cr. Freepik
Design the Future
1890-2050
scoop
เรียบเรียง : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
ว่ากันว่ายุคสมัยของรถยนต์ไฟฟ้ามาถึงแล้ว แม้ส่วนแบ่งการตลาดจะยังน้อยกว่ารถยนต์สันดาป แต่ในรถทุกประเภท ขนาดและราคา ก็เริ่มปรากฏเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้ารุกคืบเข้าไปทดแทนเทคโนโลยีเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตามความนิยมในรถยนต์ที่ครอบครองพื้นผิวถนนทั่วโลก ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องยนต์กลไก แต่ยังเป็นการออกแบบหน้าตา รูปทรง ฟังก์ชันการใช้งาน และปัจจัยอื่น ๆ มากมาย
มาย้อนดูหน้าตาของรถยนต์ไฟฟ้า (ไม่รวมรถไฮบริด) จากอดีตถึงปัจจุบันและอนาคต ที่คัดสรรมาบางรุ่น เพื่อเป็นตัวแทนยุคสมัยและความเปลี่ยนแปลง
Electric
Wagon
1890
นักเคมีและมังสวิรัติ วิลเลียม มอร์ริสัน (William Morrison) สร้างรถแวกอนไฟฟ้าหกที่นั่ง (บ้างว่านั่งได้ถึง 8-12 คน) เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่เขาคิดค้น วิ่งได้เร็วสูงสุด 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่วางไว้ใต้ที่นั่ง
อ้างอิง http://electriccars.com/MUSEUM/history/1890/1890morrison.htm
Lohner-
Porsche
Electromobile
1900
ออกแบบโดย แฟร์ดีนันท์ พอร์เชอ (Ferdinand Porsche) ตอนอายุ 25 ปี จัดแสดงครั้งแรกที่งานเอกซ์โป กรุงปารีส ทำความเร็วสูงสุด 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหตุผลที่เขาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าก็เพราะอากาศสมัยนั้น “ปนเปื้อนหนักมากจากการใช้เครื่องยนต์น้ำมัน”
อ้างอิง
https://newsroom.porsche.com/en/products/taycan/history-18563.html
Jamais
Contente
1899
ในการแข่งรถของฝรั่งเศส หลังจากรถที่ออกแบบโดย คามิลล์ เจนาตซี (Camille Jenatzy) แพ้รถของ Charles Jeantaud ถึงสามครั้ง เขาจึงออกแบบรถใหม่ใช้ล้อขนาดเท่ากันทั้งสี่ล้อ ตัวถังอะลูมิเนียม และมีรูปทรงเพรียวลมตามหลักแอโรไดนามิกส์ ทำให้เป็นรถไฟฟ้าคันแรกที่วิ่งเร็วกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อ้างอิง
https://chateaudecompiegne.fr/collection/objet/automobile-electrique-la-jamais-contente
Detroit Electric
Model 47 Brougham
1914
บริษัท Detroit Electric ผลิตรถไฟฟ้ารวมมากกว่า 1.3 หมื่นคันในช่วง 30 ปีเศษ (1907-1939) หนึ่งในนั้นคือรุ่น Model 47 Brougham ซึ่ง คลารา ฟอร์ด (Clara Ford) ภรรยาของ เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) ซื้อไว้ใช้ โดยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้หญิงอเมริกันชอบขับรถไฟฟ้า เพราะไม่ต้องออกแรงหมุนก้านสตาร์ตรถ
อ้างอิง
https://www.thehenryford.org/collections-and-research/digital-collections/artifact/209957/
Sebring-
Vanguard
CitiCar
1974
ออกแบบสำหรับเดินทางในเมือง รูปทรงแนวไซไฟขนาดกะทัดรัดสองที่นั่ง วิ่งไกลราว 60 กิโลเมตรต่อชาร์จ ตัวถังพลาสติก ABS เป็นรถไฟฟ้ายุคแรกที่ผลิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน คือมากกว่า 2,000 คัน
อ้างอิง
https://www.grautogallery.com/vehicles/8582/1974-sebring-vanguard-citicar
GM EV1
1996
จัดอันดับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่คันแรก รถคูเป้ (coupe) สองประตู วิ่งได้ไกลสุด 150 กิโลเมตรต่อชาร์จ ชาร์จแบบเร็ว 3 ชั่วโมง และแบบเต็ม 15 ชั่วโมง เฉพาะแบตเตอรี่หนัก 535 กิโลกรัม ราคาจำหน่ายแพงกว่ารถยนต์น้ำมันประมาณสามเท่า
อ้างอิง
https://www.drive.com.au/caradvice/25-years-of-drive-the-worlds-first-electric-vehicle-goes-on-sale/
Tesla
Roadster
2008
จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยแนวคิดใหม่ของเทสลา ทั้งโครงรถที่ใช้วัสดุเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน น้ำหนักกว่า 450 กิโลกรัมวางกลางโครงแชสซี รูปทรงตามหลักแอโรไดนามิกส์ สามารถเร่งสปีดจาก 0 ถึง 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.7-3.9 วินาที ว่ากันว่าต้นแบบของ Tesla Roadster คือรถสปอร์ต Lotus Elise
อ้างอิง
https://www.autoevolution.com/cars/tesla-motors-roadster-2007.html#
Fiat 500
2022
ได้รับความชื่นชมและจัดอันดับจากหลายเว็บไซต์ว่าเป็นรถ city car ที่น่าสนใจที่สุดของ ค.ศ. 2022 ด้วยรูปทรงน่ารักสไตล์เรโทร เหมาะสำหรับเมืองที่มีพื้นที่จอดรถจำกัด วิ่งไกลถึง 300 กิโลเมตรต่อชาร์จ ชาร์จแบบเร็ว 35 นาที แถมหลังคารถยังเปิดได้
อ้างอิง
https://www.autoexpress.co.uk/best-cars-vans/354245/best-small-electric-cars-buy-2022-2023
Volkswagen
ID. Buzz
2022
ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์และเป็นมิตรตามสไตล์รถตู้โฟล์คสวาเกน ถือเป็นรถไฟฟ้าระดับมินิแวนคันแรก วิ่งได้ไกล 420 กิโลเมตรต่อชาร์จ ชาร์จแบบเร็ว 30 นาที มีระบบอัตโนมัติช่วยการจอดรถ ระบบป้องกันการชนคนเดินถนนหรือคนขี่จักรยาน เริ่มจำหน่ายในยุโรป ค.ศ. 2022
อ้างอิง
https://audiclubna.org/the-new-volkswagen-id-buzz-is-the-bus-of-the-future/
Tesla
Cybertruck
2023
สร้างกระแสฮือฮาที่สุดเมื่อครั้งเปิดตัวใน ค.ศ. 2019 ด้วยรูปทรงที่ อีลอน มัสก์ ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ไซไฟ Blade Runner สร้างให้แข็งแรงพิเศษทั้งกระจกและโครงสร้างด้วยเหล็กสเตนเลส Ultra Hard 30X Cold-Rolled เขายังบอกว่ารถรุ่นนี้สามารถวิ่งเป็นเรือระยะสั้นๆ บนแหล่งน้ำนิ่ง คาดว่าจะเริ่มผลิตใน ค.ศ. 2023
อ้างอิง
https://www.tesla.com/cybertruck
Future
Car
2050
คาดว่าอีก 20-30 ปีข้างหน้า เราอาจหมุนพวงมาลัย เหยียบคันเร่ง เปลี่ยนเกียร์ โดยสั่งการจากความคิดในสมอง หรือใช้ระบบอัตโนมัติทำงานแทนมนุษย์ทุกอย่าง ขณะที่รถยนต์ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยและช่วยลดการปล่อย คาร์บอนสูงสุด แต่อย่างไรก็ตามเหตุผลสำคัญในการเลือกซื้อรถสักคันก็อาจยังเหมือนเดิม คือหน้าตาภายนอกและความรู้สึกเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัยที่ตอบโจทย์บุคลิกหรือตัวตนของเจ้าของรถ
อ้างอิง
https://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/future-motoring-what-will-cars-be-25-years
https://www.bbc.com/future/article/20131108-what-will-we-be-driving-in-2050
https://www.truebil.com/blog/samsung-galaxy-future-car-a-future-beyond-imagination