ดงกล้วยป่ากระบุรี (Musa acuminata kraburiensis) มักขึ้นบริเวณเปิดโล่ง เช่น ริมถนน หรือริมลำน้ำ เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย และเป็นกล้วยป่าชนิดย่อยใหม่ที่เพิ่งค้นพบ กระจายพันธุ์เฉพาะบริเวณคอคอดกระในจังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานีเท่านั้น
ภาพวาดสีน้ำโดย ณรงค์ศักดิ์ สุกแก้วมณี
ศิลป์สานวิทย์
เส้นทางชีวิตการทำงานศิลป์
ในโลกพฤกษศาสตร์
ของ ณรงค์ศักดิ์ สุกแก้วมณี
พฤกษศิลป์
พฤกษศิลปิน
เรื่อง : นนท์พิเชษฐ์ชาญ ชัยหา
ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช
ต้นกล้วยนานาพันธุ์ถูกบรรจงสร้างสรรค์แต่งแต้มสีลงบนกระดาษขาวตามต้นแบบกล้วยในธรรมชาติทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ภาพบางส่วนเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ไม่ก็วางพิงผนังห้องเสมือนการกระจายพันธุ์ของกล้วยในป่าใหญ่ ห้อมล้อมโต๊ะทำงานสีดำที่อยู่มุมในสุดของห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าภายในอาคารคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้าน-จอมบึง ท่ามกลางทิวเขาและผืนป่าของจังหวัดราชบุรี
กล้วยแต่ละภาพล้วนแสดงรายละเอียดผ่านความตั้งใจของ ก้อง-ณรงค์ศักดิ์ สุกแก้วมณี ที่คนในแวดวงภาพวาดพฤกษศาสตร์รู้จักในฐานะผู้ชำนาญการวาดกล้วย รวมถึงเป็นอาจารย์สอนศิลป์ผู้สานวิทย์ ถ่ายทอดแนวคิดทางพฤกษศิลป์แก่ลูกศิษย์วัยหนุ่มสาว
พู่กันแต้มสีจดกระดาษวาดเป็นภาพกล้วย คือสิ่งที่ก้องทำเป็นประจำอยู่ภายในห้องทำงาน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี
ทางศิลป์ที่เคยสร้าง
ก้องเริ่มวาดภาพจริงจังตั้งแต่เป็นนักเรียนสายอาชีพระดับ ปวช. คณะศิลปกรรม ที่บ้านเกิดจังหวัดสงขลา จากนั้นได้โควตาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่คณะวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาวาดภาพพฤกษศาสตร์ (botanical illustration) เต็มตัวเมื่อมาทำงานวิจัยกล้วยไทยหลังเรียนจบปริญญาตรี
แฟ้มสะสมผลงานและวิทยานิพนธ์เล่มดำปั๊มหน้าปกเป็นตัวอักษรสีทองสมัยที่ก้องใช้ส่งอาจารย์ตอนจบการศึกษาที่เขาเดินไปหยิบจากตู้ไม้กรุกระจกกลางห้องทำงาน เผยว่างานศิลป์แต่แรกไม่ใช่อย่างที่เขาทำในปัจจุบัน เพราะมีแต่ภาพกล้วยไม้นานาที่รังสรรค์ผ่านจินตนาการผสานอารมณ์ของตัวเองด้วยเทคนิคศิลป์ร่วมสมัย (contemporary) จนเป็นฉากธรรมชาติที่ไม่มีอยู่จริง
“เราชอบธรรมชาติ โดยเฉพาะกล้วยไม้ เลยวาดภาพแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา” ก้องเอ่ยถึงงานช่วงแรก ๆ
ซึ่งเขามีแรงบันดาลใจจากพื้นฐานของครอบครัวที่ชอบปลูกต้นไม้ รักธรรมชาติและการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ
ภาพวาดลายเส้นของกล้วยป่ากระบุรี แสดงลักษณะพืชล้มลุกที่มีลำต้นเทียมสูงได้ถึง ๒-๓ เมตร และส่วนต่าง ๆ ของกล้วย เช่น ฐานใบ ก้านเครือ ก้านปลี ปลี ผล กล้วยป่ากระบุรีเป็นเครือญาติบรรพบุรุษของกล้วยพันธุ์ปลูกไม่มีเมล็ดเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นหนึ่งในผลไม้ยอดนิยมทั่วโลก กล้วยป่าจึงเป็นแหล่งพันธุกรรมสำคัญเพื่อการปรับปรุงพันธุ์ในอนาคต ภาพนี้ได้ร่วมแสดงในงาน Botanical Art Worldwide 2025
วาดกล้วย ไม่กล้วย
จบการศึกษาจากเพาะช่างช่วงปี ๒๕๔๗ ก้องมีโอกาสติดสอยห้อยตามพี่ชายซึ่งเรียนสายพฤกษศาสตร์ไปอบรมเรื่องภาพวาดทางวิทยาศาสตร์ที่ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำพาให้เขาเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ปูเป้-ผศ.ดร. ศศิวิมล โฉมเฉลา แสวงผล บุคคลสำคัญที่ทำงานด้านภาพวาดพฤกษศาสตร์ของไทยและผู้ก่อตั้งเครือข่ายวิทย์สานศิลป์ (Sci-Art Network) หลังจากได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์อย่างไม่เป็นทางการหลายครั้ง
ครั้งแรกผ่านตัวอักษรเรียงร้อยเรื่องราวกล้วยไม้ในประเทศไทยในนิตยสาร สารคดี ฉบับที่ ๑๗๐ เดือนเมษายน ๒๕๔๒ ซึ่งพี่ชายซื้อให้ครั้งเป็นนักเรียนช่างศิลป์ คอลัมน์พิเศษเล่าถึงการเดินทางไปวาดภาพกล้วยไม้ตามแนวทางพฤกษศาสตร์ของอาจารย์เอกชัย อ๊อดอำไพ ณ หมู่บ้านกลางป่าที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ แทรกกับการทำงานด้านกล้วยไม้ของ รศ.ดร. อบฉันท์ ไทยทอง พร้อมอาจารย์ปูเป้ผู้เป็นลูกศิษย์ ซึ่งขณะนั้นเปิดสอนวิชา Scientific Illustration ขึ้นครั้งแรกในไทย หลังเรียนจบปริญญาโทด้านพืชสวนที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
นิตยสาร สารคดี ฉบับนั้นเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ก้องรับรู้ถึงการมีอยู่ของภาพวาดพฤกษศาสตร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเดินทางไปหาอาจารย์ทั้งสามท่านเมื่อมาเรียนที่กรุงเทพฯ
“เราทำงานศิลปะ มาเจอกับวิทยาศาสตร์ แล้วยิ่งเป็นเรื่องพฤกษศาสตร์ จึงต้องทำตัวให้เข้าใจความเป็นนักพฤกษศาสตร์”
ห้องทำงานของก้องเป็นพื้นที่ที่นักศึกษาและศิษย์เก่า ทีม Botanical Art จอมบึง มารวมตัวกันวาดภาพพืชเพื่อส่งเข้าร่วมแสดงในงานนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์ที่จัดขึ้นทุกปี
แต่น่าเสียดายที่อาจารย์เอกชัยได้ล่วงลับไปแล้ว หลงเหลือเพียงเรื่องราวการทำงานผ่านความทรงจำของคนอื่น ๆ
หนึ่งในนั้นคืออาจารย์อบฉันท์ ผู้ทำงานด้านกล้วยไม้เคียงคู่อาจารย์เอกชัย จนซึมซับเรื่องภาพวาดพฤกษศาสตร์เบื้องต้น และนับเป็นครั้งที่ ๒ ที่ชื่ออาจารย์ปูเป้เข้ามาในชีวิตจากการแนะนำของอาจารย์อบฉันท์
วันที่เขาเข้าอบรมเรื่องภาพวาดพฤกษศาสตร์ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองวาดภาพตามรูปแบบของอาจารย์ปูเป้ ซึ่งเน้นถ่ายทอดความจริงเป็นหัวใจ เพื่อใช้ศึกษาพืชแต่ละสายพันธุ์
“พอได้อบรมกับอาจารย์ศศิวิมล รู้สึกประทับใจมาก เลยมาหาอาจารย์ บอกอาจารย์ตรง ๆ ว่าอยากทำงานแนวนี้” ก้องเล่าถึงช่วงชีวิตแรก ๆ
หลังจากนั้นราว ๓ เดือนความฝันของเขาก็เริ่มเป็นจริง เมื่อเสียงโทรศัพท์สายหนึ่งดังขึ้น
“สนใจเรื่องกล้วยไหมคะ เรากำลังทำวิจัยเรื่องกล้วยในประเทศไทย” คือคำชวนของอาจารย์ปูเป้ที่กำลังหานักวาดภาพพฤกษศาสตร์รุ่นใหม่ไฟแรง ให้วาดภาพกล้วยที่สมจริงสำหรับจัดทำหนังสือ ๑๐๘ พันธุ์กล้วยไทย
ก้องรีบตอบรับอย่างไม่ลังเล เพราะเป็นสิ่งที่เขาหวัง และอีกเหตุผลที่ตอบรับง่าย ๆ เพราะเขาชอบกล้วยไม้ ซึ่งใกล้เคียงกันที่รูปคำ
“เราชอบกล้วยไม้ ทำเรื่องกล้วยไปก่อน เดี๋ยวไม้คงตามมาเอง” ก้องพูดขำ ๆ
อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะทำงาน โดยเฉพาะแปรงแต่งหน้าขนนุ่ม ๆ ซึ่งใช้ปัดเศษฝุ่นละออง เศษสี เศษยางลบ ที่ไม่พึงประสงค์ เพราะการใช้มือปัดจะทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกในมือติดในเนื้อกระดาษ
จากนักวาดภาพ
สู่นักเก็บพันธุ์กล้วย
หลังจากไปพบอาจารย์ปูเป้และ รศ.ดร. จามร สมณะ ณ สถานที่ที่เขาเคยอบรมเรื่องภาพวาดพฤกษศาสตร์ ก็เริ่มวาดกล้วยอย่างเป็นทางการจากภาพถ่าย ใช้เวลากว่า ๑ สัปดาห์
แต่ภาพที่วาดผิดต่อหลักการวาดภาพพฤกษศาสตร์ เขาใส่สีเล่นลวดลายมากเกินไป ต้องวาดใหม่ทั้งหมด
จุดเริ่มต้นที่ผิดเป็นจุดเปลี่ยนให้เขาคิดทำความเข้าใจการทำงานแนวนี้ใหม่
“เราทำงานศิลปะ มาเจอวิทยาศาสตร์ แล้วยิ่งเป็นเรื่องพฤกษศาสตร์ จึงต้องทำตัวให้เข้าใจความเป็นนักพฤกษศาสตร์” อดีตช่างศิลป์กล่าว
ปัญหาครั้งนั้นก้องยกให้ภาพถ่ายต้นแบบเป็นผู้รับผิด เพราะทำให้เขามีข้อมูลไม่เพียงพอ
สิ่งที่แก้ปัญหาได้คือต้องเห็นต้นกล้วยในธรรมชาติผ่านการสำรวจลงพื้นที่จริง ซึ่งนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ปฏิบัติมาเสมอ
ก้องตัดสินใจละทิ้งงานอิสระ เก็บกระเป๋าออกเดินทางเข้าป่าไปสำรวจกล้วยพร้อมทีมวิจัยซึ่งอาจารย์ปูเป้เป็นหัวหน้าทีม
“แต่ละคนมีภาพจำของกล้วยที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่พอลงพื้นที่ เฮ้ย ! กล้วยมันแตกต่างกัน เพราะนักพฤกษศาสตร์จะมี description หรือใบบันทึกลักษณะของพืชวงศ์กล้วยที่ต้องสังเกต เช่น ปลี ใบ ดอก ต้น ความสูง” ก้องเล่าการลงพื้นที่ที่ทำให้เขาเห็นการทำงานของนักพฤกษศาสตร์ว่าไม่กล้วยอย่างที่คิด
เขาต้องตามติดชีวิตนักพฤกษศาสตร์ที่เก็บข้อมูลอย่างลงลึก แบ่งระบบประสาทตลอดการสำรวจ ปากสอบถาม หูฟังข้อมูล ตามองพืชต้นแบบ ส่วนมือถือสมุดบันทึกจดรายละเอียดกล้วยให้ครบถ้วนสุด เพื่อนำไปถ่ายทอดเป็นภาพตรงตามต้นแบบ
“นักวิทยาศาสตร์จะอธิบายตรง ๆ เป็นประโยคและการพรรณนา แต่เราต้องตีความออกมาเป็นภาพที่เข้าใจง่ายและชัดเจน”
นับแต่นั้นเมื่อนัดลงพื้นที่สำรวจกล้วยจะต้องมีก้องไปด้วยทุกครั้ง จองที่นั่งประจำตำแหน่งหน้ารถ รับบทเป็นคนมองต้นกล้วยที่ขึ้นตามสองฟากถนนทั่วทุกภูมิภาคของไทย
ก้องและทีมวิจัยกล้วยลงเก็บข้อมูลกล้วยในผืนป่าทั่วประเทศไทย นักพฤกษศาสตร์จะสังเกต ถ่ายภาพ และเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่วนก้องเก็บข้อมูลกล้วยด้วยการวาดภาพ
ภาพ : ณรงค์ศักดิ์ สุกแก้วมณี
ทันทีที่เห็นต้นกล้วยที่มีปลี หวี ดอก ครบลักษณะตามต้องการ เขาจะบอกให้ผู้ร่วมเดินทางรู้ตัวพร้อมลงสำรวจและรับหน้าที่จัดการหญ้าที่ขึ้นรอบกอกล้วยเป็นลำดับแรก จากนั้นขุดหน่อกล้วยเพื่อนำไปปลูกเป็นต้นตัวอย่างในแปลงพันธุ์ที่กรุงเทพฯ หยิบสมุดบันทึกจดข้อมูลจากต้นจริงเท่าที่จะเก็บได้ อาจารย์ปูเป้จะถ่ายภาพพร้อมสำรวจกล้วย และทีมวิจัยถือกระดาษเช็กลิสต์ข้อมูลต้นกล้วยลงในใบ description ทำเช่นนี้ทุกสายพันธุ์ ทั้งกล้วยป่าและกล้วยปลูกในไทย
จากวันแรกจนวันนี้เป็นเวลากว่า ๒๐ ปีที่ก้องเดินทางสำรวจ ชิม กิน และวาดกล้วยกว่า ๒๐๐ ชนิดในประเทศไทย สิ่งที่เขาได้นอกเหนือจากการทำงานคือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และความชำนาญด้านกล้วยจนสามารถเล่าความสำคัญของกล้วยได้เป็นฉาก ๆ
“กล้วยป่ามีความสำคัญมากต่อป่าและพื้นที่ เวลาเห็นกล้วยขึ้นริมถนน แสดงว่าตรงนั้นเคยถูกทำลายหน้าดิน ซึ่งกล้วยป่าจะโผล่ขึ้นมาเป็นพี่เลี้ยงตรึงความชื้นในการฟื้นฟูป่าเบื้องต้น กล้วยยังเป็นตัวชี้วัดความชื้น ความสมบูรณ์ และอากาศของที่นั้น ๆ” เขาเล่าตัวอย่างความรู้เรื่องกล้วยป่าให้ฟัง
จากครั้งแรก ๆ ในการลงพื้นที่ก้องทำหน้าที่เพียงผู้วาด แต่หลัง ๆ เขานิยามตัวเองเป็นนักเก็บตัวอย่างกล้วย เป็นคำเปรียบเปรยถึงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากนักศิลป์สู่นักวิทย์
“เธอไม่ใช่ศิลปินแล้วนะ วิธีคิดของเธอเป็นวิทยาศาสตร์ไปแล้ว” เสียงอาจารย์ปูเป้และอาจารย์จามรก้องเข้ามาในความทรงจำ ยืนยันความคิดที่เปลี่ยนไปของเขา
ส่วนในโลกทางศิลป์ เขามีอาจารย์พันธุ์ศักดิ์ จักกะพาก ผู้เป็นพฤกษศิลปินแนวร่วมสมัย (botanical contemporary) สำคัญของไทย คอยให้กำลังใจและแนะแนวทางการทำงานให้อยู่เสมอ และแอน-ศันสนีย์ ดีกระจ่าง นักวาดภาพประกอบด้านพืชฝีมือระดับรางวัลนานาชาติ เป็นผู้คอยแนะนำเทคนิคของพฤกษศิลปินสากลอย่างลงลึกถึงระดับปลายพู่กัน
“การให้ความสำคัญกับความรู้ที่เป็นจริงเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถนำไปต่อยอดทางจินตนาการหรือใช้ประโยชน์ได้” เป็นความคิดที่ตกตะกอนแล้วต่องานศิลปะสมจริง และจุดประกายความคิดให้เขาอยากเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทางศิลปะแนวพฤกษศาสตร์ เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโท สาขาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีแรงบันดาลใจจากการเป็นอาจารย์พิเศษวิชานิทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในช่วงแรกที่ทำงานวิจัยกล้วยกับอาจารย์ปูเป้
สมุดบันทึกที่ก้องพกติดตัวเสมอเพื่อบันทึกลักษณะของกล้วยอย่างละเอียดที่สุด
ศิลป์สานวิทย์-วิทย์สานศิลป์
เดินทางผ่านเขาหินปูนสลับป่าเขียวที่เงียบสงบของจังหวัดราชบุรีวันนี้ คงไม่ต่างมากกับความรู้สึกของก้องครั้งที่เดินทางมาเป็นอาจารย์ประจำสาขาศิลปศึกษา สอนวิชาศิลปะนักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หลังเรียนจบปริญญาโทจากจุฬาฯ เมื่อ ๑๔ ปีก่อน เริ่มต้นสอนรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับศิลปะตามที่เขาสั่งสมมา เพื่อให้นักศึกษาใช้ต่อยอดสู่การเป็นครูหลังจบจากรั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะพื้นฐานทางศิลปะที่จำเป็น เช่น วิชาองค์ประกอบศิลป์
จนเมื่อปรับปรุงหลักสูตรการสอน เขาจึงนำความรู้และความถนัดจากการวาดภาพพฤกษศาสตร์ เปิดรายวิชา Natural History Illustration สอดแทรกกระบวนการทำงานภาพวาดทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการลงพื้นที่สำรวจและสังเกตธรรมชาติ มาช่วยปูพื้นฐานด้านศิลปะ เพราะมองว่านักศึกษาทุกคนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
“เราไม่รู้ว่าในอนาคตนักศึกษาแต่ละคนจะเป็นครูหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเขาจะได้นำเทคนิคต่าง ๆ ที่เราสอนถ่ายทอดแก่เด็กนักเรียนโดยใช้ศิลปะช่วยในการเรียนรู้ธรรมชาติ” คือวิสัยทัศน์ของอาจารย์ท่านนี้
ใช้ศิลป์สานวิทย์
...
เจ็ดปีหลังจากก้องเข้ามาเป็นอาจารย์ เมล็ดพันธุ์ของการทำงานพฤกษศิลป์พร้อมส่งต่อสู่ศิษย์รุ่นต่อไป เมื่อกำลังจะมีนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์ขึ้นครั้งแรกที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามวันศิลปะพฤกษศาสตร์โลก
เขาลองพูดคุยกับนักศึกษา หาคนสนใจและชอบศิลปะแนวนี้ในชั้นเรียนเพื่อเข้าร่วมคัดเลือกจัดแสดงงาน โดยหวังลึก ๆ ว่าเด็กในมหาวิทยาลัยที่อยู่ห่างไกลจะได้แสดงตัวตน ผลงานและความสามารถ
“เด็กที่นี่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้ไปแสดงงานที่กรุงเทพฯ การวาดภาพครั้งนี้จึงเป็นเวทีและลู่ทางหนึ่งที่ทำให้เด็กของเราสามารถยืนในงานระดับชาติหรือนานาชาติได้”
เริ่มด้วยการให้นักศึกษาลองวาดภาพพืชมาส่งคนละหนึ่งชนิด
“เราไม่รู้ว่าในอนาคตนักศึกษาแต่ละคนจะเป็นครูหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเขาจะได้นำเทคนิคต่าง ๆ ที่เราสอนถ่ายทอดแก่เด็กนักเรียนโดยใช้ศิลปะช่วยในการเรียนรู้ธรรมชาติ”
ท้ายที่สุดมีเด็กเข้าร่วมอุดมการณ์นับสิบคน
แม้การฝึกวาดภาพแนวนี้จะดูเหมือนยาก เนื่องจากบางคนมีพื้นฐานไม่มากพอและไม่เชื่อมั่นในฝีมือตัวเอง ก้องสอนด้วยการจัดทริปสำรวจผืนป่ารอบ ๆ จังหวัดราชบุรี ประยุกต์จากประสบการณ์ทำงานวิจัยกล้วยของตนเอง
“การได้เห็นของจริงในธรรมชาติจะทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยพัฒนาการวาดภาพ”
เขาให้นักศึกษาทำงานตามหลักภาพวาดพฤกษศาสตร์ ศึกษาข้อมูลของพืช ลงพื้นที่บันทึกรายละเอียดบนสมุดให้มากที่สุด จากนั้นร่างภาพวางองค์ประกอบโดยเลือกลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของพืชชนิดนั้น ก่อนวาดจริงบนกระดาษและลงสีตามถนัด เน้นย้ำความเหมือนกับพืชต้นแบบมากที่สุด
ปีแรกของการจัดนิทรรศการมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้ร่วมแสดงผลงานเกือบ ๑๐ คน สมเจตนาที่ก้องหวังในฐานะอาจารย์
ขณะเขาเองก็ส่งภาพกล้วยซึ่งเป็นความชำนาญเฉพาะตัวร่วมแสดงด้วย
ถึงวันนี้ก้องยังพัฒนานักศึกษาที่สนใจงานศิลปะแนวพฤกษศิลป์โดยตลอด มีศิษย์ในสังกัดกว่าห้ารุ่น รวมกลุ่มอย่างลำลองชื่อ Botanical Art จอมบึง
ขนุนดิน ปอขาว หมาก สาเก บอระเพ็ดพุงช้าง หมามุ่ย ทุเรียน กะเรกะร่อนสองสี และพืชพันธุ์ธรรมชาติอีกหลากชนิดได้รับการบันทึกเป็นภาพวาด จัดแสดงในนิทรรศการที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครและต่างประเทศมาตลอดในช่วง ๗ ปีที่ผ่านมา
ผลงานหลายชิ้นยังได้รับรางวัลในงานนิทรรศการพฤกษศิลป์ระดับนานาชาติ และใช้ประโยชน์ในสวนพฤกษศาสตร์ทั่วโลก
ศิลปะแนวพฤกษศิลป์ที่เคียงคู่สาขาวิชาศิลปศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กลายเป็นภาพจำประจำสาขา เมื่อไปแสดงงานแนวพฤกษศิลป์ที่ใด ราชภัฏฯ จอมบึงเป็นชื่อแรก ๆ ที่คนในวงการนึกถึง แม้การนำผลงานไปแสดงอาจไม่ได้รางวัลสูงค่าเป็นสิ่งตอบแทน แต่อย่างน้อยสิ่งที่ลูกศิษย์เขาได้รับแน่นอนคือโอกาสและประสบการณ์
“ถ้าถามถึงอัตลักษณ์อันโดดเด่นของศิลปศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง นั่นก็คือภาพวาดพฤกษศาสตร์ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เราสามารถสู้กับที่อื่นได้” ก้องพูดพร้อมเผยรอยยิ้ม
กล้วยป่าปลีม่วง Purple bud wild banana (Musa acuminata truncata) ผลสุกเนื้อมีรสหวาน เมล็ดมากเป็นชนิดย่อยที่เพิ่งค้นพบว่ากระจายพันธุ์จากประเทศมาเลเซียเข้ามาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เบื้องหลังฉากมากกว่าการแสดงภาพ
บนแผ่นกระดาษขาวถูกวาดเป็นต้นมะพร้าวใบเรียวยาวสีเขียว ซ้อนด้วยกาบหุ้มสีน้ำตาล ผลิดอกออกผลจนเป็นมะพร้าวลูกโต ถูกต้องตามหลักภาพวาดพฤกษศาสตร์ทุกประการ
นี่ไม่ใช่ผลงานของก้องหรือลูกศิษย์เขา แต่เป็นงานพฤกษศิลป์ชิ้นแรกฝีมือ ณัฐณิชา พงษ์สวัสดิ์ นักเรียนหญิงชั้นมัธยมฯ ปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี ซึ่งได้รับเลือกเป็นหนึ่งในห้าภาพวาดพฤกษศาสตร์รุ่นเยาวชนที่จะได้ไปแสดงในนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์ นานาชาติที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครกลางปีนี้ (ปี ๒๕๖๘) โดยครูผู้สอนคือป่าน-นฤมล ชาวนา นักศึกษารุ่นแรกของก้องที่เคยส่งผลงานแสดงในนิทรรศการดังกล่าว หากแต่วันนี้เธอรับหน้าที่เป็นครูศิลปะ ถ่ายทอดแนวทางพฤกษศิลป์แก่นักเรียน
ผลลัพธ์อันภาคภูมิใจตลอดชีวิตการทำงานศิลป์ในโลกพฤกษศาสตร์ของอาจารย์ก้องปรากฏเป็นรูปธรรมชัดเจน ตามเจตนารมณ์ที่วาดหวังให้นักศึกษาในสังกัดนำความรู้และประสบการณ์ไปถ่ายทอดต่อหลังจบการศึกษา
“นักศึกษาที่แสดงงาน เมื่อเรียนจบแล้วมีทั้งที่ได้เป็นครูและไม่ได้เป็น แต่เราปลูกฝังกระบวนการทำงานให้เขาแล้ว อาจจะมีโอกาสที่เขานำทักษะเหล่านี้ไปถ่ายทอดต่อ”
๒๐ ปีกว่ากับการทำงานพฤกษศิลป์อยู่กับกล้วยในวงการพฤกษศาสตร์
๑๔ ปีในฐานะอาจารย์ศิลปะ
๗ ปีที่สนับสนุนนักศึกษาส่งงานจัดแสดงในนิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์ระดับประเทศและนานาชาติ
หากเปรียบชีวิตการทำงานด้านพฤกษศิลป์ของก้องเป็นภาพวาดลงรายละเอียดของอาจารย์ผู้ใช้ศิลป์สานวิทย์
ภาพนี้ก็คงใกล้เคียงความสมจริงที่สุดแล้ว