ผู้อำนวยการ ยูเนสโก กรุงเทพฯ สำนักงานเพื่อการศึกษา ส่วนภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Shigeru Aoyagi, Director, UNESCO Bangkok, Asia and Pacific Regional Bureau for Education)
ภายใต้เงื่อนไขของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ค.ศ. ๒๐๐๓ (2003 UNESCO Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) ประเทศต่าง ๆ สามารถเสนอหรือร่วมเสนอให้ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage หรือ ICH) กับยูเนสโกได้ในสองรายการ (list) และหนึ่งทะเบียน (register) แม้รายการเหล่านี้จะมีวัตถุประสงค์การขึ้นทะเบียนต่างกัน แต่ก็มุ่งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับมรดกภูมิปัญญาให้มากขึ้นในระดับสากล ซึ่งอาจเป็นแรงจูงใจที่สร้างความเติบโตในอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวให้ประเทศต่าง ๆ ตลอดจนการทูตเชิงวัฒนธรรมหรือที่เราอาจเรียกได้ว่า “ซอฟต์พาวเวอร์”
รายการแรกคือ “ตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ” (the Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) เป็นรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเสนอขึ้นทะเบียนของหมู่รัฐภาคีของอนุสัญญา วัตถุประสงค์คือเพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ยกย่องพลวัตของ ICH ในเขตแดนของตน ตลอดจนยกย่อง ICH อีกมากมายที่ข้ามพรมแดนประเทศ หรือที่เรามักจะเรียกว่า “มรดกร่วม” หรือ “มรดกข้ามพรมแดน/ข้ามรัฐชาติ” ที่ผ่านมาประเทศไทยก็เสนอ ICH ขึ้นทะเบียนกับรายการนี้ทั้งนั้น
รายการที่ ๒ คือ “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ต้องได้รับการสงวนรักษาอย่างเร่งด่วน” (the List of Intangible Cultural Heritage in Need of Urgent Safeguarding) เพื่อระบุ ICH ที่กำลังเลือนหายไปด้วยหลายเหตุผล เช่น ความเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตประชากร การสูญหายของพืชและสัตว์ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนั้น ความยากจนและการย้ายถิ่นฐาน การขยายตัวของพื้นที่เมือง เป็นต้น เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเข้าใจว่ารายการนี้ไม่ใช่การประจานว่า ICH ได้รับการขึ้นทะเบียนเนื่องจากความบกพร่องในการดูแลของประเทศนั้น ในทางกลับกันการขึ้นทะเบียน ICH ในรายการนี้จะช่วยเปิดทางให้ประเทศนั้นได้รับความช่วยเหลืออย่างกว้างขวางในระดับสากลจากการเข้าถึงทรัพยากรเพื่อการส่งเสริมและรักษามรดกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น กองทุนความช่วยเหลือระหว่างประเทศของยูเนสโกซึ่งเน้นให้เงินทุนสนับสนุนแผนการสงวนรักษาและทรัพยากรของชุมชนในเชิงลึกเพื่อต่อลมหายใจให้ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและผู้คนนั้นยังคงอยู่
สุดท้ายคือ “ทะเบียนแบบอย่างการสงวนรักษาที่ดี” (Register of Good Safeguarding Practices) ซึ่งยกย่องโครงการและกิจกรรมที่ชุมชนท้องถิ่นจัดทำเพื่อสงวนรักษาและส่งเสริม ICH ตลอดจนผสานภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือระดับภูมิภาค
“บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการขึ้นทะเบียนของยูเนสโกคือการได้รางวัลชนะประเทศอื่น เราจึงอยากประกาศถึงเป้าประสงค์แท้จริงของการขึ้นทะเบียนอีกครั้ง ตามที่ชื่อของรายการและทะเบียน ICH ได้บอกเป็นนัยไว้แล้วว่า ICH คือการยกย่องชุมชนที่ปฏิบัติวิถีวัฒนธรรมนั้น”
ความจริงความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อศิลปะการแสดงรามายณะ มาจากความเข้าใจผิดต่อเป้าประสงค์การขึ้นทะเบียน ICH ของยูเนสโก ซึ่งแตกต่างจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกตรงที่ว่า ICH มิได้มุ่งระบุว่าศิลปะนี้ใครเป็นของแท้ หรือใครเป็นต้นตำรับ หลักการนี้มาจากข้อเท็จจริงว่าเราไม่อาจแช่แข็งวิถีปฏิบัติทางวัฒนธรรมซึ่งแปรเปลี่ยนตลอดเวลาให้คงสภาพเหมือนเดิมไว้ยาวนานหลายศตวรรษ ดังนั้นรายการ ICH จึงมุ่งยกย่องความหลากหลาย ทั้งความเหมือนและความต่างของศิลปะที่คล้ายคลึงกัน
ยูเนสโกคงต้องพยายามสื่อสารให้มากขึ้นว่าเป้าประสงค์แท้จริงของการส่งเสริมการขึ้นทะเบียน ICH คือการสนับสนุนให้ผู้คนเห็นคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมร่วมกัน และให้ความยกย่องต่อชุมชนที่ปฏิบัติศิลปะรูปแบบนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่แท้จริง หาใช่รัฐหรือคนที่อยู่นอกชุมชนแต่อย่างใด