จีน-แอฟริกา
จากบรรณาธิการ
ระหว่างเดินทางกลับเมืองไทยจากเมืองหลวงลูซากา ประเทศแซมเบีย เพื่อไปเปลี่ยนไฟลต์ที่ไนโรบี ประเทศเคนยา แล้วบินตรงมากรุงเทพฯ ผมพบกับหนุ่มชาวจีนที่ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดคนเดียวเหมือนกัน
แต่หนุ่มจีนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่เช็กอินกวักมือเรียกผมเข้าไปช่วย คงเพราะคิดว่าผมหน้าตาจีน ๆ คล้ายกัน ผมเลยอาสาช่วยเหลือตั้งแต่เช็กอินจนถึงพาขึ้นเครื่อง
ระหว่างนั่งรอ ผมคุยกับเขาโดยกดเทกซ์ผ่านเครื่องแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนในแอปพลิเคชันมือถือ แต่บทสนทนาก็กระท่อนกระแท่น จับความได้ว่าไม่ได้มาเที่ยว แต่มาทำงานที่แซมเบีย อายุ ๒๐ ต้น ๆ เท่านั้น
ผมได้แต่นึกในใจว่าถ้าสามารถทำงานในต่างประเทศโดยไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษกับใคร แสดงว่าแต่ละวันเขาคงไม่ต้องติดต่อกับคนท้องถิ่นเท่าไร ชุมชนชาวจีนที่นี่คงกว้างขวางพอช่วยเหลือเขาได้อย่างดี เรื่องนี้สอดคล้องกับภาพวันแรกที่ผมเดินทางมาถึงแซมเบีย ทั้งป้ายโฆษณาสินค้า ป้ายกิจการหลายอย่างในเมืองลูซากา ร้านอาหาร ธนาคาร งานก่อสร้าง ล้วนบ่งบอกว่าดำเนินการโดยบริษัทจีน รวมถึงสนามบินนานาชาติของแซมเบียที่กำลังก่อสร้างปรับปรุงขยายอาคารใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว
เมื่อถามนักข่าวท้องถิ่นแซมเบียว่าทำไมรัฐบาลไม่จ้างบริษัทก่อสร้างของแซมเบียสร้างสนามบินเอง เขาตอบทีเล่นทีจริงว่า ถ้าบริษัทท้องถิ่นเองอาจต้องใช้เวลา ๒ ปี แต่จีนจะสร้างเสร็จใน ๖ เดือน เพราะจีนสร้างทุกอย่างเสร็จเร็วมาก
ที่สนามบิน ผมยังพบครอบครัวชาวจีนที่ลูกสาวลูกชายพาพ่อแม่อายุมากแล้วมาเที่ยวส่องสัตว์ซาฟารีและดูน้ำตกวิกตอเรียแบบชิลล์ ๆ อย่างกับคนไทยพาครอบครัวไปเที่ยวญี่ปุ่น
บ่งบอกว่าภาพดินแดนแอฟริกาที่คนไทยหวาด ๆ กลัว ๆ ดูจะแตกต่างจากภาพที่คนจีนมองแอฟริกาอย่างมาก
คนแอฟริกาท้องถิ่นผิวสี ผิวน้ำตาลเข้ม หรือผิวดำเมี่ยม ที่ผมเคยเจอและทักทาย นิสัยดี ร่าเริง มีความรู้ และพูดภาษาอังกฤษดีแทบทุกคน แม้แต่เด็กนักเรียนในชนบทห่างไกล ผมเองเสียอีกที่ต้องตะแคงหูฟังว่าเด็กพูดอะไร ด้วยความที่เราคุ้นชินกับการออกสำเนียงอังกฤษแบบไทย ๆ ทำให้เราฟังไม่เข้าใจแม้ศัพท์พื้น ๆ ทำนองเดียวกับที่ภาษาไทยมีเสียงวรรณยุกต์ เปลี่ยนเสียงก็เปลี่ยนความหมายอย่าง มา กับ ม้า
สาวชาวกานานักจัดกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวแอฟริกาบ่นให้ผมฟังว่าที่กานาบริษัทจีนเข้าไปทำเหมืองทองคำพร้อมกับสร้างปัญหามลพิษทั้งแบบลักลอบขุดเหมืองผิดกฎหมายและแบบถูกกฎหมาย รวมทั้งคนจีนใช้วิธีเข้ามาแต่งงานกับสาวชาวกานาเพื่อจะได้ดำเนินธุรกิจในท้องถิ่นได้อย่างคล่องตัว
แซมเบียซึ่งเป็นแหล่งผลิตทองแดงใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกาก็เคยมีปัญหามลพิษจากการทำสัมปทานเหมืองแร่ของจีน ยิ่งกว่านั้นเมื่อ ๒-๓ ปีก่อนรัฐบาลยังเคยอนุญาตให้คนจีนทำหน้าที่เป็นตำรวจ แต่ถูกชาวแซมเบียประท้วงอย่างหนักจนต้องเลิกราไปในที่สุด
แม้ว่าแอฟริกาจะเต็มไปด้วยคนผิวดำ แต่เอาเข้าจริงก็ผสมผสานด้วยผู้คนหลากหลาย โดยเฉพาะแขกอาหรับ อินเดีย ที่เคยเข้ามาติดต่อและแพร่อิทธิพลทั้งทางศิลปะและวัฒนธรรม หรือคนผิวขาวชาวยุโรปจากสมัยล่าอาณานิคมที่เข้ามาปกครองเกือบทุกดินแดนและจับคนแอฟริกาไปเป็นทาส ก่อนที่ประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกาจะได้รับอิสรภาพในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อราว ๕๕ ปีก่อน
ทุกวันนี้มีบริษัทจีนทำธุรกิจในแอฟริกามากกว่า ๑ หมื่นบริษัท และรัฐบาลจีนมีนโยบายกระชับความสัมพันธ์โดยให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาชาวแอฟริกาปีละหลายพันคนไปเรียนต่อในประเทศจีน จนกลายเป็นประเทศที่เด็กแอฟริกาไปเรียนต่อมากที่สุด แซงหน้าจุดหมายเดิมอย่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกา จะเป็นรองแค่ฝรั่งเศส ซึ่งคาดว่าคงอีกไม่กี่ปี
เช้าวันหนึ่งที่อุทยานแห่งชาติเซาท์ลูอังวา เวลาอาหารมื้อเช้าผมได้รับการจัดโต๊ะให้นั่งร่วมรับประทานกับครอบครัวชาวจีน โดยพนักงานเข้าใจผิดว่าผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวนั้น
“หนีห่าว” เราอาจต้องหัดพูดภาษาจีนให้คล่องสักหน่อย หากต่อไปจะไปแอฟริกา
สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร สารคดี
suwatasa@gmail.com
ฉบับหน้า
Next Issue
ความลับของวันมงคล
วิวาห์ชาติพันธุ์