voxpop
"ระบบการศึกษาไทย"

ภาพวาด : สะอาด

Image

Image

"หนูไม่ชอบรูปแบบการเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเพื่อจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองอยากได้ ต้องแข่งขันกันเยอะมาก เรียนพิเศษเยอะมาก รู้สึกกดดันมาก  ความจริงมีหลายอย่างที่หนูอยากทำในรั้วโรงเรียน เช่น กิจกรรมสภานักเรียนหรือชมรมต่าง ๆ แต่ไม่แน่ใจว่าจะไหวไหม ไม่กล้าเสี่ยงทำกิจกรรมและเตรียมสอบไปด้วย"

“ไม่อยากให้แข่งขันกันเยอะขนาดนี้ พวกเราอายุยังไม่ถึง ๑๘ กันด้วยซ้ำ อยากให้ได้ใช้ชีวิตมัธยมฯ อย่างสนุกสนาน หลังเลิกเรียนก็อยากใช้เวลากับเพื่อนมากกว่านี้ ไม่ต้องมานั่งเรียนพิเศษถึง ๕ ทุ่ม เที่ยงคืน 

“อยากให้ทุกคนหาตัวเองเจอว่าตัวเองชอบอะไร บางคนไม่ได้มีความสุขกับการเรียนวิทย์ แต่เข้าสายวิทย์เพราะพ่อแม่อยากให้เข้า  คนไทยส่วนใหญ่มองว่าเรียนสายวิทย์จะเก่งกว่าสายศิลป์ ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่จริง  ถ้าค่านิยมนี้หายไป ถ้าสมมุติทุกอาชีพมีอัตราเงินเดือนเท่าเทียมกันมากขึ้น น่าจะทำให้หลายคนกล้าทำสิ่งที่ตัวเองชอบมากขึ้น 

“ตอนเด็ก ๆ หนูก็ไม่รู้หรอกว่าใครเขาทำอาชีพอะไร มีคณะอะไรให้เข้าบ้าง พอญาติผู้ใหญ่ถามว่าอยากเป็นอะไร เราก็จะตอบว่าอยากเป็นหมอ เพราะตอบแล้วเขาจะชมว่าเก่งจังเลย แต่พอขึ้นมัธยมฯ เราก็ได้รู้จักรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ทำให้ได้รู้ว่าอาชีพไม่ได้มีแค่หมออย่างเดียว”

Image

Image

"ผมอยากให้ยกเลิกกฎระเบียบเรื่องทรงผม แค่ใครไว้ผมยาวก็ตัดสินว่าเป็นคนไม่ดี เด็กไทยไม่ค่อยกล้าแสดงออกสักเท่าไรอยู่แล้ว สภาพแวดล้อมทำให้ไม่กล้าพูด ไม่กล้าตอบโต้  ถ้าพูดบางอย่างไปแล้วอาจแย่ได้ ทำให้ไม่มีความมั่นใจ เลยไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง อยู่แบบเดิม ๆ ไม่กล้าคิดนอกกรอบ ไม่กล้าพัฒนาไปไกล"

“ผมคิดว่าควรจะมีเรื่องความกล้าแสดงออกในการเรียนด้วย ปรับสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ให้เด็กกล้าคิด กล้าถาม กล้าแสดงออก มีอิสระทางความคิด ส่งเสริมเด็ก ๆ ตามที่เขาเป็นมากกว่านี้ ให้เด็กรู้สึกว่าคุณครูก็เป็นคนทั่วไป ไม่ได้เป็นคนที่เราจะต้องกลัวเกรง

“เรื่องนี้เกี่ยวกับอำนาจของครูต่อนักเรียนด้วยครับ ให้นักเรียนไปทำกิจกรรมที่นักเรียนไม่เต็มใจ ส่งชื่อนักเรียนไปเพื่อสร้างผลงานสักอย่าง ให้เด็กทำเพื่อแลกกับคะแนน  เด็กที่ไม่กล้าปฏิเสธครูก็จะเสียเวลาที่เขาควรใช้ไปกับสิ่งที่เขาอยากทำจริง ๆ  สิ่งที่จะมีประโยชน์กับเขาในอนาคต”

Image

Image

"ครูเขารู้แค่ว่าต้องเป็นครู ต้องสอนนักเรียน ไม่ได้มีหน้าที่มารับรู้ว่านักเรียนเจออะไรที่บ้าน ชีวิตเด็กเป็นยังไง มีเรื่องแย่ ๆ ไหม"

“ตอน ม. ๑ ด้วยความที่พ่อกับแม่หนูมีปัญหาทางบ้านเรื่องการเงิน หนูก็จะทำงานเลี้ยงตัวเองส่วนใหญ่ แต่หนูยังเด็กมาก ๆ แบ่งเวลาไม่ได้ ก็เลยทำงานเยอะจนไม่ได้พัก ทำให้หนูมาโรงเรียนสาย ทำงานไม่ทันบ้าง ไม่ส่งงานบ้าง ก็เลย
มีปัญหากับคุณครูท่านหนึ่ง  พออธิบายเหตุผลของหนูไป ครูบอกว่าวัยของเธอไม่จำเป็นต้องทำมาหากิน มันเป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่ หลังจากนั้นเราก็ทะเลาะกันทั้งคาบเลย

“หนูรู้สึกว่าโรงเรียนเป็นบ้านหลังที่สอง ควรจะเป็นพื้นที่ที่อยู่แล้วสบายใจ อยู่แล้วเด็กได้พูดความรู้สึก ออกความคิดเห็นได้  อยากให้คุณครูฟังความเห็นเด็กเด็กบางคนมีปัญหาอยู่แล้ว อย่างครอบครัวที่กดดันเขาเรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน

“คุณครูทุกคนควรเป็นบ้านหลังหนึ่งที่เป็นที่พึ่งให้เด็กหรือมาขอคำปรึกษาได้”

Image

Image

"ครั้งแรกหนูเข้าไปเรียนวิศวะ ปีต่อมาได้ปรัชญา สุดท้ายก็ซิ่วมาช่วยที่บ้านทำงาน ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น แทนที่จะวุ่นวายกับชีวิตในโรงเรียน ทั้งหลักสูตร การบ้าน มันมากเกินกว่าเราจะรับไหว ไม่มีเวลานั่งนึกกับตัวเองว่าเราชอบอะไร ได้แต่ทำ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าเวลาที่ซิ่วมา ๒-๓ ปี ไม่ได้เสียเปล่า เราได้ลองทำอย่างอื่น ทำให้ค้นพบตัวเองมากกว่าเวลา ๖ ปีในมัธยมฯ เสียอีก"

“ความคิดของครูในโรงเรียนค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม เอาความคิดเห็นส่วนตัวมาสอน เขามีอคติ แล้วก็สอนเด็กด้วยอคติ ทำให้เด็กมองโลกแค่มุมเดียว ทำให้เราไม่ค่อยได้รับการยอมรับ ทั้งเรื่องเพศและศาสนา 

“เพื่อนในห้องเราตัดผมสั้น เป็น LGBT  ตั้งแต่ ม. ๔ ยัน ม. ๖ ทุกครั้งที่เปลี่ยนครู เปิดมาคาบแรกก็จะโดนถามโดนแซวว่า ชอบผู้หญิงเหรอ เป็นทอมเหรอ ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนอึดอัด หนูรู้สึกว่าไม่ค่อยให้เกียรติกัน เพราะบางทีเราก็ไม่ได้อยากจะบอก ไม่ได้อยากจะแสดงตัวตอนนี้

“ครูกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เพื่อน ๆ ก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ไปทำตามแบบนั้นกับคนอื่น ๆ หนูรู้สึกว่าสิ่งนี้ควรจะเป็นความรู้ที่สอนกันในโรงเรียนมากกว่าให้เด็กไปหาเอง เพราะมันส่งผลต่อวิธีคิด ทั้งการเป็นพลเมืองโลก การยอมรับความแตกต่างหลากหลาย รับฟังความคิดเห็นคนอื่น พอวิธีคิดของครูแย่ การแสดงออกแย่ นักเรียนก็รู้สึกแย่ไปด้วย พอสะสมไปหลาย ๆ ปี เด็กบางคนซึมเศร้าไปเลยก็มี”

Image

Image

"พอเราเข้าสายอาชีพ ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองเยอะมาก เพราะหลักสูตรสายอาชีพมาตรฐานต่ำกว่าสายสามัญ มันไม่ดีมาก ๆ  อย่างหนังสือวิชาทฤษฎีต่าง ๆ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษ มีจุดผิดเยอะมาก อ่านไม่รู้เรื่องเลย จนเราตั้งคำถามว่ากระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบหนังสือยังไง"

“ในสายตาคนอื่นจะมองว่าไอ้เด็กช่างพวกนี้ต้องเลวแน่ ๆ เลย รุ่นพี่ปี ๓ หลายคนหาที่ฝึกงานยากมาก คนยังมองว่าเด็กจบไปก็เป็นได้แค่ลูกน้องคนอื่น  เราอยากให้คนมองว่าเด็กทุ กคนในระบบการศึกษาคือเด็กที่กำลังเรียนรู้ เติบโต ไม่ใช่เด็กที่ไม่มีความสามารถ

“เราคิดว่าสายอาชีพค่อนข้างดีกับคนที่รู้ตัวเองแล้วมาก ๆ มันพัฒนาศักยภาพของเด็กที่ชอบได้สูงมาก ๆ  เราอยากให้อุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ในโรงเรียนสายอาชีพมีมากขึ้น  เด็กที่ไม่มีทุนทรัพย์ส่งตัวเองเรียนต้องออกจากโรงเรียนไป นี่เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่กี่สัปดาห์เอง ก็มีเพื่อนซิ่วออกไปแล้วหลายคน

“ในสังคมแทบทุกที่จะมีคนไม่ดี ที่นี่ก็มีเรื่องสารเสพติดที่เข้าถึงเด็ก ๆ ได้ง่าย  เป็นปรกติที่มนุษย์เราจะเป็นสีเทา ๆ เขาอาจมีปัญหาชีวิต เจอเรื่องไม่ดีมา จริง ๆ เราควรจะปลอบเขา สถานศึกษาควรมีนักจิตวิทยา ครูควรจะได้เรียนจิตวิทยาเด็ก ควรพยายามทำความเข้าใจ มากกว่าไปจัดการกับเด็กกลุ่มนั้น”

Image

Image

"หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างตัวเอง ชุดนักเรียนถ้าไม่รีดแล้วใส่มาก็จะไม่สวย ส่วนชุดพละต้องเอาเสื้อเข้าข้างในกางเกง ก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัด มันต้องเป๊ะ ๆ ๆ ตามกฎระเบียบ ถ้าไม่จำกัดว่าต้องเป็นเครื่องแบบของโรงเรียน นักเรียนที่ไม่มีเงินซื้อ เขาจะได้ใส่เสื้อตัวไหนก็ได้ที่ตัวเองมีมา ถ้านักเรียนเลือกได้ว่าอยากใส่ชุดอะไรมาโรงเรียนก็จะเป็นความสุขในการเริ่มต้นวันใหม่ ทำให้อยากมาโรงเรียนมากขึ้น"

“ตอนนี้ ม.๖ แล้ว มีเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องที่หนูไม่โอเคมาก ๆ คือการที่ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกไม่ตรงกับที่กระทรวงสอน ทำให้เด็กต้องไปเรียนพิเศษข้างนอก ต้องเสียเงินบางทีเป็นหมื่น

“มีครูบางคนพูดว่า ถ้าเรียนไม่เข้าใจก็ไปหาเรียนในอินเทอร์เน็ตเอานะ หนูรู้สึกว่าเป็นการผลักความรับผิดชอบมาให้นักเรียน เราอยู่นอกตัวเมือง ไม่มีที่เรียนพิเศษแบบจริงจังเหมือนในเมือง ถ้าคุณอยากได้มหาวิทยาลัยดี ๆ ดัง ๆ ก็ต้องเสียเงินจ่ายเพื่อเรียนพิเศษต้องเข้าในเมืองเพื่อเรียนพิเศษที่ดี ๆ เป็นความเหลื่อมล้ำอีกอย่างหนึ่ง มันไม่แฟร์มาก ๆ เลยค่ะ”

Image

Image

"พ่อแม่หนูข้ามฝั่งมาจากพม่า แต่หนูเกิดที่แม่สอดนี่แหละค่ะ ตอนเรียนก็แปลไม่ค่อยออก เวลาครูถามก็จะงงนิดหนึ่ง ต้องให้เพื่อนช่วยแปลช่วยอธิบายถึงจะตอบครูได้ ครูบางคนก็ไม่เข้าใจ ดุด่าว่าเราไม่ฟังครูสอน หนูอยากเข้าใจที่ครูถามด้วยตัวเอง ไม่ต้องคอยถามเพื่อนตลอด เพื่อนบางคนรังเกียจคนพม่า บางคนก็รับได้ หนูก็รู้สึกน้อยใจ หนูเป็นคนไม่ค่อยเข้ากับเพื่อน อยู่เงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยกับคนอื่น"

“เราไม่มีบัตรประชาชนไทย เวลาโรงเรียนให้ทุนอะไรก็ต้องใช้ บัตรครูรับแทน หนูอยากได้บัตรประชาชนเหมือนกัน แต่ครูบอกว่าต้องเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อน หนูไม่แน่ใจว่าแม่จะส่งเรียนหรือเปล่าเพราะค่าใช้จ่ายก็เยอะมาก ๆ บางคนเรียนจบแค่ ม. ๓ แล้วออกไปต่อ กศน. ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อที่จะได้วุฒิ ม. ๖ ถ้าจะขอทุนเรียนก็มีจำกัด มีเงื่อนไขเยอะ

“หนูอยากให้โรงเรียนเพิ่มแม่ค้า เด็กมี ๗๐๐ กว่าคน บางทีข้าวเที่ยงหมดโรงอาหาร เด็กที่ครูปล่อยช้าก็จะไม่มีข้าวกินต้องทนรอเลิกเรียนกลับไปกินข้าวที่บ้าน กับข้าวทุกวันก็มีแต่เมนูเดิม ๆ ได้น้อย แพง บางทีข้าวก็ไม่สุก อย่างข้าวมันไก่ก็ได้ไก่แค่สองสามชิ้น ครูสั่งข้าวข้างนอกมากินได้ แต่ไม่ให้เด็กสั่ง