “Tropical Climate Plants” เธอส่งผลงานเข้าร่วมอีกครั้ง และคว้ารางวัลเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ

แม้ชีวิตนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ในต่างแดนจะมีเรื่องต้องต่อสู้ฟันฝ่ามากมาย รายได้ก็ไม่มากถึงขั้นทำให้ใครเป็นเศรษฐี และไม่ได้รับประกันว่าจะมีงานต่อเนื่องบางครั้งต้องรับงานเสริม เช่น เปิดสอนวาดภาพ แต่เธอยังยืนยันในอาชีพที่ตัวเองรัก มุ่งมั่นทำงานอย่างสม่ำเสมอจนเป็นนักวาดภาพพฤกษศาสตร์หญิงไทยที่ได้รับการยอมรับในคุณภาพผลงานระดับโลก

Image

Pinus merkusii jungh. & de Vriese

ช่วยบอกความแตกต่างของภาพวาดทั่วไปกับภาพวาดพฤกษศาสตร์

ภาพวาดทั่วไปของต้นไม้อาจมีผล ลูก ใบสวยงามแต่ภาพวาดพฤกษศาสตร์จะอธิบายหลักการต่าง ๆ ทางพฤกษศาสตร์ เช่น การงอก การผลิใบ  ยกตัวอย่างต้นสนสองใบ (Pinus merkusii) ผลทั้งสองผลที่วาดตรงมุมขวาล่างบ่งบอกว่าเวลาโดนน้ำหรือไอเค็มจากทะเลฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ผลจะบีบรัดเพื่อรักษาเมล็ดไว้ แต่พออากาศแห้งจะกางออกเพื่อปล่อยเมล็ดที่เหมือนปีกแมลงปอให้ปลิวไปขยายพันธุ์

ภาพวาดพฤกษศาสตร์จะอธิบายว่าลักษณะของผลเป็นอย่างไร งอกแล้วเป็นแบบไหน  หรือแม้แต่ลักษณะลำต้นที่ขึ้นอยู่บริเวณเนินเขาค่อนข้างเหยียดตรง ก็ถือเป็นบันทึกทางพฤกษศาสตร์อย่างหนึ่งว่า ต้นนี้ขึ้นอยู่ตำแหน่งใด ซึ่งวันข้างหน้าอาจสาบสูญจากไฟป่า ภาวะโลกร้อน หรือความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ แต่ภาพวาดพฤกษศาสตร์จะอธิบายได้ว่าต้นนี้เคยเป็นอยู่อย่างไร

ภาพวาดทั่วไปอาจแสดงรายละเอียดถูกต้องก็ได้ แต่ภาพพฤกษศาสตร์ตามหลักการที่สวนพฤกษศาสตร์ทั่วโลกใช้จะเรียกว่า botanical illustration ซึ่งการใช้งานจะคนละประเภทกัน

อยากให้อธิบายขั้นตอนทำงานของนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ในต่างประเทศ

โดยทั่วไปงานวาดภาพของเราจะแบ่งเป็นสองประเภท คือ วาดให้ collector หรือนักสะสม ซึ่งเขาจะให้โจทย์มา ยกตัวอย่างภาพมุมสูงของต้นกระบองเพชร (Gymnocalycium friedrichii) เจ้าของภาพรู้สึกว่ากระบองเพชรต้นนี้คอยให้กำลังใจสนับสนุน ช่วยให้ผ่อนคลาย รู้สึกผูกพันกับต้นนี้มากก็เลยมาขอให้เราวาด

อีกประเภทคือวาดให้นักพฤกษศาสตร์ประกอบรายงานวิจัยด้านอนุกรมวิธาน ว่าค้นพบพืชชนิดใหม่ที่ตำแหน่งนี้ ละติจูด-ลองจิจูดนี้ เขาจะส่งไฟล์รูปมาให้เราดูเยอะมาก เป็นภาพถ่ายประกอบการวาดว่าสปีชีส์นี้หน้าตาเป็นอย่างไรหน้าที่ของเราต้องนำข้อมูลทั้งตัวอักษรและรูปถ่ายมาแกะเป็นภาพวาด

สิ่งสำคัญคือต้องวาดให้เข้ากับคำอธิบายหรือคำบรรยาย (description) ที่นักพฤกษศาสตร์เขียนไว้ ถ้าบางทีตัวอย่างที่เราเห็นไม่ตรงกับคำบรรยาย ก็ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าตัวอย่างที่เราได้มาอาจไม่สมบูรณ์

จะเห็นว่านักวาดภาพพฤกษศาสตร์ไม่ใช่แค่นั่งวาดภาพอย่างเดียว ต้องอ่าน ค้นคว้า  สมมุติได้ต้นไม้ตัวอย่างมาเป็นสนสองใบ ก็ต้องไปหาข้อมูลในห้องสมุดที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นห้องสมุดพฤกษศาสตร์ในต่างประเทศ เช่นที่คิวการ์เดนส์ (Kew Gardens) แล้วอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับอนุกรมวิธาน

ปรกติคนเราจะระบายเปลือกต้นไม้สีน้ำตาล แต่เปลือกต้นสนสองใบเป็นสีเทา เราก็ต้องวาดสีตามนั้น ผลเป็นสี golden brown แต่ได้ตัวอย่างมาสีดำคล้ำ แล้วในคำอธิบายเขียนว่า golden brown ก็ต้องวาดให้เป็น golden brown ซึ่งขั้นตอนศึกษาค้นคว้าใช้เวลาไม่น้อยกว่าการวาดเลย

งานที่ได้รับมอบหมายจากนักพฤกษศาสตร์ยากที่สุดแต่หากทำงานเข้าขากันก็จะเหมือนคนพูดเรื่องเดียวกัน

Image

Gymnocalycium friedrichii LB2178

เวลาที่ใช้วาดภาพหนึ่งภาพนานแค่ไหน

ยกตัวอย่างภาพสนสองใบเราใช้เวลาวาด ๑ เดือน แต่ศึกษาค้นคว้า ๒ เดือน ตอนนั้นวาดเพราะเป็นกรรมการตัดสินภาพวาดที่สิงคโปร์ แล้วต้องมีบอร์ดแสดงงานของกรรมการให้ผู้เข้าร่วมงานชม หรืออย่างกรณีต้นกล็อบบา (Globba janae) ในสกุลต้นเข้าพรรษา กว่าจะได้มาก็ใช้เวลามากกว่า ๒ เดือน  ภาพขาวดำเราวาดแค่ ๑๕ วัน แต่โทรศัพท์คุยรายละเอียดกับนักพฤกษศาสตร์นาน ๒ เดือน

สิ่งที่คนวาดต้องทำคือ หนึ่ง ขอรูปถ่ายทั้งหมด  สอง ขอเอกสารคำอธิบายที่เขาจะตีพิมพ์ ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เราจะใช้เวลาอ่านประมาณ ๒ สัปดาห์แล้วตั้งคำถามกลับไป เมื่อได้คำตอบว่าสิ่งไหนเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อน ก็หมายเหตุว่าจะปรับแก้ ส่งภาพสเกตช์ตัวอย่างไปให้นักพฤกษศาสตร์ดูว่าถูกต้องไหม ข้อต่อของมันเป็นอย่างไร ขึ้นช่อแบบบันไดวนหรือทแยงออกซ้ายขวา

อีกต้นหนึ่งชื่อปรงฟ้าออสเตรเลีย (Cycas cairnsiana) ผู้อนุเคราะห์ตัวอย่างพืชและให้เยี่ยมชมต้นจริง พร้อมส่งตัวอย่างพืชมาให้อย่างต่อเนื่อง เป็นคนไทยอยู่แถวโชคชัย ๔ ปรงฟ้าออสเตรเลียเป็นพืชที่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ มีลักษณะขึ้นวงใบเป็นวงล้อมคล้ายฟันปลา หนึ่งวงล้อมคือหนึ่งมงกุฎ การวาดต้องอาศัยหลักฟีโบนักชี (Fibonacci) คล้ายตาสับปะรด ว่าใบออกมาจากตำแหน่งไหน  หนึ่งใบมีหนึ่งก้าน สองด้านมากกว่า ๖๐ ใบ  ภาพนี้มีรายละเอียดมาก ต้นที่วาดเป็นเพศเมีย ส่วนขยายด้านล่างก็ต้องวาดให้เป็นเพศเมีย ค่อย ๆ วาดทีละใบ ๆ เป็นหมื่นใบกว่าจะเสร็จใช้เวลา ๒ ปี ต้องทำความเข้าใจและคิดถึงต้นไม้ที่จะวาดทุกขณะจิต

สำหรับวัสดุที่ใช้วาดขนาด ๖๐ x ๘๐ เซนติเมตร เราไปศึกษาการวาดภาพบนฝาผนังที่วัดพระแก้ว ทดลองทำกระดานมูรัลบอร์ด (mural board) ที่จะใช้ระบายสีน้ำได้อยู่ ๒ ปีครึ่ง  มูรัลบอร์ดเป็นเลเยอร์บาง ๆ ของกระดาษลักษณะเหมือนทิชชูทับกันแปดชั้น เราปรับปรุงจนมันรับสีน้ำได้ แล้วเขียนภาพนี้ต่ออีก ๒ ปี เป็นเทคนิคที่คิดขึ้นเอง มั่นใจว่ายังไม่มีใครทำในโลกนี้

นักวาดแต่ละคนมีวิธีทำงานต่างกัน บางคนอาจวาดภาพแยกเป็นส่วน ๆ เสร็จแล้วมาจัดเรียงบนกระดาษแผ่นเดียวแล้ววาดใหม่ แต่เราชอบจัดองค์ประกอบให้อยู่บนแผ่นเดียว ตั้งแต่แรก คิดว่ามันสบายตา ดูเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมากกว่า

Cycas cairnsiana (เจ้าของภาพ Dr. Shirley Sherwood, Shirley Sherwood Collection, Kew Gardens ประเทศอังกฤษ)

Image

“เขาคิดแบบวิทย์ เราคิดแบบอาร์ต
เมื่อวิทย์กับอาร์ตมาเจอกัน หน้าที่เราทำอย่างไรให้มันอยู่ด้วยกันได้”

Image

Cycas siamensis

การทำงานร่วมกับนักพฤกษศาสตร์
มีความท้าทายอย่างไร

ถ้าเป็นไปได้ส่วนใหญ่จะขอเข้าป่ากับนักพฤกษศาสตร์เก็บตัวอย่างเพื่อดูลักษณะการเกิด การดำรงอยู่ เพราะบางทีนักพฤกษศาสตร์กำหนดมาว่าต้องการแสดงถิ่นที่อยู่ ยกตัวอย่างต้นนี้เกาะก้อนหินไหม ขึ้นบนพื้นดินหรือเปล่า หรืออยู่ริมน้ำตกก็ต้องวาดลงไปในภาพ

อย่างภาพต้นกล็อบบา นักพฤกษศาสตร์น่าจะเก็บตัวอย่างมาจากประเทศลาว เราไม่ได้ไปด้วย ดังนั้นต้องคุยทุกอย่างเกี่ยวกับต้นนี้ ใบขึ้นอย่างไร หันใบแบบไหนทำมุมขนานพื้นโลกหรือเปล่า ต้องลงรายละเอียดถึงระดับองศา คุยกันแทบทุกวันกว่าจะได้หนึ่งภาพ เช่นเราถามเรื่องหนามของผลว่าแหลมเหมือนหนามลิ้นจี่หรือเปล่า หรือแหลมแบบไหน ถ้าเขาบอกว่าใช่ ก็ซื้อลิ้นจี่มาดู เทียบเคียงกับรูปภาพที่เขาให้ สเกตช์แล้วส่งกลับไปว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม

อีกหัวข้อหนึ่งที่เราคุยกับนักพฤกษศาสตร์คือลำดับการบานของดอก ซึ่งคนวาดจะต้องวาดให้ถูกต้อง ลักษณะพิเศษของกล็อบบาคือมีช่อยกขึ้นมา มีผล มีดอก แล้วกลับมามีดอกเตรียมบานที่ข้อแรกอีก  นักพฤกษศาสตร์จะดูออกว่าลำดับการบานของดอกนี้ต้องอยู่ในตำแหน่งที่ ๓ นะ และต้องเริ่มกระบวนการบานใหม่ในตำแหน่งที่ ๔ ที่ ๕ ไล่ไป

ต้องส่งให้เขาดูเป็นขั้น ๆ หรือดูตอนสุดท้ายทีเดียว

เราส่งทุกวัน ถ่ายรูปให้ดูว่าที่วาดวันนี้เป็นอย่างไร ส่วนนี้ถึงนี่แล้วนะ จุดนี้ถูกต้องไหม รีเช็ก ดับเบิลเช็ก เพื่อให้ทุกอย่างเข้าใจตรงกัน  ยกตัวอย่างใบที่เป็นขนอ่อน ๆ ปกคลุม เราใช้เทคนิคการ stripping เป็นจุด ๆ ส่งให้เขาดูว่าจุดแบบนี้จะเกิดผลกระทบแบบไหน เขาต้องจินตนาการไปพร้อมเราว่าจุดแล้วจะเหมือนกำมะหยี่ ดูเหมือนมีขนปกคลุม หากเขาตกลงก็จะวาดตามนี้

บางคนอาจบอกเป็นงานน่าเบื่อ ถูกควบคุมโดยนักพฤกษศาสตร์ แต่เราว่าสนุกนะ เพราะเขาคิดแบบวิทย์ เราคิดแบบอาร์ต เมื่อวิทย์กับอาร์ตมาเจอกัน หน้าที่เราทำอย่างไรให้มันอยู่ด้วยกันได้

หัวใจสำคัญของนักวาดภาพพฤกษศาสตร์คืออะไร

เราจำกัดความตัวเองว่าไม่ใช่ศิลปิน เป็นนักเล่าเรื่องมากกว่า  หน้าที่ของนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ (botanical illustrator) คือบอกเล่าเรื่องราวของสปีชีส์และต้นไม้ โดยใช้ฝีมือวาดภาพของเรา

นักพฤกษศาสตร์มองทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ หน้าที่เราตีความวิทยาศาสตร์ให้เป็นศิลปะ ออกมาเป็นภาพวาดซึ่งมีความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์และหลักพฤกษศาสตร์ด้วย

Image

Globba janae

Image

Pinus sylvestris 

เริ่มเข้าสู่วงการนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ได้อย่างไร

เราเป็นคนสมุทรสาคร นึกสภาพครอบครัวคนไทยสมัยก่อนแถบกระทุ่มแบน บ้านแพ้ว  ตอนเด็ก ๆ อยู่กับปู่ย่า ท่านมีที่นาที่สวนและสวนผลไม้ มีบ้านญาติอยู่ใกล้ ๆ เราโตมาแบบนั้น

สมัยเด็ก ๆ ไม่มีอะไรให้เล่นก็หั่นดอกชบาใส่ในน้ำ ดูมันปล่อยสีออกมา  ของเล่นอยู่ในสวน ไม่ว่าดอกชบา ดอกข้าวสาร ปลากริม ปลาเข็ม ชีวิตบ้านสวนมีอะไรให้สำรวจทุกวัน เลยรู้สึกชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก วาดนั่นวาดนี่ไปเรื่อย จนเรียนจบ ม. ๓

พ่อทำงานเป็นทหารเรือ รุ่นลูกของปู่จะเป็นสายทหารสายข้าราชการกันหมด เราค่อนข้างผ่าเหล่าผ่ากอ  พอจบ ม. ๓ ไปเรียนวิทยาลัยช่างศิลป กรมศิลปากร เลยออกจากบ้านตั้งแต่อายุ ๑๔-๑๕ มาอยู่หอที่ลาดกระบัง  โดยทั่วไปเด็กช่างศิลปจะได้รับอิสระเยอะ ถ้าไม่ดำรงตัวดี ๆ อยู่ในสิ่งที่เป็นก็จะหลุดไปเลยหลังเรียนจบช่างศิลปสอบเอนทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยศิลปากร เลือกเรียนสายภาพพิมพ์ ความชอบวาด ชอบสเกตช์ภาพยังอยู่ในใจเสมอมา  ช่วงปี ๒๕๔๔ การเรียนสายนี้แทบไม่มีใครรู้จักนะ ถ้าจำไม่ผิดอาจารย์พันธุ์ศักดิ์ จักกะพาก ออกหนังสือชื่อ Beauty in Bloom ชอบงานอาจารย์มาก แต่ก็ไม่ใช่แนวทางที่เราต้องการ  ไปเห็นสารานุกรมต่างประเทศถึงรู้ว่าตัวเองชอบงานแนว botanical illustration ชอบมาเรื่อย ๆ จนอายุ ๒๙-๓๐ ปี ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ หาทางทำงานที่ได้วาดภาพพฤกษศาสตร์

คนที่บ้านตั้งคำถามว่าจะออกจากงานประจำทำไม เราจะทำได้เหรอ  ตั้งใจว่าจะใช้เวลา ๒ ปีฝึกฝน ยื่นใบสมัครไปแสดงผลงานในต่างประเทศ ไม่รู้มาก่อนว่าต้องทำอย่างไร ประมาณปี ๒๕๕๒-๒๕๕๓ โทรศัพท์มือถือยังเป็นแบบฝาเปิด เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ จะเข้าเว็บไซต์ต้องไปร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่  ตอนนั้นเรามีเงินเก็บตัวเองอยู่ก้อนหนึ่ง มีเวลาแค่ ๒ ปีจะพลาดไม่ได้ เลยวางแผนว่าวันหนึ่งจะใช้เงินเท่าไร จะต้องยื่นผลงานที่แสดงมาตรฐานฝีมือของเราไปสมัคร (submission) และต้องไปแสดงงานในต่างประเทศด้วย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ

สมัยก่อนผลตอบรับเป็นจดหมายจริง ๆ ฉีกซองดูว่าได้หรือไม่  ปี ๒๕๕๕ ได้โอกาสแรกจากนิทรรศการ Focus on Nature ที่ The New York State Museum สหรัฐอเมริกา  ต่อมาปีเดียวกันก็ได้รับจดหมายตอบรับจาก The Royal Horticultural Society หรือสมาคมพฤกษศาสตร์หลวงแห่งสหราชอาณาจักร

คิดว่าอะไรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้เราก้าวมาถึงจุดนี้ 

เราไปจัดแสดงผลงานที่ลอนดอนครั้งแรกได้เหรียญเงิน ปีต่อมา (ปี ๒๕๕๖) ได้เหรียญเงินจากที่เดียวกัน พอปี ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๙ ก็ได้รางวัลเหรียญทอง  บางคนคิดว่าการได้เหรียญทองเพราะเราไปล่ารางวัล กระหายรางวัลเหรอ บอกเลยว่าไม่ใช่ อยากให้คิดถึงบริบทตอนนั้นว่างานวาดภาพพฤกษศิลป์ในเมืองไทยไม่มีใครสนใจการประกวดโน่นนี่ไปทั่วจึงเป็นเป้าหมายของเราว่าต้องไปต่างประเทศเพื่อให้มีคนจ้าง

อีกอย่างเป็นการทำงานที่ได้เป็นตัวของเรา นำเสนอพืชที่เราชอบหรือวัตถุที่เราสนใจโดยไม่มีนักพฤกษศาสตร์มาจำกัด เป็นการพิสูจน์ว่าเราจะดึงดูดคนดูภาพวาดพฤกษศาสตร์ได้มากน้อยแค่ไหน  เหรียญรางวัลคือผลพลอยได้ แต่สิ่งที่ตามมาคืออาชีพ

เราจะดีใจกับรางวัลแค่ไม่กี่นาที จากนั้นจะมุ่งไปยังงานชิ้นต่อไป ฉะนั้นสาเหตุที่ประกวดคือ หนึ่ง อยากให้คนรู้จัก  สอง มีคนจ้างงาน  สาม มีคนเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น คือนักวาดภาพพฤกษศาสตร์

สิ่งสำคัญจากการประกวดคือคำวิจารณ์จากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ บางคนชมตามมารยาท บางคนชมเพราะไม่อยากวิจารณ์เยอะ แต่ถ้าเจอกรรมการวิจารณ์แบบสับเละนั่นแหละที่เราต้องการ  ถ้างานเราไม่ดีก็ตายอยู่ตรงหน้างานของตัวเอง แต่เขาวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ ต่อให้ได้เหรียญรางวัลเขาก็วิจารณ์  ศิลปินบางคนที่มีอีโก้สูงจัด ๆ อาจรับไม่ได้ แต่ถ้าเราเลือกหยิบคำวิจารณ์มาปรับปรุงงานเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชอบประกวดอยู่ช่วงหนึ่งเพราะรู้สึกว่าคำวิจารณ์นั้นสำคัญกว่าสิ่งใด

“เขาวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ ต่อให้ได้เหรียญรางวัล เขาก็วิจารณ์ ศิลปินบางคนที่มีอีโก้สูงจัดๆ อาจรับไม่ได้แต่ถ้าเราเลือกหยิบคำวิจารณ์มาปรับปรุงงานเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ”

Image

Cyrtostachys renda

บรรยากาศการจัดแสดงผลงาน รวมถึงเวทีประกวดในต่างประเทศเป็นอย่างไร

ระบบการประกวดของต่างประเทศจะให้เราส่งผลงานเก่าและยื่นหัวข้อว่าจะแสดงเรื่องอะไร แล้วจะมีคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณา โดยเรายังไม่ต้องส่งผลงานจริงไปนะ เขาไม่ได้เลือกจากเหรียญรางวัลที่เคยได้รับ แต่ดูมาตรฐานการวาดว่าฝีมือประมาณไหน รวมถึง subject หมายถึงชนิดของต้นไม้ที่จะส่งมาแสดง  สมมุติมีคนบอกจะส่งภาพวาดทิวลิป จะเป็นส่วนดอกหรือต้นก็ตาม เมื่อต้องมาเปรียบเทียบกับปาล์มเขตร้อน (tropical palm) คุณคิดว่าคนต้องการดูแบบไหน ส่วนใหญ่เลือกปาล์ม เพราะทิวลิปมีดาษดื่น  เมื่อเราเกิดเขตร้อน ก็ส่งพืชเมืองร้อนไปเมืองหนาว คนไม่เคยเห็นจะตื่นตาตื่นใจ เหมือนจะเลือกศิลปินนักร้อง คนหนึ่งเห็นบ่อยแล้ว อีกคนเป็นวงออร์เคสตรา เอาออร์เคสตราดีกว่าเพื่อให้เกิดความหลากหลาย

ทางผู้จัดจะเตรียมพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมหนึ่งพาเนล (panel) สำหรับนำเสนอผลงานไม่ต่ำกว่าหกชิ้น เราต้องทำให้พาเนลขนาดประมาณ ๖ เมตรนี้อลังการที่สุด  ในการประกวดแต่ละครั้งเราวางแผนเยอะ ทั้งกลยุทธ์ เทคนิค ขนาดภาพ วิเคราะห์ว่าควรนำเสนอสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และคนที่นั่นไม่ค่อยเห็นบ่อย ๆ เพื่อจะได้เข้าร่วมและได้รางวัล  หลังจากติดตั้งผลงานเสร็จ เขาจะกันคนวาดออกไป จากนั้นให้กรรมการใส่ชุดเหมือน แฮร์รี พอตเตอร์ เข้าในห้องจัดแสดงผลงาน ตัดสินเสร็จแล้วยังไม่ประกาศ แต่จะติดเหรียญรางวัลที่ภาพ คนวาดจะรู้ว่าตัวเองได้รางวัลหรือไม่คือรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเปิดงาน ที่สกอตแลนด์หรือลอนดอนก็ใช้หลักการเดียวกัน

ไม่ว่าประกวดที่ไหน ต้องศึกษาประวัติของสถานที่จัดแสดงงานนั้น ๆ แล้วทำให้แตกต่างและโดดเด่น ถ้าเรามีฝีมืออยู่แล้วสิ่งสำคัญคือวิธีคิด เราอาจเป็นคนคิดเยอะ คิดซับซ้อน อยากให้คนดูงานเราเจออะไรใหม่ ๆ  อีกอย่างการเดินทางไปร่วมงานในต่างประเทศ นั่นหมายถึงงบประมาณที่ต้องใช้ด้วย การวางแผนเพื่อให้ได้รางวัลจึงเป็นสิ่งสำคัญ

รางวัลสำคัญที่เคยได้รับมีอะไรบ้าง

หลังจัดแสดงงานในต่างประเทศก็ได้รับรางวัลมาต่อเนื่อง ทั้งเหรียญทอง (gold medal) เหรียญเงิน (silver medal) ของ The Royal Horticultural Society ซึ่งรายการนี้
เราหยุดส่งตั้งแต่หลังปี ๒๕๕๙ (ค.ศ. ๒๐๑๖) หลังจากได้เหรียญทอง  ส่วนของ The Royal Botanic Garden Edinburgh เอดินบะระ สกอตแลนด์ ก็ได้รับรางวัลมาตลอดรายการนี้หยุดส่งตั้งแต่หลังปี ๒๕๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๙) เพราะเราขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดคือได้รับรางวัล Exceptional Award แล้ว ซึ่งไม่ใช่รางวัลที่ให้กันทุกปี นาน ๆ ทีจะให้ใครสักคนนัยของรางวัลพิเศษนี้คือภาพวาดที่จัดแสดงมีคุณภาพดีเกินกว่ามาตรฐานทั่วไป  การประกวดของ RBGE ปี ๒๕๖๒ เราได้รางวัลเหรียญทอง และรางวัล Mary Mendum Award ซึ่งไม่ได้ให้ทุกปีเช่นกัน สมมุติในรอบ ๑๐ ปี เจอคนหนึ่งผลงานดีเขาถึงจะให้ คนแรกที่ได้รางวัลนี้ชื่อ Fran Thomas ชาวสกอตแลนด์ วาดภาพไลเคน และเราได้รับเป็นคนที่ ๒ วาดภาพปาล์มเขตร้อน ไม่ได้วาดเฉพาะปาล์ม หมาก ที่ขึ้นในประเทศไทย แต่ในเขตร้อนภูมิภาคอื่นด้วย เช่น อเมริกาใต้ เกาะฮาวาย ทั้งหมดหกสปีชีส์ หลังจากนั้นก็ยังไม่มีใครได้รางวัลนี้อีก ฉะนั้นเราคิดว่าตัวเองมาอยู่จุดสูงสุดของการประกวดที่นี่ และตามมารยาทก็ต้องหยุดส่งประกวด

Image

Amorephophallus bulbifer (Florilegium project RBGE 2019 โครงการบันทึกและการเก็บตัวอย่างด้วยภาพวาดของสวนพฤกษศาสตร์แห่งกรุงเอดินบะระสกอตแลนด์ ค.ศ. ๒๐๑๙)

ทราบว่าหลังจัดแสดงผลงานจะมีนักสะสมหรือเศรษฐีเข้ามาติดต่อขอซื้อภาพวาด

คนซื้องานเราส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ เพราะจัดแสดงที่นี่บ่อย นอกนั้นก็มีชาวสกอต สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไทย ราคาขึ้นกับขนาด อยู่ในช่วง ๑๐๐,๐๐๐-๓๕๐,๐๐๐ บาท

มองย้อนกลับไปมีบางเรื่องเป็นความผิดพลาด คือภาพเก่า ๆ ที่วาดช่วงเริ่มต้นไม่ได้บันทึกหรือก๊อบปี้ไว้ ตอนนั้นไม่คิดอะไรมากขอแค่ได้ไปต่อ  การไปร่วมแสดงงานครั้งหนึ่งใช้เงินเป็นแสน ๆ ไหนจะค่าเดินทาง ค่าขนส่งภาพ ค่าที่พัก ค่าอาหาร  ดังนั้นภาพไหนขายได้ก็ขาย จะมีทนายร่างกฎหมายกรรมสิทธิ์หรือลิขสิทธิ์ก็ไม่มีเวลาทำ หรือถ้าจะบอกคนซื้อว่าขอทำเอกสาร กว่าจะร่างเสร็จ ความอยากซื้อก็อาจหายไป รวมถึงความยุ่งยากว่าค่าขนส่งค่าประกันใครจะเป็นคนจ่าย

ย้อนคิดแล้วก็รู้สึกเสียดาย การติดต่อขออนุญาตเข้าไปสแกนภาพทีหลัง หรือรบกวนให้เขาช่วยสแกนก็อาจไม่สะดวก บางคนเป็นคนใหญ่คนโต เป็นผู้บริหาร อีเมลไปก็ไม่ได้ตอบกลับทันที  ถึงตอนนี้พอจะมีช่องทางติดต่อได้หลายคน แต่ก็มีคนที่สูญหายตายจาก ภาพตกอยู่กับลูกหลาน ก็ต้องปล่อยไป หลัง ๆ มาเริ่มเก็บบันทึก ฉลาดในการเก็บงานของตัวเองมากขึ้น

เราเคยทำงานอาสา ไม่ได้เรียกเก็บเงิน ให้นักพฤกษศาสตร์นำไฟล์ดิจิทัลไปใช้ ส่วนภาพต้นฉบับยังอยู่ที่เรา แต่เราขอเครดิต เพราะเครดิตช่วยให้งานเรายกระดับ ราคางาน ค่าคอมมิสชันที่เขาจ้างวาดจะแพงขึ้นอีก

การทำงานต้องพึ่งพาอาศัยกัน ถ้างานไม่ถูกตีพิมพ์ในเชิงวิชาการ นักวิชาการก็จะไม่รู้จักเรา ไม่ได้หมายถึงนักวิชาการชาวไทยหรือวารสารวิชาการภาษาไทยเท่านั้นนะ เพราะผลงานของนักพฤกษศาสตร์จะไปตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ

ดังนั้นคนทำอาชีพนี้ต้องแบ่งแยกความคิดเป็นสองส่วน คือ งานที่ได้เงิน กับงานที่ทำเพื่อคนอื่น  ถ้าแบ่งความคิดชัดเจนงานจะส่งเสริมเรา

รายได้ของคุณแอนจากการวาดภาพพฤกษศาสตร์เพียงสามสี่ภาพ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ตลอดทั้งปีจริงไหม

ต้องบอกก่อนว่าคนทำอาชีพนี้ต้องมีระเบียบวินัยสูง ทำงานตรงต่อเวลา และวางแผนการใช้เงินเป็น  ถ้าขายภาพหนึ่งได้เงินมา ๓ แสนบาทฉันไปเที่ยว ซื้อทุกอย่างที่ต้องการ ก็หมดภายใน ๑ วันได้

สมมุติปีนี้จะได้วาดสี่ภาพ เป็นเงินเท่านี้ เราก็ต้องวางแผนว่าจะใช้เงินเดือนละเท่าไร จัดการชีวิตอย่างไร จะลงทุนอะไรไหม การวางแผนช่วยให้เราอยู่ได้  แต่หากต้องผ่อนบ้านเดือนละ ๓-๔ หมื่น เงินแค่นี้ไม่พอหรอก ส่วนตัวเราได้ปลดเปลื้องสิ่งเหล่านี้ก่อนจะใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว

อาชีพนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ไม่ทำให้เรารวยนะ แต่ช่วยให้เรามีความสุข อยู่ที่เราจะชั่งน้ำหนักอย่างไรระหว่างสิ่งของกับความสุข เราเลือกความสุข ไม่ได้เลือกสิ่งของ

Image

Typhonium venosum (F lorilegium project RBGE 2020 โครงการบันทึก และการเก็บตัวอย่างด้วยภาพวาดของสวนพฤกษศาสตร์แห่งกรุงเอดินบะระ สกอตแลนด์ ค.ศ. ๒๐๒๐)

เปรียบเทียบการทำงานของนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ในเมืองไทยกับต่างประเทศ

นักวาดภาพพฤกษศาสตร์ในเมืองไทยมักถูกด้อยค่า ซึ่งด้อยค่าในที่นี้หมายถึงการตีค่างานด้วยเงินหลักร้อยหลักพัน  เสียเวลาศึกษานานเป็นเดือน ๆ ได้เงินแค่นี้เอง คุ้มค่าเหรอ จนคุณภาพงานที่ออกมาไม่สมบูรณ์ ด้วยผู้วาดไม่สามารถใช้เวลานาน ๆ เพื่อภาพวาดได้ เพราะเวลาก็คือต้นทุนอย่างหนึ่งในการทำงาน  เมื่อราคาขายคือ ๘๐๐-๓,๕๐๐ บาท เงินจำนวนนี้ถ้าต้องออกเดินทางทุกวัน แค่ ๓ วันเราก็ใช้หมด ทั้งที่ใช้เวลาทำงานถึง ๓ เดือน

งานวาดภาพพฤกษศาสตร์ในไทยจึงไม่ได้รับความนิยม งบประมาณส่วนใหญ่ตกอยู่ที่งานวิจัยมากกว่า จริง ๆ การเก็บตัวอย่างพืชในต่างประเทศมีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ตัวอย่างแห้งแปะบนกระดาษ อนุกรมวิธาน มี living species ที่นักพฤกษศาสตร์ปลูกไว้ การเก็บตัวอย่างถึงจะถือว่าสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ของไทยอาจไม่เน้นเรื่องภาพประกอบเท่าไร

อาชีพ botanical illustrator ในสวนพฤกษศาสตร์ทั่วโลกจะเรียกว่า Botanical Artist in Residence มีเงินเดือนมีสิ่งที่จัดเตรียมให้เต็มที่ คุณมีหน้าที่ใช้สมองในการวาดภาพให้ดีที่สุด

ที่เมืองไทยคนทำงานวาดภาพในหน่วยงานราชการยังไม่มีโอกาสออกไปเห็นโลกกว้าง ไปอบรมศึกษาเพิ่มเติม ถ้าหน่วยงานมีงบประมาณส่งไปดูงานประกวดในยุโรปที่จัดอย่างยิ่งใหญ่และมืออาชีพมาก เขาจะมีไฟในตัวเองอยากพัฒนางานให้ดีขึ้น เชื่อว่าทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้ เพราะหากไม่ชอบจริงเขาจะทำงานอยู่ตรงนี้เป็นสิบ ๆ ปีเหรอ เงินก็ไม่ได้เยอะ หน่วยงานราชการต้องสนับสนุน ผลักดันให้คนกลุ่มนี้ก้าวถึงจุดสูงสุด จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกต้องให้ ไม่ใช่กระดาษวาดเขียนแผ่นละ ๑๐๐-๒๐๐ บาท มันผิดประเภท หรือใช้สีที่มี lightfastness สูง ๆ เขียนปุ๊บไม่เกิน ๓ สัปดาห์สีก็ซีดจางหรือโทนสีเปลี่ยน

คนที่ทำอาชีพนี้ไม่ว่าที่ไหน ถ้าเขาได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง มีคนผลักดันให้อยู่ในจุดที่ดีที่สุด และได้รับการสนับสนุนให้เห็นโลกนี้กว้างขึ้น เชื่อมั่นว่างานของพวกเขาจะดีขึ้นและได้มาตรฐานสากลแน่นอน

อาชีพนี้ทำได้ถึงอายุเท่าไร

คนอายุ ๘๐-๙๐ ก็ยังทำอยู่นะ  คนทำอาชีพนี้ต้องใจรัก มีความอดทนสูง เช่น ต้องนำพู่กันเบอร์ ๐ มาตัดเล็มออกให้เล็กมากเหมือนเส้นด้ายแล้วถึงจะใช้วาด  ซึ่งเรารู้สึกว่าทำไปได้เรื่อย ๆ ทุกวันนี้ก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้รู้จักสปีชีส์ใหม่ ๆ