ท้ายครัว
เรื่องและภาพ : กฤช เหลือลมัย
ผมจำได้ว่าเวลาไปปั่นจักรยานทัวริง ตามถนนในชนบทต่างจังหวัดกับเพื่อน มักพบต้นผลไม้ขึ้นอยู่ข้างทางกำลังออกผลเต็มต้น ที่พบบ่อยในช่วงปลายฤดูร้อนก็คือกระท้อนครับ
กระท้อนโบราณต้นใหญ่ๆ มักเป็นพันธุ์พื้นเมือง ลูกเล็กๆ เมื่อดิบเปรี้ยวอมฝาด จนแม้สุกแล้วก็ยังหวานอมเปรี้ยว ทุกครั้งที่พบมันร่วงเกลื่อนโคนต้นเหมือนไม่มีคนไยดีใดๆ ราวกับว่าไม่มีใครกินกระท้อนเปรี้ยวกันเสียแล้ว ทั้งๆ ที่รสเปรี้ยวอมฝาดของมันมีความเฉพาะตัวมาก
ลำพังเท่าที่ผมนึกถึงสำรับ “กระท้อนๆ” ออกในตอนนี้ ก็เช่น แกงเหลืองกระท้อนกุ้งสด แกงคั่วกะทิใส่กบ น้ำพริกกะปิ น้ำพริกผัด กระท้อนผัดแบบจีน ใส่กุ้งแห้ง, ถั่่วลิสง, หมูสับ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ พอใส่กระท้อนห่ามๆ ใกล้สุกสับซอยเข้าไป รสเปรี้ยวฝาดของเนื้อ และรสหวานของปุยขาวๆ ติดเมล็ดจะผสานกัน ให้รสอร่อยล้ำเลิศแบบธรรมชาติจริงๆ
เพื่อจะโน้มน้าวให้พวกเราเหล่ามิตรสหายไม่อาจจะพาตัวเองผ่านเลยต้นกระท้อนป่าลูกดกไปได้อีกผมอยากชวนทำเมนูกระท้อนอร่อยสุดๆ ที่เพิ่งได้ลองทำไปเร็วๆ นี้ครับ
หลังปอกเปลือก ฝานเนื้อกระท้อนเปรี้ยวเป็นชิ้นหนาๆ ไว้แล้ว เราก็ตำหอมแดงกับกะปิเยอะๆ ให้ละเอียด หาซื้อหมูสับมาไว้ ให้เท่าๆ หรือน้อยกว่ากระท้อนหน่อยหนึ่ง กับพริกขี้หนูสวน
ตั้งกระทะน้ำมันบนเตา เจียวกระเทียมสับนิดหน่อยจนหอม ตักกะปิตำหอมแดงนั้นลงผัด ตามด้วยหมูสับและกระท้อน ถ้าไม่ใช่คนกินรสจัดอาจไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลยครับ แต่หากรู้สึกว่าขาดเค็มขาดหวาน ก็เพิ่มน้ำปลาน้ำตาลตามชอบ จากนั้นใส่พริกขี้หนูสวนทั้งเม็ดผัดเคล้าพอสุก
เท่านี้ก็เสร็จแล้วละครับ...
“กระท้อนผัดกะปิ” ถ้วยนี้ เปรี้ยว เค็ม หวานปะแล่มๆ ด้วยรสกระท้อนล้วนๆ คลุกข้าวสวยกินกับผักสด อร่อยมากครับ
ลองดูแล้วจะรู้ว่า อันรสเปรี้ยวในอาหารนั้น มีมิติอื่นๆ นอกจากมะนาว หรือมะขามเปียกที่เราคุ้นชินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...ไม่น้อยเลยแหละ...
ผีเสื้อหนอนใบกระท้อนเป็นผีเสื้อกลางคืนตัวใหญ่และสวยมาก
กระท้อนป่าลูกเล็กรสเปรี้ยว
อมฝาดหวาน ปรุงกับข้าวคาวได้อร่อยกว่ากระท้อนห่อใบกระท้อนแก่สีแดงจัด บางแห่งตากแดดป่นผสมพริกป่น