เราจึงเห็นภาพค่ายรถยนต์อเมริกาอย่าง Tesla เร่งผลิตรถ EV ตีตลาด เห็นค่ายจีนบุกตลาดรถยนต์ในหลายประเทศ ส่วนค่ายรถยนต์ยุโรปก็เพียงเสนอรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดบนเป็นหลัก ขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นยังขยับอย่างเชื่องช้า
ชุดแบตเตอรี่รถ EV และขั้วต่อไฟฟ้า
สายพานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ในโรงงานของ Audi ประเทศเบลเยีย ภาพ : AUDI AG
รถยนต์ไฟฟ้า BYD จัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์เฉิงตู ค.ศ. ๒๐๒๒ ภาพ : Xinhua News
อนาคตรถ EV (ในไทย)
ต้น ค.ศ. ๒๐๒๑ ปรากฏการเผยแพร่งานวิจัย KKP Research ของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร “ส่องตลาด EV ในประเทศไทย : ๓ ปัจจัยเร่ง ๔ ปัจจัยท้าทายยานยนต์แห่งอนาคต” ของ ชินวุฒิ์ เตชานุวัตร์ ซึ่งทำให้สังคมไทยโดยเฉพาะแวดวงยานยนต์ค่อนข้างสนใจ
ด้วยเนื้อหาหลักของรายงานชี้ว่าไทยกำลังกลายเป็น “ฐานผลิตรถยนต์สันดาปแห่งสุดท้าย” ของอุษาคเนย์ เพราะแนบแน่นทุนญี่ปุ่นที่ปรับตัวเรื่องรถ EV ช้า ในอนาคตรถ EV ในประเทศจะนำเข้าจากจีนเป็นส่วนมาก ไทยยังเสียเปรียบเรื่องค่านำเข้าแบตเตอรี่ที่แพงเมื่อเทียบกับนำเข้ารถจากจีนทั้งคันซึ่งถูกกว่า
ในระยะต่อไป บริษัทรถยนต์ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ต้องผลิตรถ EV ในประเทศคืนตามจำนวนที่นำเข้าภายใน ๓-๔ ปีข้างหน้า ถ้าไม่ทำจะมีค่าปรับและมาตรการทางภาษีอื่น ๆ เพื่อให้คนใช้รถ EV มากขึ้น ทั้งนี้ยังตั้งเป้าหมายว่าจะผลิตรถ EV ให้ได้ร้อยละ ๓๐ ของยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดในประเทศภายในปี ๒๕๗๓/ค.ศ. ๒๐๓๐
แต่มาตรการเหล่านี้ก็ถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ โดยมีข้อสำคัญคือ มิได้สนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ EV สัญชาติไทย (ที่กำลังเริ่มตั้งไข่หลายราย) มากพอ ยังไม่นับส่วนของเอกชนรายย่อยที่หันมาทำกิจการเปลี่ยนเครื่องยนต์สันดาปเป็น EV (conversion) และบางรายก็พยายามผลิตรถยนต์ EV ในระดับอุตสาหกรรม เพราะต้องแข่งขันกับบรรษัทข้ามชาติรายใหญ่โดยไม่มีเกราะป้องกัน
ยังมีคำถามเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในการคมนาคม ด้วยรถ EV มีแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน จุดชาร์จในอนาคตจะเพียงพอหรือไม่ การกู้ภัยที่ต้องระมัดระวังมากขึ้นเรื่องระบบไฟฟ้าแรงสูงจะทำอย่างไรในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
ในอนาคตรถ EV จะมาพร้อมระบบอัตโนมัติที่มีมากขึ้น จนถึงขั้นไม่จำเป็นต้องมีคนขับ การขีดเส้นจราจร การทำให้ถนนอยู่ในสภาพดีเพื่อตอบสนองกับระบบเหล่านี้ มาตรฐานของไทยจะทำได้หรือไม่
คำถามที่ว่าเมืองไทยจะสร้างระบบนิเวศแก่รถ EV ได้ทันตามเป้าที่ตั้งไว้ว่า ในปี ๒๕๙๓/ค.ศ. ๒๐๕๐ จะไม่มีรถยนต์สันดาปจดทะเบียนอีกต่อไปไหม จะยังรักษาอุตสาหกรรมรถยนต์ EV เช่นเดียวกับที่เคยทำได้กรณีรถยนต์สันดาปได้หรือไม่ หรือจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้รถแบรนด์ไทยถือกำเนิดได้อย่างไร
เวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบ
รถยนต์ EV จัดแสดงพร้อมกับสาธิตการชาร์จ ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งหนึ่งในกรุงเทพฯ
“ท่าทีของค่ายรถยนต์จีนที่ชัดเจนเรื่อง EV ต่างจากค่ายอื่น ผมคงตอบแทนไม่ได้...ยี่ห้ออื่นอาจลงทุนกับรถยนต์สันดาปไปมาก นั่นคือต้นทุนหลัก แต่เราลงทุนกับแพลตฟอร์ม EV เต็มรูปแบบทำให้คุ้มค่ากว่าที่จะลุยตลาด ตอนนี้ค่ายรถก็เพียงแค่รอจังหวะ จะทำอย่างไรกับรถสันดาป เชื่อว่าทุกค่ายศึกษาตลาด และรู้อีกไม่นานรถ EV จะตามรถสันดาปทันแน่
“รถ EV คือคอมพิวเตอร์มีล้อ แต่ละค่ายมีวิธีทำธุรกิจต่างกัน ในครั้งแรกเราคิดว่าจะขึ้นไปอยู่บนโลกออนไลน์ทั้งหมดแต่คนไทยมองว่าราคาคันละเป็นล้าน ต้องการประสบการณ์ทดลองขับ แน่นอนว่ารถ EV ทำให้ลักษณะการขายเปลี่ยน เราเลิกระบบดีลเลอร์ (รับรถยนต์จากผู้ผลิตมาขายและให้บริการซ่อมบำรุง) ไม่ต้องแบกสต๊อกรถ สร้างระบบพาร์ตเนอร์แทน คนซื้อก็สั่งโดยตรงจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ราคารถทุกคันเท่ากัน ใบเสร็จออกจาก GWM พาร์ตเนอร์ทำหน้าที่เพียงผู้ให้บริการ
“เรามองว่าการมีดีลเลอร์ที่ไปแข่งตัดราคากันเองไม่ช่วยอะไร ลูกค้าคือแกนกลาง ถ้าบริการดีลูกค้าให้ห้าดาว ดีลเลอร์ก็อยู่ได้ ลูกค้าก็พอใจที่ราคามีมาตรฐาน มีเวลาดูแลลูกค้ามากขึ้น ส่วนโชว์รูมของเราที่สยามสแควร์เรียกว่า Direct Store เป็นของ GWM และเรามีแบบนี้อีกแปดแห่ง อีกส่วนคือโชว์รูมของพาร์ตเนอร์ที่มีศูนย์บริการบำรุงรักษารถ
“ผมไม่มองค่ายอื่นเป็นคู่แข่ง มองว่ามาช่วยกันสร้างตลาดรถยนต์ EV ทำให้คนไทยมีทางเลือกมากขึ้นที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในราคาต่าง ๆ ภาพจำของสินค้าจีนที่ไม่ดีหมดยุคไปแล้ว สมัยก่อนถ้ามองตลาดโทรศัพท์มือถือ จะเห็น Nokia, Sony แต่ตอนนี้ iPhone, Huawei ก็มาในกระแส ตลาดรถยนต์ EV ก็เช่นกัน ปีนี้ปีเดียวจนถึงกลางปีเราขายได้ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ คัน