รางวัลที่นิตยสาร Le Point มอบให้ในฐานะ ๑ ใน ๑๐๐ นักประดิษฐ์อัจฉริยะชาวฝรั่งเศสที่จะเปลี่ยนชีวิตเรา (La relève du génie français : 100 inventions qui vont changer nos vies) เมื่อกลางปีนี้มีที่มาอย่างไร
ทางสถาบันปาสเตอร์เสนอชื่อผมไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และก็มาได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร Le Point (หมายถึงประเด็น) ในปีนี้ แต่จริง ๆ เบื้องหลังก่อนหน้านั้น คือ ค.ศ. ๒๐๒๐ ทีมของผมได้รางวัลจากการแข่งขันนวัตกรรม i-Lab Grand Prix ซึ่งสนับสนุนโดยกระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม (Ministry of Higher Education, Research and Innovation) ของฝรั่งเศส ที่นั่นให้ความสำคัญเรื่องงานวิจัยมาก มีการจัดแข่งขันทุกปี
ตอนนี้ที่ฝรั่งเศสพยายามรณรงค์เรื่องนี้ one health ทั่วโลก แม้แต่ WHO ก็ทำไม่ได้ ต้องสร้างความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน และพยายามหาองค์กรระดับนานาชาติเป็น international organizer เพราะทุกอย่างเกี่ยวข้องกันหมด
ตอนนี้สิ่งที่เราเน้น คือใช้วิทยาศาสตร์เป็น soft power วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาความจริงของชีวิต ของธรรมชาติ ถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนทฤษฎีเดิม คุณก็ต้องหาทางพิสูจน์ วิทยาศาสตร์จะต่างจากสังคมศาสตร์ตรงที่วิทยาศาสตร์ทําที่ไหนผลต้องเหมือนกัน ถ้าไม่ตรงกันต้องอธิบายได้ เป็นอะไรที่บริสุทธิ์ในการเชื่อมโยงคนเข้าด้วยกัน แล้วก็ช่วยชีวิตคน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติไหน วิทยาศาสตร์จะเป็น soft power ที่เชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันได้
เรื่องนี้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลไทยจะสนับสนุน soft power แต่เขาไม่คิดว่า science คือ soft power อย่างหนึ่ง เขาว่าจะใช้ soft power เปลี่ยนจากประเทศกำลังพัฒนาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนมี science and technology เป็นตัวนำเศรษฐกิจ
ตอนนี้ผมรับผิดชอบทีมวิจัยชื่อ Ecology and Emergence of Arthropod-borne Pathogens เราศึกษาเรื่องของระบบนิเวศที่เปลี่ยนไปและทําให้โรคติดเชื้อจากแมลง (insect) สัตว์ขาปล้อง (arthropod) ทั้งหลายมาสู่คน อยู่ใต้แผนก Global Health ของสถาบันปาสเตอร์
อันนี้คือตำแหน่งงานปรกติ แต่ผมไม่อยู่นิ่ง เราสร้างโครงการอยู่ตลอดเวลา ตั้งศูนย์วิจัยด้านโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ชื่อ Pasteur International Center for Research on Emerging Infectious Diseases ได้ทุนจาก NIH ของสหรัฐอเมริกามา ปีละกว่า ๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราสร้างเครือข่ายกับกัมพูชา แคเมอรูน เซเนกัล แล้วก็จะมีเพิ่มที่ตุรกี กับอีกหลายประเทศที่สนใจ