“จับโกหก” ล้างพิษ
holistic
เรื่อง : ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์
ภาพประกอบ : zembe
คําว่าดีท็อกซ์หรือล้างพิษเป็นคำยอดฮิตในแวดวงสุขภาพมาหลายปีและนับวันยิ่งเข้มข้นสื่อเกี่ยวกับสุขภาพและสื่อสังคมออนไลน์มักนำเสนอเรื่องการล้างพิษ ส่วนร้านค้าออนไลน์ชื่อดังอย่างลาซาด้ามีสินค้าหมวดอาหารเสริมล้างสารพิษถึง ๔.๕ หมื่นรายการ ด้วยความหมายเชิงบวกที่หมายถึงการนำพิษออกจากร่างกาย จึงนำคำคำนี้ไปใช้ทั้งเรื่องอาหารการกิน อารมณ์และจิตใจ เช่น ล้างพิษลำไส้ ล้างพิษตับ ล้างพิษโลหะหนัก ล้างพิษดิจิทัล ล้างพิษใจ เป็นต้น
ทว่าการล้างพิษเหล่านี้สามารถล้างพิษออกจากร่างกายได้จริงหรือ และคุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไปหรือไม่
สารคดีชุด “คู่มือโกงความตาย (A User’s Guide to Cheating Death)” ตอนดีท็อกซ์ พาเราไปสัมผัสการล้างพิษอันหลากหลายที่พิธีกรทดลองทำด้วยตัวเอง สัมภาษณ์ผู้ทำและผู้เชี่ยวชาญ เช่น แช่เท้าในเครื่องอิออน อาบแสงอินฟราเรด อบสมุนไพรจิ๋ม กระโดดบนแทรมโพลีน สวนทวารล้างลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
ในการสัมภาษณ์ผู้ให้บริการดีท็อกซ์ พวกเขาล้วนเชื่อสุดใจว่าการดีท็อกซ์นั้นกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้จริง ทำให้ร่างกายสดชื่น และบำบัดโรคบางประการ ส่วนใหญ่นำประสบการณ์ตนเองมาอ้างอิง
ในทางตรงกันข้าม นักวิทยาศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ได้รับเชิญมาออกรายการกลับมองว่าวิธีการดังกล่าวไม่มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าได้ผล บางวิธีเสียเงิน บางวิธีเสียเวลา และบางวิธีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ พวกเขาพิสูจน์ด้วยการ “จับโกหก” ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือการเล่นแร่แปรธาตุจากสารเคมีที่ใช้หรือใส่เข้าไปในอุปกรณ์หรือร่างกาย มิใช่สารพิษจากร่างกายของผู้รับการล้างพิษแต่อย่างใด
กรณีแช่เท้าด้วยเครื่องอิออน เมื่อผู้ดำเนินรายการหย่อนเท้าลงไปในอ่างน้ำไม่กี่นาที น้ำใส ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลสนิม หลังจากดื่มวิตามิน สักพักก็มีคราบไคลลอยอยู่ในน้ำ ผู้ให้บริการบอกว่าเป็นสีของสารพิษที่ถูกดึงออกมาจากไต ฉากต่อไปมีการเปิดเครื่องทำงานโดยไม่ต้องแช่เท้าน้ำก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนกัน
“ถ้าไม่รู้เรื่องสรีรศาสตร์และกระบวนการอิเล็กโทรไลต์จะรู้สึกเหมือนต้องมนตร์ มันดูจริงมาก เมื่อเราทดลองให้กระแสไฟฟ้าผ่านขั้วสองขั้ว ขั้วหนึ่งเป็นอะลูมิเนียมอีกขั้วเป็นเหล็ก เมื่ออิออนเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนก็จะกลายเป็นสนิม แม้ไม่แช่เท้าลงไปน้ำก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ที่ต่างคือเหงื่อของแต่ละคนมีเกลือแร่มากน้อยต่างกันก็จะทำให้สีน้ำต่างไปด้วย” ดร. โจ ชวอร์ซ (Joe Schwarcz) ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และสังคม มหาวิทยาลัยแมกกิลล์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพหลายเล่มกล่าว
สำหรับวิธีทำสมุนไพรเพื่ออบอวัยวะเพศหญิงตามสูตรของ กวินเน็ท พัลโทรว์ ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง ที่มีผู้อ้างว่าช่วยแก้ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อของยีสต์ในช่องคลอด กระชับช่องคลอด แก้ปวดประจำเดือน ซึ่งประกอบด้วยดอกไม้แห้งและเครื่องเทศขนานต่าง ๆ นำมาต้มรวมกัน กรณีนี้แพทย์หญิงเจนนิเฟอร์ กันเตอร์ สมาชิกแพทยสภาสี่สาขา นำหุ่นจำลองอวัยวะเพศหญิงมาสาธิตว่าการนำอวัยวะเพศไปอังไอร้อนเสี่ยงต่อการถูกลวก และไม่มีส่วนผสมใดเลยที่จะส่งผลกระทบทางชีววิทยาต่อร่างกายมนุษย์ ภาวะออกซิเจนต่ำเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับช่องคลอดอยู่แล้ว ผู้หญิงอยู่กับสิ่งนี้มานับพันปี หากจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาทำความสะอาดถือว่าไม่จำเป็น เว้นเสียแต่ว่าอาจทำให้กลิ่นหอมขึ้น และการใช้ถุงน้ำร้อนอังที่หน้าท้องจะช่วยแก้ปวดประจำเดือนได้ดีกว่า
“การอบจิ๋มเป็นความสึกกร่อนทางวิทยาศาสตร์ ยิ่งมีเรื่องน่าขันไม่น่าเชื่อเท่าไร ก็ยิ่งง่ายขึ้นที่คนจะเชื่อความเชื่อน่าขันอื่น ๆ” เธอกล่าว
ส่วนการกระโดดบนแทรมโพลีนที่ครูฝึกในฟิตเนสบอกว่าช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลือง เพิ่มภูมิคุ้มกัน และกำจัดสารพิษ เพราะเมื่อกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเฉพาะในอเมริกามีผู้บาดเจ็บจากการกระโดดบนแทรมโพลีนนับพันคน และช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมากินค่าใช้จ่ายในระบบสุขภาพประมาณ ๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การออกกำลังกายอื่น ๆ ให้ประโยชน์ใกล้เคียงกัน แต่อันตรายน้อยกว่า
ในบ้านเรากระแสการล้างพิษมาแรงและมาเป็นช่วง ๆ มีผู้เชี่ยวชาญออกมาไขปริศนาหรือจับโกหกการล้างพิษบางประเภทและมีฝ่ายสนับสนุนได้ชี้แจงหักล้าง เช่น กรณีการล้างพิษตับ นักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งทดลองให้เห็นว่าวัสดุที่เป็นก้อนแข็งเป็นปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากการจับตัวของน้ำมันมะกอกและน้ำดี ไม่ใช่นิ่วในถุงน้ำดีที่ถูกขับออกมาจากกระบวนการล้างพิษตับ ขณะอีกฝ่ายอ้างอิงว่าผู้ล้างพิษตับล้วนมีสุขภาพดีขึ้น โดยยกกรณีแพทย์แผนปัจจุบันสองสามรายที่ล้างพิษตับแล้วสุขภาพดีขึ้น ซึ่งวิวาทะแบบนี้มักไม่มีข้อสรุป เพราะคนที่เชื่อก็จะยังคงสนับสนุนและทำต่อไป
สารคดีเรื่องนี้เผยให้เห็นปรากฏการณ์การล้างพิษที่ดูจะเหมือนกันทั่วโลก คือเริ่มต้นจากคนดังหรือผู้ป่วยที่เอาชนะโรคร้ายได้แล้วทำตาม ๆ กันจนกลายเป็นกระแส ผู้เขียนจึงขอปิดท้ายด้วยข้อสรุปของ ดร. โจ ชวอร์ซ ว่า “ความกลัวของเราเอง การสร้างขึ้นของเรา และการกระทำของเรา เป็นสาเหตุให้สารพิษในร่างกายสูงขึ้น และปูทางให้แก่การตลาดดีท็อกซ์... บางคนบอกว่าดีท็อกซ์ช่วยทำให้หายจากมะเร็ง แต่ดูเหมือนจะหลงลืมไปว่าเขาทำคีโมและผ่าตัดด้วย พออาการดีขึ้น อาหารเสริมและการดีท็อกซ์กลับได้เครดิตไป เมื่อวิทยาศาสตร์ไม่มีคำตอบเราจะบอกว่าเราไม่รู้ แต่อีกสายหนึ่งไม่พูดอย่างนั้น เขาจะบอกว่าเรามีทางออก มันง่ายและผิด และเราจะเห็นคนยืนยันสาบานว่าวิธีนี้ดีจริงและไม่หลอกลวงต่อไปเรื่อย ๆ”
ทิโมที คอลฟิลด์ (Timothy Caulfield) พิธีกรสารคดีเรื่องนี้บอกว่า การล้างพิษที่ดีที่สุดคือการกินดีอยู่ดี หมายถึงกินอาหารที่แท้จริง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลน้ำหนักตัว และนอนหลับให้เพียงพอ ที่เหลือปล่อยให้อวัยวะซึ่งมีหน้าที่ชำระล้างสารพิษทำหน้าที่ของตัวเอง ดังที่แพทย์หญิงนีช พันนู (Neesh Pannu) ศาสตราจารย์ด้านวักกวิทยา (ไต) และการดูแลผู้ป่วยวิกฤต มหาวิทยาลัยแอลเบอร์ตา กล่าวว่า
“ร่างกายมีวิธีกำจัดสารพิษผ่านเหงื่อและปัสสาวะ มีตับและไตทำหน้าที่ขับสารพิษ ไตมีความสำคัญอย่างยิ่งโดยกรองเลือด ๑๑๔-๑๔๐ ลิตรต่อวัน และผลิตปัสสาวะ ๑-๒ ลิตรต่อวัน ปล่อยให้ไตชำระล้างทำความสะอาดร่างกายดีกว่า อย่าไปทำให้ร่างกายสกปรกเลย ร่างกายจะบอกคุณว่าเมื่อไรคุณต้องการน้ำและเท่าไร โดยไตจะทำหน้าที่เอง”