Image
ผศ. ดร. สถิตย์ ภาคมฤค
อาจารย์ประจำสาขาวิชาการสอนภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

จากการสอนรายวิชาคติชนวิทยาและวิชาภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้ปฏิบัติการเก็บข้อมูลภาคสนาม กับความชอบส่วนตัวที่ชื่นชมวิธีคิด กุศโลบายของปราชญ์อีสานที่ส่งต่อความคิด ความรู้ มาสู่ลูกหลานต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน นำอาจารย์หนุ่มไปรู้เห็นวิถีลี้ลับเก่าใหม่ที่ผสมกลมกลืนกันอยู่ในชุมชนคนอีสานหลากชาติพันธุ์ในแอ่งสกลนคร ที่เรียกกันว่าอีสานเหนือ โดยเฉพาะศรัทธา ความเชื่อต่อเรื่องผี
ผีดีและผีร้ายในอีสานเหนือ
Small Talk
เรื่อง : วีระศักร จันทร์ส่งแสง
ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง
โลกของผีอีสานเป็นอย่างไร 
ผีในอีสานมีทั้งความหมายที่เป็น god และ ghost มีทั้งให้คุณและให้โทษ ทั้งกลุ่มที่เป็นเทวดา อย่างผีแถนดั้งเดิม กลุ่มวิญญาณของบรรพชนที่กลายเป็นผีอารักษ์ ผีปู่ตา และกลุ่มคนเล่นของที่เรียนคาถา ไสยศาสตร์ เวทมนตร์ดำ แล้วผิดพลาดทำให้เป็นผี ในอีสานเรียกรวม ๆ ว่าผีทั้งหมด

แบ่งเป็นผีให้โทษ อย่างผีปอบ ผีโพง ผีเป้า ผีห่า ผีกองกอย ส่วนผีเหยา ผีอารักษ์หรือผีปู่ตา ผีไท้ ผีน้ำ เป็นผีให้คุณ  ผีไท้อยู่บนสวรรค์ ผีน้ำอยู่ในเถื่อนถ้ำภูผาป่าน้ำมีพิธีกรรมที่เรียกว่าพิธีเหยา  ส่วนผีปู่ตาบางที่ก็เป็นผีมเหสักข์ อย่างในมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครของเราก็มี

ความเชื่อเรื่องผียังมีมากในอีสาน เดิมทีใช้บำบัดยามเจ็บไข้ไม่สบาย ตอนหลังทำหน้าที่พยากรณ์ด้วย ผ่านคนที่นับถือที่เรียกว่าผีหมอหรือร่างทรง ซึ่งมีทุกช่วงวัยและสถานะทางสังคม  อาจารย์ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเราก็มีเยอะ
ยุคสมัยเปลี่ยนไปแต่ผียังอยู่ 
อาจารย์อธิบายเรื่องนี้อย่างไร

ความเชื่อเรื่องผีในแอ่งสกลนครมีความเหนียวแน่นมาก พระคุณเจ้าบางรูปก็ยังนับถือผี แม่หมอเหยาเล่าให้ผมฟังว่า บางรูปถึงเวลาไหว้ผีประจำปี ที่เรียก “ลงข่วง” บางรูปลาสิกขาเพศเพื่อไปฟ้อนผี แล้วมาบวชใหม่ตอนรุ่งเช้า

ความเชื่อเรื่องผีในพื้นที่นี้ยังเข้มข้นมาก อาจด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูผาป่าน้ำ ความเป็นชาติพันธุ์ ซึ่งในวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี จะมีการเลี้ยงผีประจำปี ปลูกปะรำพิธี นำดอกลีลาวดีมาร้อยเป็นพวง เอาอาวุธโบราณมาฟ้อน ฟ้อนกันทั้งวัน ๒-๓ วัน จากนั้นเล่นบทบาทสมมุติในการทำอาชีพ ตกปลา คล้องช้างม้าสร้างบ้านแปงเมือง เป็นความทรงจำการดำรงชีพของกลุ่มผีดั้งเดิม จากนั้นเล่นน้ำ ส่งผีขึ้นเมืองแถนก็จบพิธี

การไหว้ผีในพิธีกรรมรักษา เจ็บไข้ไม่สบาย ไปหาผีให้ “ส่อง” คือตรวจว่าเป็นด้วยเหตุอะไร ถ้าด้วยการล่วงเกินผีก็รักษาให้ได้ ทำให้มีการสืบทอดและสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ด้วย  อันนี้คือผีเหยา หรือผีฟ้าในแถบอีสานใต้ ทั้งรักษา ทำนาย และให้โทษกรณีไม่ปฏิบัติตาม

“แม่เมือง” จะอ้างอำนาจผีมาบอกและรักษา คนป่วยที่แม่ครูช่วยรักษาหายต้องเป็นลูกเมืองของแม่ครูหรือแม่เมืองคนนั้น  เมื่อมีการลงข่วงหรือเลี้ยงผีต้องมาฟ้อนด้วยกันที่บ้านแม่เมือง บางชุมชนก็มีสองสามสำนัก เกิดโครงใยสัมพันธ์ที่รู้จักกันหมด บางงานมากถึง ๓๐๐-๔๐๐ คน ต้องซื้อขันครูคนละ ๓๐๐-๔๐๐ บาท นักการเมืองก็เข้ามาช่วยซื้อขันครูให้ฟ้อน เพื่อหาคะแนนนิยม

นอกจากนี้ยังมีหมอพราหมณ์ หมอโหราศาสตร์ หมอธรรม หรือคนที่ประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ แต่ก่อนนี้จะเป็นคนละกลุ่ม ตอนหลังอยู่ในคนเดียวกัน ผีหมอหลายคนจึงเป็นหมอสู่ขวัญด้วย หมอโหราศาสตร์ด้วย ทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย
Image
กลุ่มผีที่น่ากลัวอย่างผีปอบล่ะ
เป็นผีร้าย แต่รักษาได้ สมัยก่อนคนเป็นปอบจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านมาอยู่รวมกัน หลวงปู่มั่นมาทำพิธีโยนตะกรุดลงในบ่อน้ำ คนเป็นปอบกินแล้วหายทั้งหมู่บ้าน หมอเหยาก็รักษาได้ ทางอีสานเหนือจึงไม่ค่อยมีปอบมากเหมือนที่ได้ยินแถวอีสานกลาง

ปอบมีทั้งคนที่เป็นจริงและปอบแบบการเมือง  คนอยากได้ที่คนอื่น แต่เจ้าของไม่ยอมขายให้ ก็ไปปล่อยข่าวว่าเขาเป็นปอบ จนต้องย้ายออกไป ก็ต้องยอมขายที่

อีกแบบคือพวกเรียนคาถาอาคม ซึ่งเขาห้ามผู้หญิงเรียน คนที่เรียนก็เป็นปอบ  เรียนคาถาแล้วไม่สามารถรักษาข้อห้ามได้ ทำให้เป็นปอบ  และหมอที่เก็บเงินค่าครูสู่ขวัญเกินก็จะกลายเป็นปอบ

ในตอนหลังเพิ่งมีผีแม่ม่ายปรากฏขึ้นหลังจากคนไปทำงานในทะเลและที่ซาอุฯ แล้วใหลตาย ก็ลือกันว่ามีผีแม่ม่ายเกิดขึ้น

ส่วนผีตะเคียนที่แถวเต่างอยเอาต้นตะเคียนขึ้นมาเป็นเจ้าแม่นั่นนี่ เป็นสิ่งที่เพิ่งประกอบสร้างขึ้น ที่จริงอีสานไม่มีต้นตะเคียน แต่ลอกวิธีคิดมาจากภาคกลาง ตามความเชื่อของอีสานต้นไม้ใหญ่ทุกต้นมีผีอยู่ทั้งหมด ตามคำกล่าวว่า “ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่ซู้ ธรณีอกสิแตก” แปลว่า ต้นไม้ใหญ่ถ้าไม่มีผี สาวงามไม่มีผัว บ้านเมืองจะพินาศ
‘‘ต้นไม้ใหญ่บ่มีผี สาวผู้ดีบ่ซู้ ธรณีอกสิแตก แปลว่า ต้นไม้ใหญ่ถ้าไม่มีผี สาวงามไม่มีผัว บ้านเมืองจะพินาศ’’
ผีน่ากลัวในที่มืดๆ  สมัยนี้ไฟฟ้าสว่างไสวทั่วหมด
แล้วผียังน่ากลัวอยู่ไหม

นอกจากความมืดยังมีปรากฏการณ์ที่ผีเข้าคนนั้นคนนี้ คนโบราณเคยเห็นว่าผีปอบไปเข้าคน เห็นการไล่ปอบ คนที่ได้รู้ได้เห็นก็ยังเชื่อ

ถัดจากผีปอบก็ผีห่า ซึ่งร้ายแรงกว่า กินคนได้  ไม่ได้กินแบบควักไส้ควักพุงแบบในภาพยนตร์ แต่เป็นการตายโดยไม่ทราบสาเหตุ มือเท้าเหลือง ก็เข้าใจกันว่าโดนผีกินข้างใน

จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ แต่ว่าคนป่วยบางคน เมื่อหมอธรรมถามว่าปอบที่มาสิงนี้เจ้าของเป็นใคร หลังจากใช้ต้นข่าหรือก้านกล้วยเฆี่ยนตีแทนหวาย หรือทำทารุณกรรมโดยใช้ว่านไฟจิ้มตามร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าทำให้ผีร้อน หรือหนักสุดที่ผมเคยเห็นและเคยได้ยินคือเคี้ยวพริกสดพ่นใส่ตา  ปอบจะยอมบอกชื่อคนเป็นเจ้าของ ซึ่งอาจอยู่ห่างกันสามสี่หมู่บ้าน คนป่วยไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ปอบในร่างคนป่วยพูดเองว่าฉันเป็นปอบของคนนั้น  นี่พ้องกันในหลายกรณีที่เป็นมา  เป็นเรื่องเล่าที่คนยุคนี้อาจไม่ได้เห็น แต่ผมเคยเห็นตอนยังเด็ก
Image
ความเจริญทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ความเชื่อเรื่องผีคลายลงหรือยิ่งเหนียวแน่น
ไม่มีผล แต่ก่อนผู้นำความเชื่อนี้เป็นพื้นที่ของผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายเป็น “ม้า” เล่นแคนให้ผู้หญิงรำ เขาพูดว่านั่งบนหลังม้า ก็คือนั่งบนเสียงดนตรี  ต่างจากภาคกลางที่ใช้ควันในการขึ้นไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์  อีสานใช้ดนตรีซึ่งผู้ชายเล่น ผู้หญิงเป็นผู้ทำพิธี  แต่หลัง ๆ มี LGBT เยอะมาก ชายที่เป็นหญิงเป็นได้ทั้งผีและเป็นม้า หลายสำนักเป็นแม่เมืองเอง ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็มีเยอะ ทำให้การนับถือผีเยอะตามไปด้วย

ส่วนหนึ่งเขาได้แสดงตัวตนของเขาด้วย สมัยนี้พอมีระบบออนไลน์ สมมุติผมอยากเหยา คืออยากให้ทำพิธีรักษาให้หน่อย หมออยู่ที่สำนักก็ใช้วิธีวิดีโอคอล อย่างนี้ก็มีเทคโนโลยีกลับช่วยทำให้เกิดช่องทางเพิ่มเติม เดี๋ยวนี้หมอเหยาบางคนมีเพจให้คนติดตามเหมือนเพจติดตามดารา
คนรุ่นใหม่มักนิยมทางความทันสมัย ซึ่งบางทีก็เหยียดเรื่องความเชื่อว่าเป็นสิ่งล้าหลังด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้ทำไมเขาเอาด้วย
สำหรับกลุ่มที่อยู่ในสถาบันการศึกษา บางสาขาวิชาก็ทำให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาสนใจความเป็นท้องถิ่นด้วย ไม่อายการเป็นท้องถิ่น ทำให้การนับถือผียังคงอยู่  หรือแม้แต่คนนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งที่สกลนครมีเยอะ คริสต์ใหม่ที่เคยนับถือผีบรรพชนก็ยังต้องไปฟ้อนผี ยังต้องเหยาแม้ตอนนี้จะเป็นคริสตชน

ชาวพุทธมีผีประจำนาที่เรียกว่าผีตาแฮก  ชาวคริสต์ที่นี่ก็มีผีตาแฮก บาทหลวงก็ไม่ได้ห้ามนับถือ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งสังคมพหุวัฒนธรรม ไม่เหยียดหยามกันทางความเชื่อ

แม้อีสานเหนือถือเป็นจุดฮับในการขยายกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่น เป็นจุดกระจายพระเกจิไปยังที่ต่าง ๆ แต่กองทัพธรรมของหลวงปู่มั่นก็ไม่สามารถทำลายผีของที่นี่ลงได้ การนับถือผียังคงอยู่
พุทธกับผี อันไหนเก่ากว่าในพื้นที่นี้
ผีอยู่ก่อน พุทธเพิ่งเข้ามา แต่ไม่ได้มาแบบทำลายล้างมาแบบผสมผสาน

สถานที่ราชการในจังหวัดยังทำรูปเคารพในสามศาล หอพระ หอพระพรหม หอผี  เป็นพุทธ พราหมณ์ ผี เรียงอยู่ในที่เดียวกัน 
อันไหนแข็งแรงกว่า 
ในทางโครงสร้างพุทธแข็งกว่าอยู่แล้ว เพราะรัฐวางโครงสร้างชัดเจน ขณะที่ผีเป็นโครงสร้างแบบพื้นถิ่นที่ชาวบ้านทำเอง ซึ่งมีลักษณะยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย ตรงกันข้ามกับโครงสร้างของพระที่มีข้อจำกัด คนเข้าถึงยากกว่า จึงไม่แปลกที่พระบางรูปจึงเป็นผีหมอด้วย
‘‘แม้อีสานเหนือถือเป็นจุดฮับในการ ขยายกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่น... แต่กองทัพธรรมของหลวงปู่มั่นก็ไม่สามารถทำลายผีของที่นี่ลงได้ การนับถือผียังคงอยู่’’
Image
นับถือผี ถือเป็นลัทธิหรือศาสนาไหม
เคยเห็นคนบอกว่าเป็นศาสนาผี แต่ผมคิดว่าเป็นเชิงปรัชญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ถึงความเป็นศาสนา เพราะโครงสร้างไม่ชัด

โครงสร้างของผีอีสานไม่ค่อยซับซ้อน มีแม่เมืองเป็นเจ้าสำนักหลัก ลูกเมืองคือคนที่นับถือ เปียงคือผู้ช่วยในการทำพิธีกรรม มีอยู่แค่นี้
ศาสนาต้องมีคำสอน ผีสอนว่าอย่างไร
ใช้คำสอนของศาสนาพุทธ ห้ามฆ่าสัตว์ เข้าวัดฟังธรรม รู้จักกตัญญู ใช้ศาสนาพุทธมาเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมด้วย ไม่ได้ขาดจากกัน
แต่เกิดการผสานกัน ?
ใช่ครับ ผีบางกลุ่มก่อนทำพิธีมีตั้งนะโมด้วยซ้ำ
ผีก็สอนให้สวดมนต์รักษาศีลด้วย ?
ใช่ แต่ต่างกันตรงข้อ ๕ ที่ผีนิยมกินเหล้าขาวเวลาฟ้อนรำ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเลย
พุทธให้ตัดกิเลส พึ่งตนเอง เป็นคำสอนที่ชวนให้เดินตาม ผีมีจุดเด่นหรือจุดแข็งอะไร
ผียังเป็นที่นิยมเพราะสามารถสนองตัณหาตามการร้องขอ การพยากรณ์ การรักษา พระบางรูปแม้จะเป็นหมอยา แต่ก็สู้หมอผีไม่ได้  ผียังเป็นที่นิยมอยู่เหมือนเดิม
ได้แบบฉับพลัน มีความทุกข์อยู่ ช่วยหน่อย ?
ใช่ ผีสามารถเข้าถึงง่าย พระอาพาธบางรูปให้ผีหมอมารำรักษาก็มี แต่กับกลุ่มพระป่าตัดขาดกันสนิท  แต่คนที่ทำบุญใส่บาตรให้พระฉันก็คือคนที่นับถือผี คนนับถือผีนั่นแหละที่เข้าวัด
คนอีสานที่นับถือผีเป็นกลุ่มเดียวกับที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งเหมือนกัน ถึงวันพระจะสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ ตักบาตร