Image
เวียนเทียนด้วยต้นไม้
ได้มากกว่า “ทำบุญ”
Holistic
เรื่อง : ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์
ภาพประกอบ : zembe
ย้อนกลับไป ณ จุดเริ่มต้นงานประเพณี
ต่าง ๆ เช่น วันสงกรานต์ วันลอยกระทง หรือการเวียนเทียนด้วยดอกไม้ธูปเทียน ล้วนเหมาะสมกับกาลเทศะในช่วงเวลานั้น ด้วยอดีตน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ไม่มีการใช้วัสดุย่อยสลายยาก และผู้คนยังน้อยอยู่ไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นมารวมตัวนับหมื่นนับแสนคน

สู่ยุคปัจจุบันที่ข่าวสารข้อมูลเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย งานประเพณีที่ไหน “เด่น ดัง ดี” คนจะไปแออัดยัดเยียด ไม่เพียงแค่คนท้องถิ่นและคนต่างถิ่น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก งานประเพณียุคนี้จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรมหาศาล 

“งานประเพณีไม่มีขยะ” จึงไม่มีอยู่จริง เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร จัดหลายวัน บางวันมีคนเข้าร่วมประมาณ ๑ แสนคน แต่ละวันมีขยะ ๑๕ ตัน และบริเวณรอบข้างอีก ๗๕ ตัน ส่วนใหญ่เป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ เช่น ขวดนํ้า ถังนํ้า ขันนํ้า  ส่วนหลังเทศกาลลอยกระทงในกรุงเทพมหา-นครจัดเก็บกระทงในลำนํ้าได้กว่า ๖.๔ แสนใบ เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ ๑๑.๗๔ ซึ่งจากสถิติพบว่าปริมาณกระทงเพิ่มขึ้นทุกปี

ส่วนการเวียนเทียนด้วยดอกไม้ธูปเทียนนั้นแม้จะมีความหมายดี คือระลึกถึงและบูชาคุณพระรัตนตรัย แต่ก็เกิดขยะดอกไม้ธูปเทียนจำนวนมาก  ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ-ราชวิทยาลัยพบว่า ขยะจากดอกไม้ธูปเทียนในวันเวียนเทียนของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเฉลี่ย ๑,๐๐๐ กิโลกรัมต่อปี ประเทศไทยมีวัด ๔ หมื่นแห่ง คำนวณง่าย ๆ ปีหนึ่ง ๆ จะมีขยะดังกล่าวประมาณ ๔ หมื่นตัน

การจุดธูปยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้เวียนเทียน ด้วยควันธูปเทียนมีสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว
มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งการจุดธูปหนึ่งดอก มีสารเคมีที่มีผลเท่ากับสูบบุหรี่หนึ่งมวน ดังนั้นการจุดธูปสามดอกจึงเท่ากับสูบบุหรี่สามมวนพร้อม ๆ กัน และเป็นการรับควัน “มือหนึ่ง” เนื่องจากเมื่อเราถือธูปเทียนที่จุดแล้วไว้ระดับอก จึงสูดควันเข้าไปโดยตรง นอกจากนี้ผลการศึกษาพบว่า การจุดธูปในบ้านสามดอกโดยไม่ระบายอากาศ ก่อมลพิษเทียบเท่าสี่แยกที่มีการจราจรหนาแน่น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ จึงก่อเกิดขึ้นและรณรงค์ให้ชาวพุทธหันมาเวียนเทียนด้วยต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว หรือคำศัพท์สมัยพุทธกาลคือ “ถิ่นรมณีย์” แก่วัดและสถานที่ทั่วไป เพราะนอกจากจะดีต่อร่างกายแล้ว ต้นไม้ที่ร่มรื่นมีส่วนให้ใจสงบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เห็นความจริงของชีวิต หรือถึงขั้นบรรลุธรรม จนมีคำกล่าวว่า “ถิ่นรมณีย์” คือจุดตั้งต้นของพระพุทธศาสนา

การเวียนเทียนด้วยต้นไม้ยังเป็นวิธีแก้ปัญหาสุขภาพที่บางคนเรียก “กรรมร่วม” ของคนทั้งประเทศ คือมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งกินระยะเวลายาวนานขึ้นทุกปี ในพื้นที่ภาคเหนือ บางจังหวัดต้องเผชิญภาวะนี้ถึง ๕ เดือน และงานวิจัยพบว่าฝุ่น PM 2.5 ทำให้คนอายุสั้นลง เช่น คนเชียงใหม่จะอายุสั้นลง ๑.๗ ปี
ต้นไม้คือผู้ปกป้องเราจากมลพิษดังกล่าว และทำหน้าที่กักเก็บคาร์บอน ตัวการหลักที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งช่วยดูดฝุ่นพิษ PM 2.5 โดยมีรายงานว่าฝุ่น PM 2.5 ที่ผ่านเรือนยอดของต้นไม้จะมีปริมาณลดลงร้อยละ ๑๐-๕๐ เพราะส่วนหนึ่งจะตกอยู่บนสารเคลือบใบที่มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ หรือมีขนเล็ก ๆ อีกส่วนจะถูกดูดเข้าไปในลำต้นผ่านรูอากาศ มิเพียงเท่านั้นต้นไม้ยังทำให้อุณหภูมิลดลง เรียกได้ว่าเป็นทั้งเครื่องกรองอากาศและเครื่องปรับอากาศธรรมชาติที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อและไม่เปลืองค่าไฟ

ด้วยผลดีมหาศาลหลายด้าน มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ จึงรณรงค์ให้วัดต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการเวียนเทียนด้วยต้นไม้ และนำต้นไม้ที่ผ่านการเวียนเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้วไปปลูกที่วัด บ้าน หรือพื้นที่สาธารณะ ตั้งใจให้เป็นประเพณีใหม่ที่ได้รับความนิยมโดยใช้เวลา ๓-๕ ปี “นึกถึงเวียนเทียนนึกถึงเวียนเทียนด้วยต้นไม้” เช่นเดียวกับประเพณีสวดมนต์ข้ามปี

เมื่อวันนั้นมาถึง เพียงหนึ่งในสี่ของวัดในประเทศไทย หรือประมาณ ๑ หมื่นแห่งเข้าร่วมโครงการนี้ โดยปลูกต้นไม้ วัดละ ๑๐๐ ต้น ในการเวียนเทียนปีละสามครั้ง ประกอบด้วย วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ก็จะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๓ ล้านต้น ซึ่งเหมาะกับสภาพพื้นที่และความต้องการ หากประเพณีปลูกต้นไม้ขยายครอบคลุมไปถึงวาระสำคัญของชีวิต ไม่ว่าวันเกิด วันแต่งงาน วันเกษียณ หรือนึกอยากทำบุญ ก็ยิ่งเกิดพื้นที่สีเขียวที่ดีต่อกายและใจมากขึ้น

ส่วนคำถามที่ว่าการเวียนเทียนด้วยต้นไม้แทนการจุดธูปเทียนจะได้บุญหรือไม่ พระไพศาล วิสาโล ประธานมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ อธิบายว่า การเวียนเทียนด้วยต้นไม้นั้นจะได้บุญสองประการคือ บุญที่เกิดกับใจ เมื่อระลึกถึงพระรัตนตรัยแล้วจิตแจ่มใสเบิกบานก็ถือว่าเป็นบุญ และบุญที่เกิดแก่ส่วนรวม เมื่อนำต้นไม้ไปปลูกให้ร่มเงาเกื้อกูลสุขภาพกายใจทั้งของตัวเองและผู้อื่น 

ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่กำลังจะถึงนี้ จึงขอเชิญชวนให้เวียนเทียนด้วยการปลูกต้นไม้ มองหาวัดใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ หรือไม่คุณก็เป็นฝ่ายรุก แสดงความจำนงให้ทางวัดเข้าร่วมโครงการเวียนเทียนด้วยต้นไม้ เพื่อประสานงานรับกล้าไม้และอุปกรณ์จัดงานฟรี  ท่ามกลางสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่วิกฤตเช่นนี้ ยิ่งลงมือทำได้เร็วเท่าไรยิ่งดี