Image

ภาพวาดพฤกษศาสตร์ ๑๐๑
เส้นทางการเรียนรู้ ศาสตร์ ศิลป์
และพืชพรรณ ผ่านกาลเวลา

พฤกษศิลป์
พฤกษศิลปิน

เรื่อง : ศศิวิมล โฉมเฉลา แสวงผล
ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยมหิดล ประธานเครือข่ายวิทย์สานศิลป์

ภาพวาดพฤกษศาสตร์คือบันทึกแห่งธรรมชาติที่ผสานความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์เข้ากับศิลปะแห่งการสังเกต และการถ่ายทอดรายละเอียดของพืชพรรณอย่างประณีต ไม่ว่ารูปทรง สีสัน หรือพื้นผิวที่ต้องตีความเป็นลายเส้นและเฉดสีอย่างถูกต้อง  ในอดีตนักพฤกษศาสตร์และศิลปินร่วมมือกันศึกษาพรรณไม้ ถ่ายทอดองค์ความรู้ออกมาเป็นภาพวาดที่แม่นยำและสวยงาม

ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีก้าวล้ำจนสร้างภาพได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส การวาดภาพพฤกษศาสตร์ยังมีความหมายหรือไม่ ?

ในกลุ่มผู้สนใจที่เพิ่งหันมาใคร่รู้เรื่องการวาดภาพพฤกษศาสตร์ มักได้ยินคำถามเสมอว่า ภาพวาดพฤกษศาสตร์แตกต่างจากภาพวาดจิตรกรรมอย่างไร ? ภาพวาดพรรณพืชในงานวิชาการแตกต่าง จากภาพดอกไม้บนผืนผ้าใบของศิลปินชื่อดังหรือไม่ ? และความสงสัยว่าจะวาดภาพทำไม เมื่อเราถ่ายรูปได้ชัดเจน ถูกต้อง และเร็วกว่า ไม่ต้องเสียเวลาพิถีพิถันกับปลายหนามเล็ก ๆ ปลายขนบาง ๆ ประดิดประดอยวาดรูปร่างบิดเวียนที่มีแสงเงาตกกระทบซับซ้อนระวังการวัดขนาดให้ถูกต้อง ย่อขยายภาพด้วยมาตราส่วนที่พอดีกับหน้ากระดาษ และไม่ต้องเดินเลือกซื้อสีที่ยังไม่มี พยายามผสมสีแปลก ๆ ให้เหมือนต้นแบบมากที่สุด

ในวันที่ AI มาอยู่ที่ปลายนิ้ว สามารถรังสรรค์ ภาพเหนือจินตนาการได้ทุกรูปแบบ ก็เห็นคำถามที่ตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิม...ให้ AI วาดเลยจะดีกว่าไหม

ความงามสองมิติ
: เมื่อศิลปะและวิทยาศาสตร์ผสานกันในภาพวาดพฤกษศาสตร์

ก่อนเริ่มวาด เรามานิยาม “ภาพ” ในเชิงวิทยาศาสตร์กันสักหน่อย 

เมื่อเราถ่ายทอดภาพด้วยการพยายามตรึงความสวยงามและความจริงของธรรมชาติลงในกระดาษหรือไฟล์ ก็คือการเปลี่ยนภาพสามมิติที่เราเห็นได้ด้วยแสงเป็นสองมิติ เพื่อสามารถเก็บและส่งต่อภาพแก่กัน

บรรพบุรุษยุคหินเริ่มวาดภาพกระทิง กวาง ปลา และสัญลักษณ์ต่าง ๆ บอกเล่าสิ่งที่พบให้ผู้อื่นรับทราบ ภารกิจนี้มาเฟื่องฟูและส่งต่อถึงปัจจุบัน เมื่อนักสำรวจออกเดินทางทั่วโลกในยุคล่าอาณานิคมช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ ได้บันทึกภาพพืช สัตว์ และผู้คนเป็นลายลักษณ์อักษรและภาพวาด

เบื้องหลังภาพวาดเหล่านั้นคือศาสตร์และศิลป์

ภาพวาดพฤกษศาสตร์ (botanical illustration) เป็นภาพวาดทางวิทยาศาสตร์รูปแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับภาพวาดสัตวศาสตร์ ภาพวาดทางการแพทย์ ภาพวาดทางธรณีวิทยา ภาพวาดดาราศาสตร์ และอื่น ๆ ภาพดังกล่าวสร้างขึ้นจากการศึกษาสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ผสมผสานความงามทางศิลปะและความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ มาประมวลเป็นภาพสวยงามและสมจริง ภาพวาดพฤกษศาสตร์อาจให้เบาะแสของพืชพรรณที่รู้จักคุ้นเคยในอดีต บ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และพืชพรรณที่อาจสูญสลายหายไป และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงการใช้ประโยชน์พืชชนิดนั้น ๆ ในห้วงเวลาหนึ่ง ๆ ได้ในอนาคต

Image

https://historicexhibits.lib.iastate.edu/botanists/leonhart_fuchs.html

Image

ภาพมันฝรั่งและสับปะรดจาก จดหมายเหตุลาลูแบร์ ว่าด้วยราชอาณาจักรสยาม ประพันธ์ขึ้นราวปี ๒๒๓๑ เป็นหลักฐานบ่งบอกว่ามีผู้นำพืชต่างถิ่นจากทวีปอเมริกากลางทั้งสองชนิดเข้ามาปลูกแพร่หลายในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

ภาพวาดพฤกษศาสตร์
ไม่ใช่ snap shot

เพราะเราต้องการถ่ายทอดลักษณะโดยรวมของพืชชนิดนั้น ๆ จึงต้องหาตัวอย่างต้นแบบหลาย ๆ ดอก หลาย ๆ ต้น อาจถ่ายรูปหลายมุมและรวมภาพจากอินเทอร์เน็ต แล้วพยายามประมวลลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งรูปทรง สีสัน และรายละเอียดยิบย่อย ร่างภาพใหม่ซึ่งเหมือนจริงทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าเราจะพบตัวอย่างนี้อีกครั้งที่ไหน จะเทียบกับภาพถ่ายในอดีต หรือในสวนอีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า ภาพวาดก็จะเป็นตัวแทนบอกเล่าข้อมูลได้ไม่ผิดเพี้ยน

นี่คือ “พลังการทำซ้ำ” ที่เป็นคุณสมบัติร่วมกันของผลงานทางวิทยาศาสตร์

ในวารสารวิชาการที่ตีพิมพ์ภาพวาดพืชชนิดใหม่ ทั้งต้น ใบ ดอก ผล เมล็ด อาจมาจากลักษณะที่ได้จากพืชชนิดนั้นหลายต้นจากหลายพื้นที่ก็เป็นได้ 

ดังนั้นแม้นางแบบของเราจะสวยงามสะพรั่ง แต่ถ้างามเกินหน้าเพื่อนแบบผิดเพี้ยน เราจะดึงเพียงบางส่วนมาใช้ ขณะเดียวกันหากมีรอยผุแหว่ง ช้ำ ขาด หัก เราก็จะใช้รูปร่างสีสันของนางแบบสำรองมาประกอบทดแทน 

การจัดวางนางแบบแบบ snap shot หรือแบบหุ่นนิ่งซ้อนเกยกัน จึงไม่ใช่รูปแบบที่เราใช้วาดภาพพฤกษศาสตร์

ส่วนภาพดอกไม้สวย ๆ ของ Vincent van Gogh หรือ Maria van Oosterwijck หรือ Georgia O'Keeffe ก็สวยงามตรึงตาตรึงใจในรูปแบบจิตรกรรมซึ่งต่างจากที่เรากล่าวถึงในที่นี้

เริ่มจากหาข้อมูลและตัวอย่างต้นแบบ

อย่าเพิ่งจดจ่อกับสีสวยงามของดอกไม้ผลไม้ที่อยากวาด เพราะก่อนจะลงสีบนกระดาษในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ นักวาดภาพพฤกษศาสตร์แทบทุกคนต้องผ่านการเดินป่า เดินสวน หรือเดินตลาด ตากแดด ลุยดินแฉะ ย่ำเท้าเสาะแสวงหานางแบบที่เหมาะเจาะ ไม่สวยและขี้เหร่เกินไป มีชิ้นส่วนครบถ้วน

ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดที่จะมองหาภาพของพืชชนิดเดียวกันจากตำราหรืออินเทอร์เน็ตมาใช้ประกอบ แต่การลอกภาพของผู้อื่นจากที่ใดก็ตามเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสม

บ่อยครั้งศิลปินรู้สึกมั่นใจมากกว่า ถ้าได้สัมผัสผิวกลีบดอก พลิกดูด้านใต้ของผล จับต้องหนาม นับจำนวนรอยหยักของใบ หรือเทียบสีเนื้อในกับตารางสีที่มีในมือ

ระหว่างหาตัวอย่างต้นแบบ ศิลปินควรหาข้อมูลของพืชที่จะวาดไปพร้อม ๆ กัน

คำสำคัญที่สุดคำแรกคือชื่อวิทยาศาสตร์ของพืช เพราะนำไปสู่ข้อมูลถูกต้องชัดเจน

Image

ภาพตัวอย่างพรรณไม้ในพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ

ยุคสมัยนี้เพียงพิมพ์ถามง่าย ๆ ใน search engine ใด ๆ ก็จะพบชื่อวิทยาศาสตร์ที่ต้องการ ข้อควรระวังคือเลือกข้อมูลน่าเชื่อถือ เช่น จากเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สวนพฤกษศาสตร์ ฯลฯ และควรทราบว่าชื่อวิทยาศาสตร์อาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ขึ้นอยู่กับข้อมูลใหม่ในการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิต เราจึงต้องคัดลอกชื่อมาใช้ทุกตัวอักษร รวมทั้งชื่อของผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์นั้น ซึ่งจำเป็นต้องเก็บเครื่องหมายต่าง ๆ เช่น วงเล็บ จุดคำย่อ รวมทั้ง &, et, ex ถ้ามี ให้ครบถ้วน ตัวอย่างเช่น ชื่อวิทยาศาสตร์ของมะแขว่นที่เขียนครบถ้วนคือ Zanthoxylum rhetsa (Roxb.) DC.

เมื่อได้ชื่อเราสามารถค้นคว้าต่อเพื่อหาข้อมูลพืชได้ถูกต้องมากขึ้น โดยเฉพาะลักษณะสัณฐานของส่วนที่จะวาด ณ จุดนี้อาจต้องศึกษาศัพท์พฤกษศาสตร์ที่อธิบายส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพืชแต่ละชนิด เช่น เหง้า หัว ลำต้นเทียม ใบเดี่ยว ใบประกอบแบบต่าง ๆ รูปร่างใบ ฐานใบ ปลายใบ หูใบ ใบประดับ กลีบเลี้ยง กลีบดอก ผล เมล็ด

จากโครงร่างสู่ความสมบูรณ์
: ขั้นตอนการวาดภาพพฤกษศาสตร์

ร่างภาพในสมุดร่างภาพ 
เริ่มจากขนาดชิ้นส่วนซึ่งจะเป็นข้อมูลอ้างอิงสำคัญที่ควรวัดให้แม่นยำและบันทึกโดยใช้มาตราสากลทางวิทยาศาสตร์ เช่น มิลลิเมตร เซนติเมตร เมตร

ลำดับต่อไปคือวางตำแหน่งของแต่ละชิ้นส่วนในภาพ เลือกมาตราส่วนและสัดส่วนให้เหมาะสมกับหน้ากระดาษ

เมื่อร่างองค์ประกอบหลักแล้วจึงแรเงาเพื่อให้ภาพมีมิติเสมือนจริง ค่อย ๆ ลงรายละเอียดและลักษณะพื้นผิวทีละส่วน โดยเฉพาะบริเวณที่นูน โค้ง เว้า ด้วยสีไม้ สีน้ำ หรือจดบันทึกคร่าว ๆ

ได้ภาพร่างสมบูรณ์แล้วนำไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญพืชชนิดนั้น ๆ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ด้วยขั้นตอนนี้เราจึงไม่แนะนำให้ศิลปินร่างภาพบนกระดาษจริง เพราะอาจต้องมีการแก้ไขที่จำเป็น

เลือกกระดาษวาดภาพ
ควรเป็นกระดาษปราศจากกรด (acid free) เพื่อความคงทนถาวรและมีพื้นผิวเรียบ (เรียกว่า hot press หรือ smooth surface) เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับรายละเอียดเป็นพิเศษ 

สำหรับเนื้อกระดาษและความหนาควรเลือกให้เหมาะกับเทคนิค เช่น หากใช้ปากกาและหมึก (pen and ink) ควรใช้กระดาษเรียบพิเศษ เช่น Bristol board ที่ไม่ต้องหนามาก แต่ถ้าใช้สีน้ำ กระดาษควรหนาพอสมควรและอุ้มน้ำดี เช่น กระดาษฝ้าย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หนา ๓๐๐-๖๐๐ แกรมต่อตารางเมตร (100-300 lbs)  พื้นผิวอีกชนิดที่นิยมใช้ในทวีปยุโรปเมื่อครั้งอดีตคือหนังสัตว์ (vellum) ซึ่งคงทนมาก ปัจจุบันหาซื้อยากและราคาค่อนข้างแพง แต่ยังใช้กันในกลุ่มศิลปินมืออาชีพ

Image

ตัวอย่างสมุดบันทึกภาพพรรณไม้ของผู้เขียน

ขั้นตอนลอกภาพที่ร่างและแก้ไขเรียบร้อยลงบนกระดาษจริง
ศิลปินอาจใช้กระดาษลอกลาย หรือลอกภาพผ่านกระจกหน้าต่าง ใช้โต๊ะไฟหรือกระดานไฟ (หรือเปลี่ยนหน้าจอแท็บเลตเป็นกระดานไฟ !!!)

ควรใช้เส้นบางและเบาเพื่อลบออกง่าย ไม่ให้ปรากฏบนภาพหลังลงหมึกหรือลงสี

การวาดภาพ
เลือกเทคนิคที่เหมาะแก่การใช้งาน เช่น หากต้องการตีพิมพ์ชื่อพืชชนิดใหม่ในวารสารวิชาการ นิยมใช้ปากกาและหมึก ซึ่งให้รายละเอียดมากและคมชัด ถ้าเป็นภาพที่ต้องการสีสัน เช่นภาพดอกไม้หรือผลไม้ อาจเลือกสีไม้ สีน้ำ สีกูอาช (gouache) หรือสีอะคริลิก (acrylic) ซึ่งมีเนื้อสีและวิธีลงสีแตกต่างกัน ควรศึกษาและฝึกลงสี 

สำหรับสีเครยอง (crayon) และสีน้ำมันไม่เป็นที่นิยมนัก
อาจเพราะเนื้อสีทึบและลงสีในรายละเอียดได้ค่อนข้างยาก

นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่น ๆ เช่น การขูดพื้นผิว scratch board ทำให้ได้ภาพลายเส้น และใช้ airbrush สำหรับภาพขนาดใหญ่

ใช้เพื่อนคู่ใจ ให้ AI วาดภาพเลยดีไหม

camera lucida คืออุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นต้นศตวรรษที่ ๑๙ โดยหลักการง่าย ๆ คือใช้กระจกสะท้อนภาพวัตถุลงบนกระดาษ เพื่อช่วยให้ศิลปินมองเห็นภาพเสมือนขณะมองวัตถุต้นแบบไปด้วย สามารถลากเส้นขอบและรายละเอียดของวัตถุลงบนกระดาษได้ไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพทิวทัศน์และภาพเหมือนของวัตถุต่าง ๆ ต่อมามีการประดิษฐ์ camera lucida ที่ใช้ประกอบเข้ากับกล้องจุลทรรศน์เพื่อช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ลอกภาพเล็ก ๆ ที่เห็นจากช่องมองอย่างแม่นยำ และเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้กันทั่วไปจนถึงทศวรรษ ๑๙๘๐ จึงเสื่อมความนิยมเมื่อเริ่มผลิตอุปกรณ์เชื่อมต่อกล้องถ่ายภาพเข้ากับกล้องจุลทรรศน์โดยตรง

Image

https://en.wikipedia.org/wiki/Camera_lucida

จะบอกว่า เมื่อเรามีเทคโนโลยีดีขึ้นที่ทำให้สามารถถ่ายทอดภาพสามมิติเป็นภาพสองมิติได้ถูกต้องรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น เราก็ควรใช้เต็มประสิทธิภาพ จะมีเหตุใดให้ปฏิเสธ ?

ย้อนไปราว ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา เราเห็นศิลปินนักวาดภาพพฤกษศาสตร์ระดับนานาชาติหลายคนสร้างสรรค์งานแบบดิจิทัลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์  มาถึงยุคนี้ที่โปรแกรม Image Generative AI พัฒนาความสามารถในการสร้างผลงานตามคำสั่งอย่างไม่จำกัด ก็ไม่เป็นเรื่องแปลกที่ศิลปินจะฝึกฝนการสร้างภาพวาดพฤกษศาสตร์ด้วยเครื่องมือเหล่านี้

แต่สิ่งที่ต้องตระหนัก...คือ ภาพวาดพฤกษศาสตร์ไม่ใช่ snap shot

ดังนั้นด้วยกระบวนการสร้างสรรค์ภาพที่ใช้การประมวลความรู้ความเข้าใจในลักษณะของพืชตัวอย่างทำให้ได้ภาพถูกต้อง แม่นยำ และสวยงาม เราจะใช้เครื่องมือใดก็ไม่มีข้อโต้แย้งเชิงวิชาการ และเป็นที่ยอมรับได้สำหรับนักพฤกษศาสตร์

อุปกรณ์วาดภาพ พู่กัน ดินสอสี จานสี และการศึกษาการใช้สีวาดภาพพฤกษศาสตร์ของสมาชิกเครือข่ายวิทย์สานศิลป์

คุณค่าเหนือกาลเวลาของภาพวาดพฤกษศาสตร์

แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไม่หยุดยั้ง แต่ภาพวาดพฤกษศาสตร์ยังคงเป็นเส้นใยที่สอดสานศิลปะและวิทยาศาสตร์ได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะสร้างขึ้นจากดินสอ สีน้ำ หรืออัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์

สิ่งสำคัญยิ่งกว่าอุปกรณ์คือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพืชพรรณที่ถ่ายทอดออกมาเส้นสายที่เกิดจากการสังเกตและเรียนรู้ไม่เพียงบันทึกความงามของธรรมชาติ แต่ยังเป็นภาษาทางวิทยาศาสตร์ที่ส่งต่อองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น เทคโนโลยีอาจช่วยให้การสร้างสรรค์รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่จิตวิญญาณของภาพวาดพฤกษศาสตร์ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา เป็นมรดกแห่งภูมิปัญญาที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไว้ด้วยกัน