ต้นไม้ความหวัง
ทางอีกสายสมุนไพรสู้โควิด EP.03
SCOOP
เรื่อง : วีรศักร จันทร์ส่งแสง
ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย์
ฟ้าทะลายโจร
ในงานวิจัย
รสนา โตสิตระกูล
“งานวิจัยเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรที่สำคัญชิ้นหนึ่งของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ เมื่อ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๔ ทดลองใช้สารสกัดรวมของฟ้าทะลายโจรและสารแอนโดรกราโฟไลด์ต่อเซลล์เยื่อบุผิวปอดของมนุษย์ในหลอดทดลอง พบว่าสามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ และไม่พบความเป็นพิษต่อเซลล์อวัยวะสำคัญของมนุษย์ ทั้งสมอง ปอด ตับ ไต และลำไส้ ข้อสรุปของงานวิจัยนี้ระบุว่า “ฟ้าทะลายโจรมีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นยาเดี่ยว หรือใช้ควบรวมกับสูตรยามาตรฐานในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด-๑๙”
ส่วนการทดลองในหลอดทดลองของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อปี ๒๕๖๓ พบว่าฟ้าทะลายโจรแบบผงรวมกับสารแอนโดรกราโฟไลด์ยับยั้งเชื้อโรคโควิด-๑๙ ไม่ให้ขยายตัวได้ ลดการอักเสบ และมีหลายกลไกในการยับยั้งเชื้อเข้าเซลล์ แต่ยังไม่มีการศึกษาแอนโดรกราโฟไลด์ในงานวิจัย RCT (randomized controlled trial) การวิจัยแบบควบคุมกลุ่มตัวอย่างโดยไม่ให้ผู้วิจัยรู้ว่ากลุ่มไหนให้ยาอะไรเพื่อไม่ให้มีอคติในการวิจัย ซึ่งเป็นสิ่งที่การแพทย์แผนปัจจุบันต้องการมากที่สุด แต่แอนโดรกราโฟไลด์ยังมีการวิจัย RCT น้อย ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์มีการวิจัย RCT เยอะกว่า แต่จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิด-๑๙ ของโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข ตีพิมพ์เมื่อ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในงานวิจัยทั้งหมดเกี่ยวกับฟาวิพิราเวียร์พบว่ามีประสิทธิผลต่ำ
ช่วงวิกฤตโควิด-๑๙ พวกเราเหมือนตกน้ำอยู่กลางมหาสมุทร แล้วหมอแผนปัจจุบันก็ไปคว้าเอาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งเป็นยาสำหรับรักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ของญี่ปุ่นมาใช้กับคนไข้ติดเชื้อโรคโควิด-๑๙ ทั้งที่ในการทดลองกับไวรัสโคโรนาในหลอดทดลองก็ไม่ได้ผล การวิจัยแบบ RCT ก็ได้ประสิทธิผลต่ำ แต่ประเทศไทยก็นำเข้ามาใช้อย่างจริงจัง ทั้งที่ WHO ไม่แนะนำให้ใช้ แต่เสนอให้ใช้ในงานวิจัยเท่านั้น ในขณะที่สารสกัดรวมของฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งทำลายการแบ่งตัวของไวรัสโควิด-๑๙ ได้ดีกว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์เดี่ยว ๆ
ควรมีการวิจัยอย่างจริงจังว่าต้องใช้ยาผงฟ้าทะลายโจรในปริมาณต่ำที่สุด โดยมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงที่สุด ในขนาดเท่าใดเพื่อต้านเชื้อโควิดอย่างได้ผล ซึ่งอาจใช้ต่ำกว่า ๑๘๐ มิลลิกรัมต่อวันก็เป็นไปได้
งานวิจัยทางคลินิกจะเป็นคุณูปการในการพัฒนายาผงฟ้าทะลายโจรเพื่อการพึ่งตนเองของประชาชนและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ อีกทั้งเป็นความมั่นคงทางยาและเศรษฐกิจของประเทศด้วย
อยู่อย่างไร
ในยุคโควิด-๑๙
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร
ในสถานการณ์ที่เรากำลังจะเปิดประเทศ เราจะอยู่ร่วมกับโควิด-๑๙ ได้อย่างไร อีกกี่สายพันธุ์ที่จะเข้ามา ถ้าเราติดเชื้อต้องดูว่าจะรักษาให้ภูมิคุ้มกันของเราเป็นปรกติและแข็งแรงได้อย่างไร ยาอายุวัฒนะที่เรามีมาแต่เดิมน่าจะมีบทบาทมาก สมุนไพรที่ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ เช่น ขมิ้นชัน มะขามป้อม พริกไทย หรือแม้แต่ฟ้าทะลายโจร เป็นสิ่งที่รู้จักดี ใช้กันมานาน หาง่าย ราคาถูก อยู่ในวิถีชีวิต มีข้อมูลยืนยันไม่ใช่แค่งานวิจัย แต่เป็นการใช้จากประสบการณ์ตรง มีความปลอดภัย กินได้ทุกวัน เป็นยาบำรุง ซึ่งในตำรับยาฝรั่งไม่มี
โควิด-๑๙ เป็นโรคในกลุ่มไวรัส ไม่มียาอยู่แล้ว ไวรัสฆ่าไม่ได้ ฆ่าไวรัสก็ฆ่าเซลล์เราด้วย เพราะไวรัสอาศัยเซลล์ของเราในการแบ่งตัว หลักการดูแลคือรักษาตามอาการ
ตอนนี้เราใช้ฟาวิพิราเวียร์กันเยอะแยะ การทดลองก็ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ครบขั้นตอน ต้องนำมาใช้ก่อน เพราะความเร่งด่วนเฉพาะหน้า แล้วถามว่าฟ้าทะลายโจรมีงานวิจัยหรือยัง นี่ไม่แฟร์กับสมุนไพร เพราะความจริงยา ฟาวิพิราเวียร์ ก็ยังไม่มีเหมือนกัน
อย่ารอแต่เปเปอร์งานวิจัยของฝรั่ง ต้องทำเองกับสมุนไพรของเรา ยาของเราก็ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ สามารถนำมาใช้ก่อนจากการที่เคยใช้ในโรคและอาการที่คล้าย ๆ กัน ประเทศลาว เวียดนาม ใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นยาหลักในการรักษาโรคนี้ และเราต้องไม่ซื้อยาสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เลือกซื้อ เลือกใช้ด้วยความเข้าใจ
สำหรับโรคโควิด-๑๙ สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาที่คาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และมีความปลอดภัยแน่นอนคือฟ้าทะลายโจร ต้นอายุประมาณ ๓ เดือน ใบจะสะพรั่ง เลือกเฉพาะใบมาก็ได้ สารสำคัญสูงมาก เอามาทำผง ใส่แคปซูลเบอร์ ๑ ประมาณ ๕๐๐ มิลลิกรัม จะมีแอนโดรกราโฟไลด์ราว ๒๐ มิลลิกรัม เท่าสารสกัดโดยไม่จำเป็นต้องสกัดด้วยซ้ำ ต้นทุนถูกกว่าเยอะ หากจะซื้อใช้ก็เลือกบริษัทที่เชื่อถือได้
...
คำตอบเรื่องการดูแลสุขภาพต้องจบที่ทุกคนมีความรู้ รู้จักยาและโรค สาธารณสุขพื้นฐาน เด็กต้องได้เรียนหลักสูตรสมุนไพรตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เป็นแบบว่าอย่าไปกินนะ เพราะอันนั้นหมอไม่รู้จัก หมอก็คือเด็กที่ถูกจับขังในห้องเรียน ต้นอะไรก็ไม่รู้จักหมด อันตรายหมด สุดท้ายสังคมจะเดี้ยง
การให้กักตัวในโรงพยาบาลสนามก็ดี ที่บ้านก็ดี แต่ไม่สร้างความรู้ก็ไม่ถูกต้อง ประชาชนต้องมีความรู้เรื่องโรค สมุนไพรพื้นฐาน อาหารต้านโรค อะไรที่ทำให้ตัวเองแข็งแรง ลดผลเสียจากโรคก่อนจะลุกลาม เหมือนไฟกองเล็ก ๆ เราดับก่อนเป็นไฟกองใหญ่ อย่างโรคหวัด หากร่างกายได้รับการจัดสมดุล รักษาตัวเองก็หาย”
ปอดอักเสบ
เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สามารถทะลวงเข้าไปถึงแขนงหลอดลมฝอยและถุงลมปอด ทำให้ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเกิดอาการปอดอักเสบ มีราว ๕ เปอร์เซ็นต์ที่รุนแรงขั้นวิกฤต ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตราว ๑ เปอร์เซ็นต์
นอกจากทำให้ปอดอักเสบ เชื้อโรคโควิด-๑๙ จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานอย่างรุนแรง ทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันมากเกินไป ส่งผลให้สูญเสียการทำงานของระบบหายใจ
การสังเกตอาการตัวเอง ให้ดูจากการมีไข้เกิน ๓๘.๕ องศาเซลเซียส เกิน ๒ วัน หายใจเหนื่อย หายใจเร็วกว่า ๒๒ ครั้งต่อนาที เจ็บหน้าอกเวลาสูดหายใจลึกหรือเวลาไอ
แพทย์จะวินิจฉัยผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อจากประวัติการมีไข้ ไอ การหายใจเหนื่อย และดูฝ้าขาวในปอดจากการเอกซเรย์
ในกรณีที่ยังไม่พบว่าปอดอักเสบหรือยังไม่ได้ตรวจเอกซเรย์ การกินฟ้าทะลายโจรในรูปแบบและขนาดที่โรงพยาบาลแนะนำสามารถช่วยลดปริมาณไวรัสได้ และอาจช่วยยับยั้งการเกิดปอดอักเสบหรือช่วยลดความรุนแรงลง
แต่ถ้าตรวจพบว่าปอดเกิดการอักเสบแล้ว แพทย์จะให้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ถ้าการวัด “ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนจากจังหวะการเต้นของเส้นเลือด” (pulse oxygen saturation) ขณะอยู่นิ่ง มีค่าตั้งแต่ ๙๔ เปอร์เซ็นต์ลงไป ต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจนเสริม และต้องให้ยาต้านการอักเสบเพื่อปรับสมดุลภูมิคุ้มกันตอบสนองของร่างกายให้พอเหมาะ โดยใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์อย่างเดกซาเมทาโซนหรือเพรดนิโซโลน ควบคู่กับฟาวิพิราเวียร์ราว ๑๐ วัน
สรุปจาก “ไขข้อสงสัย ปอดอักเสบ” โดย รศ. นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล นิตยสาร หมอชาวบ้าน ฉบับ ๕๐๙ เดือนกันยายน ๒๕๖๔