ANSi by Sarakadee
Home
Articles
Issues
Log in
ผ้าป่านโบราณ
เล่าผ่านเหล่า (เซียน) ซือ
คิด-cool
เรื่อง : นุชจรี โพธิ์นิยม
(นักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช
ศิลปกรรม : ไพลิน จิตรสวัสดิ์
(นักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
พบสิ่งน่าทึ่งใต้รูปทองมหาเทพผู้ปกปักวัดบำเพ็ญจีนพรต (ย่งฮกยี่) ย่านเยาวราช
ผิวเผินคือ ขุนพลนักรบจีน “อุ่ยท้อ
ผ่อสัก” (韋馱菩薩) พระสกันทโพธิสัตว์-เทพธรรมบาลของชาวพุทธนิกายมหายาน
รูปเคารพนั้นยืนสง่าด้วยชุดเกราะและมหามงกุฎดูวิจิตรงดงาม บ้างโยงว่าท่านเป็นโอรสพระอิศวร เทพองค์หนึ่งที่ชาวฮินดูสักการะ
ต่อเมื่อเหล่าซือ-ผู้คอยแนะนำสาธุชนที่มาอาราม ชวนสังเกตวัสดุใช้ขึ้นรูป
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงกระจ่างว่าไม่ใช่ศาสนวัตถุจากทองคำ ทองเหลือง โลหะ สำริด หรือไม้แกะสลัก นี่คือ “เกี๊ยบติ๋วฮุกเสี่ย”
(挾紓佛像) หรือ “พระพุทธรูปปิดผ้าป่าน
ลงรัก” (เกี๊ยบติ๋ว หมายถึงการซ้อนทับด้วยผ้าป่าน) ศิลปกรรมของชาวจีนโบราณ
ตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ้น โดยมีรากวัฒนธรรม
จากอินเดียและเอเชียกลาง
ในฐานะเจ้าอาวาสลำดับที่ ๑ ของวัดย่งฮกยี่ พระอาจารย์สกเห็ง (續行大師)
ผู้รับสมณศักดิ์จากในหลวงรัชกาลที่ ๕ เป็นพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เจ้าคณะ
ใหญ่จีนนิกายรูปแรก สั่งสร้างพุทธศิลป์นี้และเทพเจ้าจีนอีก ๑๘ อรหันต์ ประดิษฐาน
ในวัดเดียวกัน โดยมีกระบวนวิธีเกิดขึ้นที่เมืองจีน
เล่ากันว่าช่างหัตถ-กรรมขึ้นโครงหุ่นด้วยวัสดุหาง่ายอย่างไม้หรือดินปนทราย
ปิดทับด้วยผ้าป่านเสริมความแข็งแรง ก่อนใช้
ผ้าป่านทาบโครงต้นแบบ
ลงยางรักทับ ทำเช่นนั้นทีละชั้นแล้วรอจนแห้งจะได้วัสดุที่แข็งทนแต่เบาค่อยผ่าผ้าป่านออกจากหุ่น เรียกกรรมวิธีนี้ว่า “ทกทอ
(脱胎)” ถ้าถอดแบบจากดินปน
ทรายจะเรียก “ทกซา (脱沙)”
แล้วผนึกรอยผ่าโดยปั้นแต่งรายละเอียดด้วยยางรักผสมปูน ทับผ้าป่านอีกครั้ง แห้งสนิทคราวนี้จึงลงรักปิดทอง ได้
องค์เทพที่งามสมบูรณ์
จึงขนส่งข้ามน้ำข้าม
ทะเลสู่วัดจีนแห่งแรกบนแผ่นดินสยาม
กาลล่วง
มาห้าแผ่นดิน
ร่องรอยที่ปกปิดเผยลวดลายการทอของแนวด้ายยืนและด้ายพุ่งที่ตัดกันเป็นตารางจิ๋วบนผืนผ้าป่าน
เป็นหลักฐาน-ตำราเล่าภูมิปัญญาของบรรพบุรุษแก่ลูกหลานชาวจีนในไทย ราวครูท่านหนึ่งก็ไม่ปาน