เรื่อง : วีระศักร จันทร์ส่งแสง
ภาพประกอบ : “Dev482”
✡ ไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่าทำไมวิถีอีสานจึงเกี่ยวพันกับเรื่องผี ๆ อย่างแน่นเหนียว ในยุคที่โลกแทบไม่เหลือที่ทางสำหรับสิ่งลี้ลับอีกแล้ว แต่ผีหลายจำพวกยังอยู่กับชุมชนอีสาน ✡ คำเล่าขาน มโนทัศน์ ความเชื่อบางแง่มุมถูกนำไปเล่าต่อในโลกของเรื่องแต่ง ผ่านการแต่งเติมบิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริงเดิม กลายเป็นความรับรู้และความเข้าใจใหม่ของคนนอกพื้นที่ ซึ่งอาจต่างจากที่ชาวอีสานรู้จักและหวาดผวามาแต่ไหนแต่ไร ต่อ “ผีร้าย” ที่ให้โทษต่อผู้เคราะห์ร้าย ✡ ดังที่ยกมาบางส่วนนี้...
มักจะเข้าสิงร่างผู้หญิงเหมือนผีเป้าผีโพง ใครถูกผีกะสิง คนอื่นจะเรียกคนนั้นว่าผีกะ มีพฤติกรรมมักมากในกามคุณ
เล่ากันว่า ผู้หญิงที่เป็นผีกะตอนกลางวันจะเก็บตัว ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร ตัวเหลือง ซูบ แต่หลังพระอาทิตย์ตกดินหน้าตาจะสะสวย แต่งตัวสวยงาม มีเสน่ห์ ผู้ชายหลงใหล
ผีกะมักไม่มีบุตร สามีอยู่ในโอวาท ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือนแม้รู้ว่านางเป็นชู้กับชายอื่น ทั้งอาจรู้เห็นเป็นใจให้ภรรยาเล่นชู้กับชายอื่นด้วย กลางคืนมักมีผู้ชายแวะเวียนมาหา และเล่นชู้กับผีกะ โดยสามีเปิดโอกาสให้
เป็นที่รังเกียจของสังคมจากความมักมากในกามารมณ์ ไม่อยู่ในศีลธรรม
สิงอยู่ในร่างใครชาวบ้านจะเรียกคนนั้นว่าเป็นผีปอบ เกิดจากคนที่เรียนเวทมนตร์อาคม พวกคาถาคงกระพัน คาถามหาเสน่ห์ แล้วไม่สามารถปฏิบัติตามข้อห้าม เอาเปรียบหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม
ใช้คาถาครูหีใหญ่ ทำให้อวัยวะเพศตัวเองใหญ่ ลูกผัวชาวบ้านมาหลงใหล สร้างความแตกแยกแก่ครอบครัวคนอื่น
ใช้คาถาจุบคราม ย้อมผ้าได้สวยงามจนของคนอื่นขายไม่ได้หรือได้ราคาไม่ดี
ใช้คาถารักษาโรค แล้วเรียกค่ายกครูสูงเกิน
เหล่านี้จะทำให้ผู้นั้นเป็นปอบ ซึ่งอาจมีผีปอบอยู่ตัวเดียว หรือมากถึงเก้าตัวตามความแก่กล้าของวิชา
คนที่ถูกหาว่าเป็นปอบมักทำตัวลึกลับ ไม่ชอบคบค้ากับใคร ไม่ค่อยกล้าเดินถนน ผีปอบจะออกจากร่างเจ้าของไปสิงบุคคลอื่นเพื่อกินเลือดและเครื่องใน ตับ ไส้ พุง จนทำให้คนนั้นเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ จนถึงอาจล้มตายในที่สุด
ตอนกลางคืนคนในชุมชนจะพบเห็นคนเป็นปอบอยู่ตามทางสามแพร่ง สี่แพร่ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ เป็นร่างหมูใหญ่ หมาใหญ่ หรือลิงใหญ่ เมื่อผ่านใกล้ใครที่เห็นว่า “เป็นตาตับหวาน” หรือน่ากิน ซึ่งมักเป็นผู้หญิง ผีปอบจะหาทางเข้าสู่ร่างเหยื่อโดยทางทวารใดทวารหนึ่ง ทำให้คนนั้นมีอาการผิดจากคนธรรมดา เพ้อ คลุ้มคลั่ง กระวนกระวาย คุ้มดีคุ้มร้าย ร้องตะโกนใส่คนรอบข้าง นัยน์ตาแข็งกร้าว ไม่เกรงกลัวใคร
หากญาติสงสัยว่าถูกผีปอบเข้ากินก็จะเชิญหมอธรรมมาปราบ โดยเสกน้ำมนต์รด ตีด้วยก้านกล้วย ใช้ว่านไฟทิ่มตามตัว ให้ปอบออกจากร่างคนไข้ หรือมัดด้วยสายสิญจน์ให้ปอบกลัวยอมบอกชื่อเจ้าของ และสาบานว่าจะไม่มาเข้ากินคนนี้อีก เมื่อปอบออกไปแล้วคนที่ถูกปอบกินจะได้สติ แปลกใจ และไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงก่อนนั้น
อาจด้วยความมีศีลธรรม หมอธรรมจะไม่ฆ่าปอบให้ตาย แต่จะจับใส่กระบอกปิดผ้ายันต์ นำไปถ่วงน้ำหรือฝังดิน
ตามคำอธิบายของนักมานุษยวิทยาและสังคมวิทยาบอกว่า ความเชื่อเรื่องผีปอบอีสานเป็นการพิพากษาจากสังคมต่อผู้ที่ทำตัวแปลกแยกและทำผิดจารีตกฎเกณฑ์ ทุกคนจะรังเกียจ ไม่ยอมคบหา และตัดขาดไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งอาจขับไล่ผู้ถูกกล่าวหาออกจากชุมชน หรือผู้ถูกกล่าวหากดดันจนต้องย้ายออกไปเอง
เป็นผีที่สิงอยู่กับร่างคน ชอบกินของสด เนื้อดิบ ลาบเลือดเหมือนคนเป็นผีโพง ชาวอีสานจึงมักเรียกรวมกันว่าผีเป้าผีโพง
คนเป็นผีเป้าเกิดจากเล่นว่านกระจาย ว่านสามพันตึง ซึ่งเป็นว่านที่มีคุณทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี ทำให้ฟันแทงไม่เข้า แต่ว่านทั้งสองชนิดชอบกินของสด หากผู้เลี้ยงหาให้กินไม่ทันจะออกหากินเอง หรือไม่ก็กินคนเลี้ยง
ทำให้กลายเป็นผีเป้าคนเป็นผีเป้าหรือถูกผีเป้าเข้าสิงจะเก็บตัว ไม่ค่อยพูดจากับใคร ออกหากินกลางคืน ตอนค่ำจะหาจับกบจับเขียดกิน
คนเป็นผีเป้าเมื่อตายไปก็จะเป็นผีเป้าที่ดุร้าย
คนที่ถูกผีโพงสิงจะมีแสงออกมาทางจมูกเวลาหายใจ และชอบหากินกลางคืนเหมือนกระสือในภาคกลาง ชอบกินของดิบสดเหมือนผีเป้า จึงถูกเรียกรวมกันว่าผีเป้าผีโพง
เป็นผีป่า รูปร่างคล้ายคนแต่ตัวเล็ก สูงแค่เข่า ร่างผอม ปากแหลม หน้าแหลม ผมยาวถึงเท้า
จุดเด่นคือนิ้วเท้าซึ่งมีสามนิ้วหันไปข้างหลัง ส้นเท้าหันไปข้างหน้า ถ้าเห็นรอยส้นเท้าไปทางไหนแสดงว่าผีกองกอยเดินมุ่งหน้าไปทางนั้น
ผีกองกอยแม้มีขนาดเล็กแต่ฤทธิ์เดชมาก ผ่านไปทางไหน ทำให้ต้นไม้ใหญ่สั่นสะเทือนได้ แปลงกายให้สูงใหญ่จนยกหินก้อนใหญ่ ๆ ได้ หรือแปลงกายให้สวยงามก็ได้
เป็นคนละอย่างกับผีพรายทะเล ที่จำแลงเป็นหญิงสาวมาปรากฏกายต่อชาวเรือ แต่อาจมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อเรื่องน้ำมันพรายในภาคกลาง ตรงที่กล่าวกันว่าผีพรายในอีสานก็เกิดจากหญิงตายทั้งกลม ซึ่งมักแปลงกายเป็นนกเค้าแมวเกาะหลังคาบ้านคนป่วย ซ้ำเติมให้เสียชีวิตเร็วขึ้น
ผีพรายอีสานชอบกินเลือดคนคลอดลูก บ้านที่กำลังทำคลอดต้องใช้หนามสะไว้ใต้ถุนกันผีพรายเข้ามารบกวน และญาติพี่น้องจะมารวมกันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนแม่ลูกอ่อนให้อบอุ่นใจและได้คอยช่วยป้องกันผีพราย
ที่มา :
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม ๘. (๒๕๔๒). มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.