ANSi by Sarakadee
Home
Articles
Issues
Log in
สุขภาพดี
เริ่มต้นที่การแปรงฟัน
Holistic
เรื่อง : ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์
ภาพประกอบ : zembe
สุขภาพในช่องปากเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้อวัยวะส่วนอื่น ๆ เพราะเชื้อโรคในช่องปากไม่ได้จำกัดวงเฉพาะในช่องปากเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ภาวะเหงือกอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก จะทำให้แบคทีเรียที่เหงือกเข้าสู่กระแสเลือดที่จะไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย และอาจเกิดการติดเชื้อในอวัยวะสำคัญ จึงมักมีข่าวน่าประหลาดใจอยู่บ่อย ๆ ว่าฟันผุหรือเหงือกอักเสบสามารถทำให้คนคนนั้นเสียชีวิตได้
มีการเปรียบเทียบกระแสเลือดคือรถบัส ส่วนแบคทีเรียในช่องปากคือผู้โดยสาร รถบัสจะพาผู้โดยสารไปทั่วร่างกาย บางคนลงรถที่สมอง บ้างลงรถที่หลอดเลือดหัวใจ บางคนลงรถที่ม้ามหรือตับ ซึ่งถ้าอวัยวะส่วนนั้นกำจัดแบคทีเรียไม่หมด ก็จะเป็นสาเหตุให้ติดเชื้อหรือทำให้ภาวะติดเชื้อที่เป็นอยู่แล้วรุนแรงขึ้น
งานวิจัยพบว่าภาวะเหงือกอักเสบมีความสัมพันธ์กับโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน อัลไซเมอร์ มะเร็ง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์พาร์กินสัน นิวมอเนีย และภาวะตั้งครรภ์ผิดปรกติ โดยอาจทำให้เกิดหรืออาการของโรคเหล่านี้รุนแรงขึ้น หรือโรคบางอย่างก็ทำให้เกิดภาวะเหงือกอักเสบง่ายขึ้น เช่น คนเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเกิดภาวะเหงือกอักเสบมากกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า
ดังนั้นการรักษาสุขภาพช่องปากจึงสำคัญ และก้าวแรกของการรักษานั้นคือแปรงฟันให้ถูกวิธี
การแปรงฟันคือหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก โดยทั่วไปคนที่ไม่ได้ฝึกแปรงฟันอย่างถูกต้องกับหมอฟัน หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ไปสอนเรื่องการแปรงฟันในโรงเรียน ก็มักแปรงฟันแบบผิด ๆ และเมื่อเริ่มต้นแปรงฟันอย่างไรก็มักจะแปรงเช่นนั้นไปตลอดชีวิต
คนทั่วโลกเกินกว่าครึ่งแปรงฟันไม่ถูกวิธี ไม่เว้นแม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว จากการสำรวจพบว่าคนสวีเดนแปรงฟันอย่างถูกวิธีเพียง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ และการสำรวจคนอังกฤษ ๒,๐๐๐ คน พบว่าเกินกว่าครึ่งแปรงฟันไม่ถูกวิธี
งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าในโซเชียลมีเดียมีคำแนะนำเรื่องการแปรงฟันที่แตกต่างกันถึง ๖๖ วิธี บางวิธีขัดแย้งกัน จึงไม่แปลกที่ผู้คนจะสับสน และยิ่งสับสนมากขึ้นตามผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากที่ซื้อมาใช้ เช่น แปรงสีฟันธรรมดา แปรงสีฟันไฟฟ้า ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปาก ที่ขูดลิ้น
ในที่สุดต้องย้อนกลับมาดูวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการแปรงฟัน คนส่วนใหญ่คิดว่าเราแปรงฟันเพื่อกำจัดเศษอาหาร แต่นั่นเป็นเหตุผลส่วนเดียว จริง ๆ แล้วการแปรงฟันก็เพื่อกำจัดแบคทีเรียที่ติดอยู่ในฟัน เหงือก ลิ้น และช่องปาก ด้วย
ช่องปากเป็นจุดที่มีแบคทีเรียมากที่สุดรองจากลำไส้ โดยมีประมาณ ๗๐๐ ชนิด แบคทีเรียเหล่านี้จะก่อตัวเป็น “พลัค” คือฟิล์มบาง ๆ เคลือบเหงือก ลิ้น ฟัน ดังนั้นการแปรงฟันถูกวิธีจึงครอบคลุมถึงการแปรงเหงือกและลิ้นด้วย
นอกจากนี้สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคืออุปกรณ์ที่ใช้ เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน รวมถึงช่วงเวลาและความถี่ในการแปรงฟัน แม้จะแปรงฟันถูกวิธี แต่หากใช้อุปกรณ์ไม่เหมาะสม เช่น ขนแปรงแข็งเกินไป ออกแรงกดมากเกินไป หรือใช้ยาสีฟันลักษณะคล้ายเม็ดทรายขนาดเล็กติดต่อกันนานอาจทำลายสารเคลือบฟัน เหงือกบาดเจ็บ หรือติดเชื้อแบคทีเรียได้
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องคิดพิจารณาว่าการแปรงฟัน กิจวัตรที่เราทำทุกวันจนกลายเป็นทักษะหรือกลไกอัตโนมัติมาตลอดชีวิตนั้น ถูกต้องและดีต่อปากและฟันหรือไม่
วิธีแปรงฟัน
• หนึ่งในวิธีแปรงฟันที่นิยมทั่วโลกคือ
การแปรงฟันแบบบาส (bass) คือถือ
แปรงสีฟันทำมุม ๔๕ องศากับเหงือก
และฟัน โดยวางแปรงระหว่างแนวเหงือก
กับฟัน ฟันบนให้ปัดแปรงลง ฟันล่าง
ให้ปัดแปรงขึ้น การแปรงฟันแบบนี้
จะช่วยขจัดเศษอาหารและแบคทีเรียได้ดี
• ไม่ควรแปรงฟันนานเกิน ๒ นาที
รวมเวลาใช้ไหมขัดฟันด้วย
• ควรแปรงลิ้น ลิ้นมีลักษณะเป็นปุ่มเล็ก ๆ
จึงมักเป็นที่สะสมคราบอาหารและแบคทีเรีย
ทุกครั้งที่แปรงฟัน ให้ใช้แปรงสีฟันหรือ
ด้านหลังแปรงสีฟันถูลิ้นหรือใช้ที่ขูดลิ้นด้วย
• ควรแปรงฟันหลังกินอาหารประมาณ
๑ ชั่วโมง เพื่อช่วยลดความเป็นกรด
ในช่องปาก และเปิดโอกาสให้แบคทีเรีย
ที่เป็นประโยชน์ต่อฟันได้ทำงาน เช่น
ผลิตสารเคลือบฟัน
• ไม่ต้องใช้น้ำกลั้วปากหลังแปรงฟัน
เพื่อให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันทำงาน
ปกป้องฟันผุอย่างเต็มที่
แปรงสีฟัน
• ควรใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงไม่แข็ง
หรืออ่อนเกินไป ขนแปรงชนิดแข็ง
จะทำลายสารเคลือบฟัน และอาจ
ทำให้เหงือกบาดเจ็บและอักเสบ
• การวิจัยพบว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยกำจัด
คราบแบคทีเรียดีกว่า เพราะมีแรง
สั่นสะเทือนต่อเนื่องและมีแรงกดไม่มาก
แต่การใช้แปรงสีฟันธรรมดาอย่างถูกวิธี
ก็มีประสิทธิภาพพอ ๆ กัน โดยควรใช้
แปรงหัวเล็กเพื่อให้เข้าถึงซอกฟันได้ดี
• ไม่ใช้แปรงสีฟันเก่าเกินไป เพราะอาจ
สะสมเชื้อโรคและซอกซอนขจัดเศษอาหาร
และแบคทีเรียได้ไม่เต็มที่ หากเห็นรูปร่าง
ขนแปรงเริ่มเปลี่ยนให้ใช้อันใหม่
• ไม่ควรเก็บแปรงสีฟันในห้องน้ำ จากการ
เก็บตัวอย่างแปรงสีฟันในห้องน้ำ พบว่า
ครึ่งหนึ่งมีชิ้นส่วนของอุจจาระปนเปื้อน
แม้จะมีที่ครอบมิดชิด ทั้งนี้เพราะความชื้น
และการชักโครกทำให้อุจจาระสามารถ
ฟุ้งกระจายเป็นฝอยเล็ก ๆ ได้
ไหมขัดฟัน
• งานวิจัยปี ๒๐๑๙ พบว่าคนอังกฤษ
๑ ใน ๓ ไม่เคยใช้ไหมขัดฟัน และมีเพียง
๑ ใน ๒๐ คนใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
• การใช้ไหมขัดฟันดีกว่าแปรงฟันอย่างเดียว
เพราะช่วยกำจัดเศษอาหารในจุดที่
แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงและลดการเกิด
โรคเหงือกขั้นต้นได้
• ใช้ไหมขัดฟันวันละหนึ่งครั้ง
ยาสีฟัน
• ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ ข้อควรระวังคือยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาวมักมีเนื้อสัมผัสหยาบหรือมีเม็ดขนาดเล็ก ๆ การใช้ต่อเนื่องมีความเสี่ยงว่าจะขัดสารเคลือบฟันออกไป ส่วนข้ออ้างว่าผงถ่านช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์
• งานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทผลิตยาสีฟันพบว่า ยาสีฟันที่ผสมเบกกิงโซดาช่วยกำจัดแบคทีเรียและลดการเกิดโรคเหงือกได้
น้ำยาบ้วนปาก
• หากแปรงฟันดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก
• การใช้น้ำยาบ้วนปากไม่สามารถทดแทนการแปรงฟันได้
ช่วงเวลา
• การแปรงฟันวันละสองครั้งจะช่วยกำจัดแบคทีเรียสะสมในแต่ละวันได้ดี สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แนะนำให้แปรงฟันวันละสองครั้ง ส่วนอินเดียกำหนดให้แปรงฟันได้วันละ สามครั้ง โดยเพิ่มช่วงหลังอาหารกลางวัน
• ช่วงเช้า เราถูกบอกมาตั้งแต่เด็กว่าตื่นนอนต้องแปรงฟัน แต่หากดูเหตุผลว่าเพื่อขจัดคราบแบคทีเรีย การแปรงฟันหลังรับประทานอาหารเช้าจะให้ผลดีกว่า
• ช่วงเย็นและก่อนนอน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า น้ำลายมีกลไกการป้องกันฟันโดยธรรมชาติ กระบวนการเคมีในน้ำลายสามารถผลิตสารเคลือบฟันได้ ในช่วงนอนหลับน้ำลายจะไหลออกมาทั้งคืน ดังนั้นจึงควรแปรงฟันก่อนนอนเพื่อกำจัดแบคทีเรียในช่องปาก