Image
ท้ายครัว
เรื่องและภาพ : กฤช เหลือลมัย
ใครปั่นจักรยานสายทัวริง ย่อมจะมีของให้เลือกทำท่ามกลาง
เวลาบนอานที่ผ่านไปอย่างเนิบช้า เช่นว่าชมนกชมไม้ เล็งร้านอาหารบ้านๆ ที่ดูน่าอร่อย หรือฉีกออกนอกเส้นทาง ไปดูวัด ดูตลาดสดริมน้ำสำหรับผมนั้น อย่างหนึ่งคือสอดส่ายสายตาเสาะหาพืชอาหาร หรือ “ไม้แดก” ตามริมทางที่ได้ปั่นผ่านไปน่ะครับ
Image
ไม้แดกข้างทางมีทั้งยืนต้นสูงใหญ่ อย่างมะกอก มะสัง ราชพฤกษ์และทั้งล้มลุกปะปนกันอยู่ข้างทาง อย่างอ่อมแซบ
ตำลึง ผักบุ้ง พืชผักที่ขึ้นเองแบบนี้ แน่นอนว่าปลอดสารพิษ (แต่ดูดีๆ ก่อนนะว่าแถวนั้นมีฉีดยาฆ่าหญ้าไหม) และรสชาติดีตามธรรมชาติของมัน

โดยเฉพาะที่ผมมองหาเสมอเมื่อได้ออกไปต่างจังหวัดชนบทคือ “กะเพรา” ครับ
Image
ปลายปีที่ผ่านมา แม้ปั่นจักรยานเก็บกะเพราดีๆ ได้ประปรายในเขตอำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ เมืองกาญจนบุรี แต่ผมยังนึกถึงดงกะเพราขนาดใหญ่หลายแห่งในราชบุรี ซึ่งก็สูญหายหมดไปมาก เช่น ตรงเขาบิน และวัดทุ่งน้อย ทั้งเพราะไฟไหม้และการเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศโดยมนุษย์ เลยพยายามด้นดั้นสำรวจหาแหล่งใหม่ๆ เสมอ

ช่วงต้นปีใหม่ได้กลับบ้านแม่ แล้วผ่านไปแถวบ้านหนองตาเนิดลงเดินสำรวจข้างทาง พบว่าโชคเข้าข้างผมเข้าแล้ว
Image
ทุ่งโล่งๆ พื้นที่หลายไร่ มีโขดหินสลับหย่อมน้ำตื้นๆ ให้ชาวบ้านต้อนวัวมาเลี้ยงนั้นคือแหล่งกะเพราะธรรมชาติกว้างใหญ่ที่สุดอีกแห่งที่ผมเคยพบ มีกะเพราหน้าตาถึกๆ หลายแบบขึ้นอยู่ท่วบริเวณ ทั้งแบบฉุนอ่อน ฉุนหวาน และฉุนร้อนรุนแรงสุดๆ

เลยขอแชร์มาเป็นสาธารณะครับเผื่อใครผ่านไปทางนั้น แล้วอยากดูว่า “ดงกะเพรา” ที่ผมชอบพูดถึงบ่อยๆ นั้นสภาพเป็นยังไง อลังการขนาดไหน
Image
ผมเก็บกะเพราะบ้านหนองตาเนิดมาทำ “หมูทอดกะเพรา” ด้วย โดยตำพริกขี้หนู กระเทียม พอหยาบๆ ใส่หมูสับ ตำจนเข้ากันดี เติมเกลือป่นแป้งมัน น้ำปลา ตามด้วยใบกะเพราหั่นหยาบ ตำขยอกๆ ปั่นก้อนกลมๆทอดในกระเทะน้ำมันไฟอ่อนจนสุกหอม

เป็นวิธีกินกะเพราที่ผมเพิ่งค้นพบครับ ใครมีลูกสาวลูกชายเล็กๆ น่าทำใส่อับข้าวให้เขาพกห่อเอาไปกินที่โรงเรียนไหมล่ะครับ...
Image